หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 51 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 51 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (2)
ตอนที่ 51 ยิ่นอ๋องผู้ถูกกระทำ (2)
ทางด้านเฉียวเวยยังไม่รู้ว่ายิ่นอ๋องตัวสั่นงันงกอยู่ใต้ตัวยอดหญิงงามไปแล้ว นางกำลังเดินอยู่ตามตรอกซอกซอยกับเสี่ยวไป๋เพื่อตามหาร่องรอยของจักรพรรดิอสูร
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางได้เดินเล่นภายในเมืองเหนือยอดเมฆอย่างจริงจัง น่าเสียดายที่ไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมทิวทัศน์สักเท่าไร ได้แต่ตามหาจักรพรรดิอสูรท่ามกลางผู้คนมากมายเท่านั้น
จักรพรรดิอสูรรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนธรรมดา ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ใดก็มักสูงเด่นกว่าใครเสมอ ที่น่ากลัวก็คือเขาจะใช้วิชาหดกระดูกเพื่อให้ตนไม่เป็นที่สะดุดตา
เสี่ยวไป๋ดมซ้ายดมขวาไปตามถนน มีเด็กๆ เดินผ่านตัวมันไปเป็นระยะๆ คอยมองมันด้วยความสนใจ ยังมีบางคนยื่นมือมาลูบตัวมันอีกด้วย
ไม่เท่าไร ไม่เพียงมีแค่เด็กที่ทำเช่นนี้ กระทั่งผู้ใหญ่ก็เริ่มยื่นมือมาลูบตัวเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋ไม่ยอมให้ลูบ มันแยกเขี้ยวกางกรงเล็บขู่ทุกคนที่เข้ามา
ทุกคนดูชะงักไป ก่อนจะก้มหน้าก้มตาท่าทางดูหวาดกลัว
เฉียวเวยมองชาวบ้านเหล่านี้ด้วยความประหลาดใจ อุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมาแล้วเดินออกไป
รู้สึกว่าสายตาผู้คนที่มองเสี่ยวไป๋ดูประหลาด แต่ก็ไม่เหมือนว่าเป็นศัตรู สายตานั้นเป็นเช่นไรเฉียวเวยก็อธิบายไม่ถูก
สรุปก็คือเฉียวเวยรู้สึกไม่อยากให้เสี่ยวไป๋อยู่กับคนเหล่านี้นานเกินไปเท่านั้น ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
นานๆ ทีเสี่ยวไป๋ถึงจะถูกเฉียวเวยอุ้ม มันชูหางสูง หัวทั้งหัวซุกเข้ากับอกของเฉียวเวย
ถูไถหน้าอก ถูไถหน้าอก ถูไถหน้าอก…
เพิ่งถูไถไปได้พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก เฉียวเวยโยนมันลงกับพื้น
เสี่ยวไป๋ล้มหน้าปักพื้น ลุกขึ้นมาสะบัดหิมะบนศีรษะพร้อมกับพ่นน้ำแข็งในปากออกมา
ไม่ยอมให้ข้าถูไถหน้าอก ข้าจะกลับไปถูไถนกเขา!
จีหมิงซิวที่กำลังครองสันโดษอยู่ในห้องลับถึงกับสั่นสะท้าน…
เฉียวเวยกับเสี่ยวไป๋เดินต่อไปในเมือง ระหว่างทางเฉียวเวยเลือกที่ไปทางที่ค่อนข้างร้างไร้ผู้คน ไม่ใช่เพราะนางต้องการหลบเลี่ยงชาวบ้านที่มองเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาประหลาด แต่เพราะนางรู้สึกว่าด้วยนิสัยของจักรพรรดิอสูร เขาไม่ค่อยน่าจะเดินอยู่ตามถนนใหญ่ที่ผู้คนขวักไขว่
ต่อให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง แต่เขาก็น่าจะรู้ว่านักเวทศักดิ์สิทธิ์กำลังถืออาวุธสำหรับเล่นงานนักรบมรณะเพื่อล้อมจับเขาไปทั่วแผ่นดิน
เขาไม่มีทางเปิดเผยตัวง่ายๆ
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์เดินผ่านซอยเล็กๆ กันไปหลายซอย แต่แล้วจู่ๆ เสี่ยวไป๋ก็พบบางอย่างผิดปกติ มันออกแรงดมแล้วกระโจนออกไปทันที!
เฉียวเวยยังเรียกมันไว้ไม่ทัน “เสี่ยวไป๋ เจ้าจะไปไหน?”
เสี่ยวไป๋กระโจนออกไปจากซอย
กว่าเฉียวเวยวิ่งออกไปถึงปากซอย นางก็ไม่เห็นเสี่ยวไป๋แล้ว
“เจ้าเปี๊ยกนี่!”
