หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 50 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 50 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (1)
ตอนที่ 50 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (1)
ยิ่นอ๋องมองเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาวิ่งฉิวเข้ามาหาตน สัญชาตญาณของคนฝึกวรยุทธ์ทำให้เขาเบี่ยงหลบโดยไม่ต้องคิด แต่กระนั้นก็ยังคงหลบไม่พ้น ถูกโผเข้าหาดังอั๊ก แผ่นหลังทั้งแผ่นล้มกระแทกอย่างแรงลงกับพื้นที่ทั้งเย็นและแข็ง
ความรู้สึกปวดร้าวอย่างรุนแรงทำให้เขาสงสัยว่าศีรษะของตนแตกกระจายออกแล้วหรือไม่
แน่นอนว่ากระดูกก็เหมือนจะหลุดออกจากตำแหน่งไปประมาณหนึ่งด้วย
สองตาของเขาเห็นดาวระยิบระยับ ข้างหูเป็นเสียงสูดหายใจเฮือกของศิษย์ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ดูก็รู้ว่าตนขายขี้หน้าไปมาจริงๆ แต่ตอนนี้โลกเขาหมุนคว้างไปหมด ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น พอเขาหายจากอาการมึนงง แผ่นแป้งขนาดใหญ่ที่บึกบึนกำยำตรงหน้าก็เกือบทำให้เขาตกใจจนเป็นลมไปอีกครั้ง!
ยอดหญิงงามยกยิ้มมุมปาก “พอใจกับสิ่งที่เจ้าได้เห็นรึไม่”
ยิ่นอ๋องเป็นลมสลบไปอย่างงดงาม…
ศิษย์ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่ายอดหญิงงามคือใคร แต่เมื่อครู่นางพูดเป็นภาษาจงหยวน ในหมู่พวกเขาโดยมากฟังกันไม่เข้าใจ ย่อมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีฐานะเช่นไร ยังคิดว่าเป็นยอดฝีมือสักคนของฝั่งอวิ๋นจูที่น่าเกรงกลัวมากเสียอีก จนกระทั่งแม่ชีน้อยทั้งสามวิ่งกรูกันลงจากอัฒจันทร์แล้วร้องเรียกอามาๆ ทุกคนถึงได้เข้าใจว่านี่คือฮูหยินของเจ้าสำนักน้อยของพวกเขา?!
เจ้าสำนักน้อยเหตุใดถึงได้รสนิยมดุดันเช่นนี้!
ใต้หล้าทั่วท้องนภามีดอกไม้ใบหญ้าอยู่มากมาย เหตุใดถึงไปหลงรักไม้ยืนต้นเข้าเสียได้!
ศิษย์ทุกคนพากันปิดปาก ตาจะบอด ตาจะบอด ตาจะบอด…
ยอดหญิงงามรู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าพ่อของลูกนางสลบไปแล้ว แต่นางไม่คิดว่าอีกฝ่ายสลบไปเพราะตน นางคิดเพียงว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นเกินไป เลือดเลยสูบฉีดจนหมดสติไป
นางกดจุดตรงเหนือปากให้เขาอย่างหวังดีจนเขาฟื้นคืนสติกลับมา
ยิ่นอ๋องที่ได้สติ “…”
เหตุใดถึงต้องทำให้ข้าฟื้น ให้ข้าตายไปเถิด…
ยิ่นอ๋องคิดมาตลอดว่าตนซ่อนตัวอย่างดี สตรีนางนี้ไม่มีวันหาเขาเจอตลอดชั่วชีวิตนี้ ไฉนเลยเขาจะรู้ว่าข่าวที่เขากับบุตรทั้งสามถูกคนเยี่ยหลัว “จับตัว” ไปถูกส่งไปถึงชนเผ่าเก่าเย่ว์นานแล้ว ยอดหญิงงามก็ไม่ใช่คนโง่อะไร กอปรกับองครักษ์เกราะทมิฬที่คอยบังเอิญชี้เบาะแส คงยากที่จะตามหามาไม่ถึงที่นี่ โ
เพียงแต่การที่นางตามมาถึงได้ถูกเวลาเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่องครักษ์เกราะทมิฬกะเกณฑ์เอาไว้ นี่เป็นโชคชะตาของตัวยิ่นอ๋องเอง
หากเร็วกว่านี้ บางทียิ่นอ๋องอาจจะควบคุมสถานการณ์ได้ ช้ากว่านี้ก็อาจจะมาไม่ทันกาล
ไม่ช้าไม่เร็วกำลังดีเช่นนี้คือโชคชะตาทั้งสิ้น
ทางด้านหนึ่งมีศิษย์หัวใสตะโกนขึ้นว่า “เช่นนี้ไม่นับ! นางเป็นฮูหยินของเจ้าสำนักน้อย! นางเป็นคนของพวกเรา!”
