หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 52-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 52-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
ตอนที่ 52-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
เฉียวเวยตัวแข็งเป็นหินไปในทันที!
เป็นนางที่ตาฝาดหรือประเพณีวัฒนธรรมที่นี่เปิดกว้างขนาดนี้แล้วจริงๆ กันแน่
บุรุษที่นี่ชอบลูบหน้ากันด้วยหรือ
เฉียวเวยสงสัยอย่างหนักว่าตนอยู่ในน้ำนานเกินไปเลยทำให้เกิดภาพหลอนขึ้นมา
เฉียวเวยหลับตา นับสิบในใจเงียบๆ ลืมตาขึ้นมาอีกทีกลับเกือบถูกภาพตรงหน้าทำให้ดีดตัวขึ้นจากน้ำ!
บุรุษผู้นั้นกำลังทำอะไร!
เอามือเค็มๆ ของเจ้าออกไปจากตัวฉางหลีของข้านะ!
เอาออกไปได้ยินหรือไม่!
กงซุนฉางหลียังคงนั่งนิ่งอยู่ในน้ำ ใบหน้าที่บรรจงสร้างจนสวรรค์ต้องอิจฉา ผู้คนต้องโอดครวญนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ สักนิด ไอน้ำร้อนระอุโอบคลุมผิวพรรณขาวผ่องเปล่งประกายของเขาเอาไว้ กล้ามเนื้อแกร่งมีหยดน้ำวาวใสติดอยู่
มือของบุรุษผู้นั้นดูไร้ซึ่งความเกรงกลัวหนักขึ้นทุกที
จากการที่กงซุนฉางหลีเสี่ยงชีวิตช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ในใจเฉียวเวยลอบคิดอย่างไม่มีเอียงอายว่ากงซุนฉางหลีแอบชอบนาง รวมถึงการที่นางวาดเครื่องหมายว่ากงซุนฉางหลีเทียบเท่ากับสมบัติส่วนตัวของนาง ดังนั้นเวลานี้เมื่อมือเค็มๆ นั้นเริ่มแตะต้องตัวกงซุนฉางหลี เฉียวเวยจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
นางย่อมไม่ยอมรับว่ากงซุนฉางหลียินยอมพร้อมใจ เพราะถึงอย่างไรกงซุนฉางหลีก็ชอบนางขนาดนั้น
กงซุนฉางหลีน่ากลัวว่าคงยังไม่รู้ตัวว่าตนถูกแต๊ะอั๋งอยู่…
ในขณะที่เฉียวเวยกำลังลังเลว่าจะเข้าไปให้สติกงซุนฉางหลีดีหรือไม่นั้น ก็มีอีกคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา ยังคงเป็นหัวหน้าสาวใช้คนเดิม แต่นางไม่ได้มาเพียงคนเดียว ด้านหลังนางยังมีศิษย์ลัทธิศักดิ์สิทธ์ตามมาด้วยอีกหนึ่งคน
กงซุนฉางหลีเป็นคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ การที่ในถิ่นฐานของเขามีคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏตัวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จะแปลกก็ตรงที่ศิษย์ผู้นั้นมาพูดคุยกับบุรุษผู้นั้น
ท่าทางของเขาดูนอบน้อม แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน บุรุษผู้นั้นทำมือบอก ศิษย์กับสาวใช้ก็พากันถอยออกไป
เรื่องหลังจากนั้นออกจะอธิบายไม่ได้อยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดำเนินไปจนถึงสุดท้าย บุรุษผู้นั้นขึ้นจากสระด้วยตัวที่เปียกปอน ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในชุดตัวโคร่งจึงเห็นไม่ชัด เวลานี้เสื้อผ้าเขาเปียกน้ำ แนบติดไปกับตัวที่กำยำและสูงใหญ่ เฉียวเวยถึงเพิ่งเห็นว่ารูปร่างของบุรุษผู้นี้ใช้ได้เลยทีเดียว!
ผิวสีข้าวโอ๊ต เนื้อตัวทั้งบนและล่างเปล่งประกายงดงามอย่างมีพลัง
คนผู้นี้เป็นใครกันแน่
ระหว่างที่เฉียวเวยงุนงงอยู่นั้น ก็คิดอยากจะเห็นหน้าตาของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่ด้านหลังฉากกั้นเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียแล้ว
ในสระขนาดใหญ่เหลือเพียงเฉียวเวยกับกงซุนฉางหลี
ครานี้เฉียวเวยรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก จะเดินเข้าไปก็ไม่ใช่ จะไม่เดินเข้าไปก็ไม่เชิง เลยแกล้งบื้อนิ่งอยู่ในน้ำไปอย่างนั้น กระทั่งจะมองกงซุนฉางหลียังรู้สึกขัดเขิน อารมณ์ก็ดูจะซับซ้อนเล็กน้อย บอกไม่ถูกว่าเพราะตัวเองหรือเพราะกงซุนฉางหลี
เฉียวเวยอยู่ในน้ำพักหนึ่ง กงซุนฉางหลีก็ขึ้นจากน้ำเหมือนกัน
เฉียวเวยเห็นแผ่นหลังของเขาเดินหายไปตรงปลายระเบียงทางเดิน นางรีบทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำ คายเกสรดอกไม้ที่เกือบถูกคนกัดจนเละคาปากออก หอบหายใจพลางปีนขึ้นจากน้ำ
นางปีนขึ้นฝั่งได้อย่างรวดเร็ว บิดเสื้อผ้าบนตัว ใต้เท้าปรากฏรอยน้ำเจิ่งขนาดใหญ่ขึ้นทันที
ในฤดูหนาวหากนางใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ คงได้ตัวแข็งเป็นไม้กระบองแน่!