เฉียวเวยร้อนใจจนกระทืบเท้า ไม่แน่ใจว่าเสี่ยวไป๋ได้กลิ่นไอตัวของจักรพรรดิอสูรแล้วหรือถูกชาวบ้านรักชอบในตัวมันเหล่านั้นจับตัวไป นางมองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็อาศัยสัญชาตญาณเลือกเดินไปทางขวามือ
นางเดินไปอยู่พักหนึ่งแล้วก็ได้เห็นร่างเล็กๆ ของเสี่ยวไป๋อยู่ในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่งเข้าจริงๆ
เสี่ยวไป๋ยืนอยู่บนยอดกำแพง ยืดอกตั้งมองไปทางพระอาทิตย์ หางอันสวยงามของมันถูกลมอ่อนๆ พัดให้ปลิวขึ้น เมืองเหนือยอดเมฆอันแสนวุ่นวายพลันมีกลิ่นอายของความลึกลับและสงบนิ่งขึ้นมาทันที
เฉียวเวยเพ่งมอง ไม่ค่อยแน่ใจว่าเจ้าตัวนั้นคือเสี่ยวไป๋ของตนหรือไม่ เพราะเสี่ยวไป๋ไม่เคยอยู่ในท่าทางที่สง่างามเช่นนั้นมากอ่น และไม่เคย…ตัวใหญ่ขนาดเจ้าตัวนั้น
แต่ก็ไม่ถือว่าใหญ่มากนัก แค่ตัวอวบกว่าเสี่ยวไป๋ประมาณหนึ่ง หากไม่มองให้ดีก็อาจจะมองความต่างนั้นไม่ออก
ดังนั้นเป็นตนที่มองผิดไปหรือไม่กันแน่นะ
เฉียวเวยค่อยย่างเท้าเดินเข้าไป ลองเอ่ยเรียกทีหนึ่ง “เสี่ยวไป๋?”
มันกระโดดเข้าไปในกำแพงทันที
เฉียวเวยก็ปีนตามไปด้วย
ที่นี่เป็นเรือนร้างหลังหนึ่ง ดูแล้วเหมือนขาดการบูรณะมานานปี ไม่มีใครพักอาศัยอยู่
เฉียวเวยไล่ตามมันไปพักหนึ่ง ผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ อีกฝั่งหนึ่งของส่วนดอกไม้มีประตูวงพระจันทร์อยู่บานหนึ่ง พอผ่านประตูวงพระจันทร์นั้นไป ภาพทั้งหมดก็เปลี่ยนไปโดยพลัน
ช่วงแรกเป็นป่าไผ่ที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ถัดไปก็เป็นหุบเขาที่ทิวทัศน์งามเลิศ
ที่บอกว่าทิวทัศน์งามเลิศเพราะในฤดูหนาวของเดือนสิบสองที่ลมหิมะโปรยปรายไม่หยุดนั้น ที่นี่กลับเขียวชอุ่ม แต่งแต้มไปด้วยสีสันมากมาย ซึ่งทำให้เฉียวเวยรู้สึกคล้ายได้เข้ามาอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ
ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้มีหุบเขาอยู่ด้วยเชียวหรือ นี่เดิมทีก็น่าแปลกใจมากอยู่แล้ว หุบเขาแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยทิวทัศน์แห่งฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งยิ่งคาดไม่ถึงเข้าไปใหญ่
เวลานี้เฉียวเวยมีหรือจะยังจำได้ว่าต้องไปตามหาเพียงพอนหิมะตัวนั้น แค่ทิวทัศน์ตรงหน้านี้ก็เพียงพอให้นางเบิกตามองไม่วางตาแล้ว
นางเดินตามทิวเขาไปเรื่อยๆ หลังจากเดินไปพักหนึ่งก็เห็นสระน้ำที่มีกลิ่นอายของเทพเซียน สระน้ำนี้อยู่ด้านหลังพุ่มดอกไม้นานาพรรณ บนผิวน้ำมีควันอ่อนลอยขึ้นมา ทำให้พุ่มดอกไม้ดูคล้ายไม่อยู่ในโลกแห่งความจริง
“บ่อน้ำร้อนหรือนี่” เฉียวเวยมองอยู่พักใหญ่ถึงได้มองออกเสียที นางยังคิดว่าตนมาถึงสระมรกตของหวังหมู่เหนียงเหนี่ยง[1]แล้วเสียอีก ดูท่าคงจะเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ มิน่าเล่าดอกไม้ใบหญ้าที่นี่ถึงได้งดงามเพียงนี้
จะว่าไปทิวทัศน์ที่นี่ถึงแม้จะงดงาม แต่นอกจากสระน้ำนี้แล้ว สิ่งอื่นๆ ดูไม่เหมือนเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดอกไม้ใบหญ้าทุกที่ดูจะได้รับการตกแต่งอย่างประณีตบรรจง
ไม่รู้จริงว่าใครกันที่คิดการใหญ่ สร้างสวนสวรรค์ไว้กลางเมืองเช่นนี้
เฉียวเวยกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด ห่างไปไม่ไกลก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมา
เฉียวเวยพลันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน คิดจะหาที่หลบในทันที แต่ที่ตรงนี้มีแต่พุ่มดอกไม้กับพุ่มดอกไม้ จะไปหลบที่ไหนได้
ถึงอย่างไรคงลงไปหลบในบ่อน้ำไม่ได้กระมัง โ
ต่อให้เฉียวเวยวางแผ่นเช่นนั้น แต่เวลานี้สายไปเสียแล้ว สตรีที่แต่งกายคล้ายสาวใช้หลายคนเดินถือของจำนวนหนึ่งเดินมาทางนี้
เฉียวเวยพุ่งเข้าไปอยู่หลังพุ่มไม้
หากสาวใช้เดินผ่านมาจริงๆ อย่างไรก็ต้องเห็นเฉียวเวย โชคดีที่สาวใช้เหล่านั้นหยุดที่อีกฝั่งหนึ่งของสระน้ำ
“พวกเจ้าวางของลงดีๆ” สาวใช้ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น
“เจ้าค่ะ”
คนอื่นๆ ที่เหลือกางฉากกั้น กางโต๊ะ แล้วยกสุราและอาหารรสเลิศมาวาง
เฉียวเวยอยู่ห่างมาตั้งไกลยังได้กลิ่นหอมหวนของสุราองุ่นป่า กับกลิ่นเปรี้ยวๆ หวานๆ ของผลไม้
ท้องของเฉียวเวยร้องขึ้นมาอย่างไม่เอาไหน
สาวใช้กลุ่มนั้นอยู่ไม่นานเท่าไรก็เดินออกไป
เฉียวเวยยังไม่หิวถึงขั้นไปขโมยผลไม้คนอื่นกิน พอรอจนสาวใช้เหล่านั้นเดินไปแล้ว นางก็ลุกขึ้นเตรียมจะหนีออกไปบ้าง เพียงแต่ที่ช่างพอเหมาะพอดีก็คือ นางเพิ่งยกเท้าจะก้าวออกไป สาวใช้กลุ่มนั้นก็กลับมาอีกครั้ง
“หายไปไหนนะ พวกเจ้าช่วยกันหาเร็ว” เป็นเสียงของหัวหน้าสาวใช้
ประโยคนี้เฉียวเวยยังฟังเข้าใจ พวกนางเริ่มหาของบางอย่างกัน ถึงจะไม่รู้ว่ากำลังหาอะไร แต่หลังพุ่มไม้นี้คงใช้เป็นที่ซ่อนตัวไม่ได้แล้ว
เฉียวเวยต้องเลือกระหว่างเปิดเผยตัวแล้วขอให้ยกโทษให้กับซ่อนตัวต่อไปเพื่อให้เรื่องราวไม่บานปลาย และนางตัดสินใจเลือกอย่างหลังในทันที
เฉียวเวยเด็ดเกสรดอกไม้มาอันหนึ่ง เอาเกสรอันนั้นเอาไว้ในปาก แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวลงสระไป
สระน้ำแห่งนี้ใหญ่พอตัว ซ้ำยังมีแร่ธาตุอยู่สูงมาก น้ำจึงไม่ใสสักเท่าไร นางหดตัวเป็นเต่าอยู่ในกระดองในมุมที่ห่างไกลที่สุด ซึ่งในเวลานั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นนางจริงๆ
สาวใช้กลุ่มนั้นหากันอยู่พักหนึ่งก็หาปิ่นทองที่สะเพราะทำหล่นไป
เฉียวเวยคิดในใจว่าครานี้คงไปได้สักทีกระมัง
แต่กระนั้นเฉียวเวยก็ใสซื่อจนเกินไป
ไม่เพียงสาวใช้กลุ่มนี้ไม่เดินหายไป แต่กลับมีคนใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
ครานี้ไม่ใช่สาวใช้ แต่เป็นคุณชายท่านหนึ่ง
“คุณชาย เชิญอาบน้ำเจ้าค่ะ” หัวหน้าสาวใช้เอ่ย
คุณชายผู้นั้นไม่ขยับ
หัวหน้าสาวใช้จึงเอ่ยซ้ำอีกครั้ง “คุณชาย เชิญอาบน้ำเจ้าค่ะ”
เฉียวเวยอยู่ในน้ำจึงฟังที่นางพูดไม่ชัด แต่ดูจากรูปปากแล้วก็พอจะเดาออก นางอดนึกหงุดหงิดใจไม่ได้ ก็บอกอยู่ว่าเป็นคุณชาย คนเขาอยากอาบน้ำก็อาบน้ำ ไม่อยากอาบก็ไม่อยากอาบสิ คนเป็นบ่าวอย่างพวกเจ้าดูกันไม่ออกหรือไร
“คุณชาย…”
ในตอนที่หัวหน้าสาวใช้เอ่ยโน้มน้าวเป็นครั้งที่สาม คุณชายก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถิด”
หัวหน้าสาวใช้ค้อมกาย เดินนำสหายถอยออกไปอย่างนอบน้อม
คุณชายผู้นั้นหันหลังไปเริ่มปลดอาภรณ์
เขาถอดเสื้อตัวนางกับตัวกลางออกไป สวมเสื้อชั้นในสีขาวลงมาในน้ำ
จังหวะที่ลงน้ำนั้น เฉียวเวยก็ได้เห็นลักษณะของเขาอย่างชัดเจนเสียที นางพลันถลึงตาดุดัน!