เฉียวเวยถามฟู่เสวี่ยเยียนด้วยความงงงวย “เขาพูดว่าอะไร”
ฟู่เสวี่ยเยียน “เขาบอกว่า ยอดหญิงงามเป็นฮูหยินของเจ้าสำนักน้อย ไม่ใช่คนของพวกเรา”
เฉียวเวยยิ้มแล้วบอกว่า “เช่นนั้นเจ้าบอกเขาที ยิ่นอ๋องกับคุณหนูจากชนเผ่าเกาเย่ว์ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน จะนับเป็นฮูหยินของเจ้าสำนักน้อยไม่ได้”
ฟู่เสวี่ยเยียนยกมุมปากอย่างอดขำไม่ได้ แล้วถ่ายทอดคำพูดเฉียวเวยให้ศิษย์ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ฟัง
คนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์โกรธกันจนหน้าขาวซีด
ยอดหญิงงามลูบใบหน้ายิ่นอ๋องอย่างอ่อนโยน ใช้ภาษาเยี่ยหลัวที่ฟังดูแปร่งหูเอ่ยเสียงก้องว่า “พวกเจ้าให้เขาแต่งข้าเป็นฮูหยิน แล้วการประลองครั้งนี้ข้าจะถือว่าข้าไม่เคยเข้าร่วมมาก่อน”
ทุกคนพากันหันขวับไปมองยิ่นอ๋อง
ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เพื่อลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ท่านก็ทำตามที่ “หญิงงาม” ว่าแล้วกัน!
ยิ่นอ๋องเอ่ยด้วยความคับแค้น “ข้า…ให้ตาย…ก็ไม่…แต่งกับ…เจ้า…”
ยอดหญิงงามพลันใช้สองมือจับตัวยิ่นอ๋องที่ดิ้นสู้สุดชีวิตกลับลงกับพื้น!
การประลองครั้งนี้ยิ่นอ๋องแพ้อย่างหมดรูป ทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรีสูญสิ้นไปจนหมด น่ากลัวว่าคงกลับมายืดอกต่อหน้าผู้คนไม่ได้ไปอีกพักใหญ่
…
ยอดหญิงงามกับแม่ชีน้อยทั้งสามอยู่กันที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีใครกล้าไม่ให้พวกนางอยู่ต่อ เพราะถึงอย่างไรแม่ชีน้อยทั้งสามมือหนึ่งจับอาปา อีกมือหนึ่งจับอามา เจ้าสำนักน้อยไม่ได้พูดอะไร พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีกหรือ
ยิ่นอ๋องอันที่จริงแล้วพูดไม่ได้ เพราะถูกสกัดจุดไว้
การประลองห้ายกผ่านไปแล้วสามยก ผลคะแนนคือสองต่อหนึ่ง เฉียวเวยได้สอง ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้หนึ่ง เฉียวเวยกับเฮ่อหลันชิงขอแค่ได้อีกตาเดียว ลัทธิศักดิ์สิทธิ์กับเมืองเหนือยอดเมฆก็จะเป็นของพวกเขาแล้ว
เพียงแต่ที่ทำให้เฉียวเวยรู้สึกงุนงงก็คือ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ อวิ๋นซู่ก็ยังไม่ออกมาให้เห็นอีก ช่างข่มโทสะได้ดียิ่งนัก
เพียงแต่ต่อให้เขาข่มโทสะได้ดีเพียงใด พรุ่งนี้อย่างไรก็ต้องออกมา เพราะถึงอย่างไรนอกจากเขาแล้ว ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเฮ่อหลันชิงอีก นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ต้องการลัทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“ตอนนี้พวกเราจะทำอะไรกันล่ะ” ไห่สือซานเลิกคิ้วถอนหายใจถาม
การประลองในวันนี้รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ แค่ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้น ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็แพ้ราบคาบแล้ว เวลานี้ฟ้ายังสว่างโร่ ยังไม่ถึงเที่ยงวันเลยด้วยซ้ำ
เฉียวเวยหันไปถามเฮ่อหลันชิง “ท่านแม่ นี่ก็ยังเช้าอยู่ พวกเราไปตามหาจักรพรรดิอสูรกันสักหน่อยดีหรือไม่” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เฮ่อหลันชิงตอบเสียงเรียบว่า “เจ้านั่นมีอะไรน่าตามหากัน”