เฉียวเวยเลยคิดจะไปหาชุดจากในตู้มาเปลี่ยน โ
ชุดสตรีคงไม่มี ใส่ชุดบุรุษช่วยชีวิตไปก่อนก็แล้วกัน คงยาวไปหน่อย แต่แค่ไม่ต้องหนาวตายก็พอแล้ว
เฉียวเวยรีบร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะที่กำลังจะคาดสายคาดเอวนั้น เงายาวๆ เงาหนึ่งก็พุ่งมาอยู่ที่ข้างเท้าเฉียวเวย
มือที่กำลังคาดสายคาดของเฉียวเวยพลันชะงัก ขนตาสั่นไหว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เย็นชาและงดงามนั้น
กงซุนฉางหลีมองเฉียวเวยด้วยสายตาราบเรียบทีหนึ่ง หยิบเครื่องประดับที่วางลืมไว้บนโต๊ะขึ้นมา ไม่พูดไม่จาอะไร เดินออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ข้างแก้มเฉียวเวยร้อนฉ่า คนที่ไปรู้ความลับเข้า น่ากระอักกระอ่วนกว่าคนที่ถูกล่วงรู้ความลับเข้าเสียอีก ความรู้สึกที่แสนอึดอัดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่
เฉียวเวยมองแผ่นหลังของกงซุนฉางหลี อยากถามเขาหลายครั้งว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร เขามีความสัมพันธ์กันเช่นไร แต่พอคำพูดแล่นขึ้นมาถึงปาก นางกลับถามไม่ออกเลยสักคำ
“เฮ่อ”
เฉียวเวยถอนหายใจ แล้วหมุนตัวออกจากสวนนั้นไปบ้าง
ตอนแรกนางเดินตามป่าไผ่มา เวลานี้ย่อมต้องเดินตามป่าไผ่กลับไป เฉียวเวยเพิ่งเดินไปถึงทางเข้าป่าไผ่ ก็ได้เห็นตัวของเสี่ยวไป๋
นางมั่นใจว่านั่นคือเสี่ยวไป๋ เพราะเจ้าตัวเล็กนั้นกำลังเบ่งอวดกล้ามอย่างน่าไม่อายอยู่
คนที่มันเบ่งกล้มอวดคือเพียงพอนอีกตัวหนึ่งที่เฉียวเวยไล่ตามอยู่เมื่อครู่ เวลานี้เมื่อเพียงพอนสองตัวมายืนอยู่ด้วยกัน พอได้เปรียบเทียบขนาดตัว เสี่ยวไป๋ดูตัวเล็กกว่าอีกฝ่ายอยู่ประมาณหนึ่งจริงๆ
เพียงพอนสองตัวเข้ากันได้ดีพอสมควร เสี่ยวไป๋พอเบ่งกล้ามอวดเสร็จก็เริ่มกระโดดไปรอบๆ อีกฝ่าย เพียงพอนอีกตัววิ่งไล่เสี่ยวไป๋ ก่อนจะกระโจนทีเดียวผลักเสี่ยวไป๋ลงกับพื้น เสี่ยวไป๋ตัวกลิ้งไป ก็ถูกมันผลักกลับมาอีก
สัตว์น้อยสองตัวกระโจนใส่กันไปมา เป็นที่รื่นเริงยิ่งนัก
เฉียวเวยกะพริบตาทีหนึ่ง เพียงพอนตัวนี้คงเป็นพันธุ์เดียวกับเสี่ยวไป๋กระมัง เดิมทีคิดว่าต้าไป๋ใช่ ตอนหลังมารู้ว่าไม่ใช่ นางคิดมาตลอดว่าเสี่ยวไป๋เป็นพันธุ์อะไรกันแน่ แต่กระทั่งอาจารย์ตาฮั่วก็ยังตอบไม่ได้
เฉียวเวยเดินย่องเข้าไป
เพียงพอนตัวนั้นเห็นเฉียวเวยแล้ว มันรีบกระโดดเข้าไปขวางหน้าเสี่ยวไป๋ จ้องมองเฉียวเวยด้วยสายตาดุดัน
เฉียวเวยระบายยิ้ม “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ใช่คนร้าย ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” นางพูดพลางชะเง้อไปกวักมือเรียกเสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านหลังนาง “เสี่ยวไป๋ ออกมาสิ”
เสี่ยวไป๋กระโดดออกมา แล้วกระโจนเข้าให้เฉียวเวยอุ้ม คลอเคลียกับหน้าอกของเฉียเวยด้วยความยินดี
เฉียวเวยวางเสี่ยวไป๋ลงกับพื้นอีกครั้ง อมยิ้มมองเพียงพออีกตัวหนึ่ง “อยากกินลูกกวาดไหม”
เสี่ยวไป๋น้ำลายไหล
เฉียวเวยหยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ ที่ปิดสนิทออกมาจากเสื้อ หลังจากดึงจุกขวดออกแล้วก็เทสารหนูออกมาสองเม็ดแล้ววางลงกับพื้น
เสี่ยวไป๋คว้าไปเม็ดหนึ่ง ให้เพียงพอนอีกตัวเม็ดหนึ่ง
มันดมกลิ่น แล้วจึงเอาสารหนูเม็ดนั้นเข้าปากไป
เฉียวเวยคอยสังเกตท่าทางมันโดยละเอียด เตรียมพร้อมจะเอายาถอนพิษให้มันกิน
พริบตาต่อมา มันกระโดดดีดตัวขึ้นด้วยความดีใจ
เสี่ยวไป๋ก็กระโดดเช่นกัน