นี่ นี่ไม่ใช่กงซูฉางหลีหรอกหรือ
เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ดูจากท่าทางสาวใช้เหล่านั้นที่แสนจะพินอบพิเทาเขาแล้ว หรือว่าเขาจะเป็นเจ้าของสวนสวรรค์แห่งนี้
เช่นนั้นก็ดีเลยสิ!
บุกรุกเข้ามาในเรือนเขา บุกเข้ามาอีกสิบครั้งแปดครั้งก็ไม่เป็นอะไร!
แค่ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวหากเขาเห็นเนื้อตัวที่เปียกปอนของนาง จะทนไม่ไหวเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดหรือไม่…
ช่างเถิด นางไม่เก็บไปล้อเขาหรอก!
พอมีความคิดเช่นนี้เฉียวเวยก็เตรียมจะลุกขึ้น
แต่วันนี้เหมือนว่าเฉียวเวยก็ดวงไม่สมพงษ์กับ “บ้าน” หลังนี้ ในตอนที่นางคิดจะลุกขึ้นจากน้ำเพื่อสร้างความประหลาดใจระยะประชิดให้กับกงซูฉางหลีนั้น ก็ดันมีคนเดินเข้ามาอีก
เฉียวเวยหมดสิ้นหนทาง จึงต้องหดตัวกลับลงน้ำไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
คนผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เฉียวเวยไม่ได้มองให้ละเอียด แค่เพียงกวาดตามองลวกๆ ทีหนึ่ง รู้ว่าอีกฝ่ายรูปร่างสูงใหญ่ เป็นบุรุษที่ท่วงท่าสง่างามคนหนึ่ง แต่หากถามว่าเขามีวรยุทธ์หรือไม่ เฉียวเวยมองไม่ออก
ในโลกหล้านี้มีคนสองประเภทที่เฉียวเวยมองฝีมืออีกฝ่ายไม่ออก ประเภทหนึ่งคือคนที่ไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน อีกประเภทหนึ่งคืออย่างจักรพรรดิอสูรที่สามารถเก็บงำไอตัวของตนเองได้
เฉียวเวยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนประเภทใด ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
เฉียวเวยคิดว่า กงซุนฉางหลีกำลังอาบน้ำอยู่ คนผู้นี้น่าจะพูดคุยเพียงไม่กี่คำแล้วก็ไป แต่ที่ทำให้เฉียวเวยต้องตกใจก็คือ คนผู้นั้นไม่เพียงไม่ไป แต่กลับขยับถอดเสื้อผ้า แล้วลงมาแช่ในบ่อน้ำด้วย!
ไม่ได้บอกว่ากงซุนฉางหลีเป็นพวกรักสะอาดหรอกหรือ เหตุใดถึงยอมให้บุรุษตัวเหม็นอีกคนแช่น้ำในสระเดียวกับตนได้… อย่างไรก็ควรเป็นสตรีที่หมายปองอย่างเช่นนาง ถึงจะมีสิทธิ์เป็นคนที่เขาไม่รังเกียจสิ
ขณะที่เฉียวเวยกำลังงุนงงอยู่นั้น เพียงพริบตาก็เห็นบุรุษผู้นั้นลงมานั่งข้างกายกงซูฉางหลี
บุรุษผู้นั้นยื่นมือที่เห็นข้อนิ้วชัดเจนมาสัมผัสใบหน้าเรียบเฉยของกงซุนฉางหลีอย่างเบามือ
[1]หวังหมู่เหนียงเหนี่ยง คือผู้ปกครองดูแลเหล่าเทพธิดาทั้งปวงบนสวรรค์