ในใจเฉียวเวยรู้ดีว่าท่านแม่ของตนยังไม่พอใจที่จักรพรรดิอสูรเกือบสังหารนางอยู่ จึงรีบเอ่ยปลอบว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากหรอก แต่คือ… เวลานี้เขาไม่มีสติ หากเกิดคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ตามหาตัวเขาเจอเข้าแล้วใช้ประโยชน์จากเขามาเล่นงานพวกเรา พวกเราจะไม่เท่ากับมีศัตรูเพิ่มมาหนึ่งคนหรือ”
เฮ่อหลันชิงส่งเสียงหึเย็นๆ “ให้เขามาสิ! ข้ากลัวเขาหรือไร”
เฉียวเวยกอดแขนมารดาไว้ เอ่ยเอาใจว่า “ท่านแม่ข้าเก่งเพียงนี้ ย่อมไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น! เพียงแต่พวกเราจะประมาทคนเลวชาติอย่างพวกลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ท่านแม่ว่าจริงหรือไม่”
เฮ่อหลันชิงตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ
พวกนางจึงตกลงกันเช่นนี้ คณะของพวกเขาออกจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แบ่งกำลังพลออกเป็นหลายสาย แล้วเริ่มตามหาภายในเมืองเหนือยอดเมฆ
ส่วนเด็กทั้งสองให้อยู่ในความดูแลขององครักษ์เกราะทมิฬ เดินเล่นกันไปภายในเมือง
เมืองเหนือยอดเมฆเป็นสถานที่ที่ดี ผู้คนเป็นเลิศ สิ่งปลูกสร้างมีความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ ทั้งยังให้บรรยากาศที่แปลกใหม่ จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูชื่นชอบยิ่งนัก จึงมองกันตาปริบๆ ไปตลอดทาง
เฉียวเวยไปกับเสี่ยวไป๋ ออกเดินไปทางตะวันออก ที่พวกนางไปกันทางตะวันออกเป็นเพราะเคยศึกษาอย่างลึกซึ้งมาแล้ว ว่ากันว่าร้านถังหูลู่ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหนือยอดเมฆ อยู่ทางตะวันออกนี้เอง
เมื่อไม่มีถั่วเคลือบน้ำตาลให้กิน บางทีถังหูลู่อาจจะพอขัดตาทัพไปได้
ทางนี้ คณะของเฉียวเวยออกตามหากันทุกซอกทุกมุม อีกด้านหนึ่ง ยิ่นอ๋องกลับถูกยอดหญิงงามประคอง (แบก) กลับที่พักของตน
อาคารหินลักษณะคล้ายปราสาทแห่งนี้มีทั้งหมดสองชั้น แต่ละห้องกว้างใหญ่จนแทบไม่อยากเชื่อ ทางเดินก็ทั้งยาวทั้งสว่างโร่ แล้วยังมีบันไดให้แม่ชีน้อยทั้งสามได้กระโดดเล่นกันด้วย
แม่ชีน้อยทั้งสามเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ยิ่นอ๋องถูกยอดหญิงงามผลักเข้าไปในห้อง ยอดหญิงงามยังเอาที่ขัดประตูลงเสียด้วย
ว่ากันว่าไม่พบหน้าหนึ่งวันคล้ายห่างกันสามใบไม้ร่วง นี่พวกเขาไม่รู้ไม่ได้พบกันมากี่วันแล้ว
ยิ่นอ๋องถลึงตาใส่นางอย่างทั้งอับอายและขุ่นเคือง
นางคลายจุดใบ้ให้ยิ่นอ๋อง
ยิ่นอ๋องเปล่งเสียงได้ก็ตั้งต้นด่าทอทันที “เจ้ามันสตรีฟั่นเฟือน! อย่าได้คิดแตะต้องข้าแม้แต่ปลายนิ้วเชียวนะ!”
ยอดหญิงงาม “หึหึ”
ยิ่นอ๋องควานหาของในตู้หัวเตียง หาอยู่นานในที่สุดก็ได้เชิงเทียนมาอันหนึ่ง เขารีบเงื้อเชิงเทียนขึ้น หมายจะทุบใส่ศีรษะของยอดหญิงงาม
ยอดหญิงงามมีหรือจะถูกอีกฝ่ายทุบได้ง่ายๆ
สตรีนางนี้ไม่รู้โตมาด้วยอะไร กำลังภายในน่ายำเกรงว่ายอดฝีมือแห่งยุทธภพอย่างยิ่นอ๋องเสียอีก
ยิ่นอ๋องมองใบหน้าอวบใหญ่ของอีกฝ่าย มักคิดว่าตื่นมานางจะต้องโกนหนวดทุกเช้าเป็นแน่!
ยิ่นอ๋องอาศัยช่วงที่นางไม่ทันระวังตัว กระโดดลงจากเตียง วิ่งไปทางประตูทันที!
เขาดึงประตูเปิด!
เขาพุ่งตัวออกจากห้อง!
พลั่ก!
ไม่ทันระวังเหยียบถูกลูกแก้วที่มีชีน้อยทั้งสามเล่นกันอยู่ที่พื้นจนหงายหลังล้ม
ห่างไปไม่ไกลมีศิษย์เดินลาดตระเวนผ่านมา
เขายื่นมือไปหาอีกฝ่าย “ช่วย…”
คำว่าด้วยยังไม่ทันพูดออกไป ก็ถูกยอดหญิงงามลากเขากลับเข้าห้องไปเสียแล้ว
…