หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 52-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 52-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
ตอนที่ 52-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร
แน่นอนว่าเสี่ยวไป๋กระโดดโลดเต้นเหมือนเพียงพอนปัญญาอ่อน แต่อีกตัวกลับกระโดดด้วยท่วงท่าสง่างาม เป็นสุภาพสตรีแห่งโลกเพียงพอนที่แสนสดใส
“เป็นพันธุ์เดียวกันจริงๆ ด้วยหรือนี่” เฉียวเวยหัวเราะออกมา ยื่นมือไปลูบมัน ไม่รู้ว่าเพราะเสี่ยวไป๋หรือเพราะสารหนูที่ช่วยเพิ่มความเสน่หาให้กับเฉียวเวย ครั้งนี้นับว่ามันไม่หลบเลี่ยงอีก ยอมอยู่นิ่งๆ ให้เฉียวเวยลูบแต่โดยดี
ขนนุ่มเหลือเกิน
นุ่มเหมือนเสี่ยวไป๋เลย
ตอนเฉียวเวยลูบมัน เสี่ยวไป๋ก็กระโดดด้วยความดีใจอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่ามันชอบใจที่เห็นเฉียวเวยมีปฏิสัมพันธ์กับสหายตัวใหม่ของมัน
เฉียวเวยก็ชอบมันมาก สามตัวที่บ้านนั่น ไม่ซุกซนก็ประหลาด ไม่มีตัวใดเรียบร้อยเหมือนเจ้าตัวนี้ อ่อนหวานจนเฉียวเวยแทบใจละลาย
คนที่ดีใจที่สุดยังคงเป็นเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋กระโดดไปมาอย่างหยุดไม่ได้ เฉียวเวยไม่เคยเห็นมันดีใจแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้สายมากแล้ว พวกเขาต้องไปแล้ว
เฉียวเวยดึงมือกลับมา บอกกับเสี่ยวไป๋ว่า “ยังต้องไปตามหาจักรพรรดิอสูรอีกนะ บอกลาสหายของเจ้าเถิด”
เสี่ยวไป๋คอตกด้วยความเศร้าใจ กัดหางสหายคิดอยากจะพาสหายไปด้วย
ในตอนนั้นมีสาวใช้ตะโกนร้องเรียกชื่อใครคนหนึ่งขณะเดินเข้ามา
เฉียวเวยรีบคว้าตัวทั้งสองไปหลบหลังต้นไม้
สาวใช้ร้องเรียกพลางไล่ตามหาในป่าไผ่ไปด้วย
มันมองหน้าเฉียวเวยกับเสี่ยวไป๋ ก่อนจะกระโดดลงไปเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาสาวใช้คนนั้น
ดูท่าคงจะมีเจ้าของ เอาไปไม่ได้
สาวใช้หาตัวมันพบแล้วจึงพากลับเรือนพักไป โ
มันเดินไปหลายก้าวแล้ว ยังหันกลับมาส่งยิ้มให้เสี่ยวไป๋อีกครั้งก่อนจะหันกลับเดินไปอีกทาง
เสี่ยวไป๋เสียใจ
เฉียวเวยลูบหัวเสี่ยวไป๋ “เจ้าไม่ได้ยังมีจูเอ๋อร์หรอกหรือ กลับไปเล่นกับจูเอ๋อร์แล้วกันนะ หื้อ”
เสี่ยวไป๋สะบัดหน้าหนีด้วยความรังเกียจ
เฉียวเวยอุ้มเสี่ยวไปออกจาก “สวนสวรรค์” แห่งนี้ กลับออกไปยังถนนอีกครั้งเพื่อตามหาจักรพรรดิอสูรต่อ ไม่รู้เพราะได้เปิดประตูโลกใบใหม่หรืออย่างไร หลังจากนั้นเฉียวเวยก็เห็นสินค้านานาประเภทเกี่ยวกับ “เสี่ยวไป๋” วางขายตามร้านเต็มไปหมด
มีรูปวาดของ “เสี่ยวไป๋” ไม้สลักรูป “เสี่ยวไป๋” เครื่องกระเบื้องรูป “เสี่ยวไป๋” เครื่องประดับหยกรูป “เสี่ยวไป๋” แน่นอนว่าเฉียวเวยไม่คิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเสี่ยวไป๋จริงๆ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่เคยมีใครในเมืองเหนือยอดเมฆได้เห็นเสี่ยวไป๋มาก่อน กว่าครึ่ง…คงจะเป็นเพียงพอนหิมะตัวเมื่อครู่
นี่ก็คงไม่ยากจะอธิบายว่าเหตุใดชาวบ้านในเมืองเหนือยอดเมฆถึงได้มองเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาเช่นนั้น พวกเขาคงคิดว่าเสี่ยวไป๋เป็นเพียงพอนหิมะตัวนั้น
จูเอ๋อร์ตามเฮ่อหลันชิงไปตามหาจักรพรรดิอสูรตามถนนเส้นต่างๆ และก็ได้เห็นรูปของ “เสี่ยวไป๋” เช่นกัน
ในร้านขายของเล่นไม้แกะสลักแห่งนึ่ง มีการจัดวาง “เสี่ยวไป๋” ไว้ในจุดที่มองเห็นถนัดตา นักษัตรทั้งสิบสองยังเป็นได้เพียงของวางประดับของมัน
จูเอ๋อร์เดินนวยนาดเข้าไปคว้า “เสี่ยวไป๋” ลงมา แล้วเอาไม้สลักรูปลิงขึ้นไปวางแทน…
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม เฉียวเวยกับเฮ่อหลันชิงก็กลับมาเจอกัน ทั้งสองไม่มีใครพบร่องรอยของจักรพรรดิอสูร
ไห่สือซานกับสือชีเองก็ไม่ได้ข่าวอะไรเช่นกัน น่าจะหาไม่พบเช่นเดียวกับพวกเขา
เฮ่อหลันชิงบอกว่า “เขาตั้งใจหลบ คงหาตัวเจอไม่ได้ง่ายๆ”
เฉียวเวยคิดแล้วบอกว่า “เขาจะไปจากเมืองเหนือยอดเมฆแล้วหรือไม่”
เฮ่อหลันชิงหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าอวิ๋นซู่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ หรือ”
ก็เห็นจะจริง อวิ๋นซู่ก็กำลังตามหาจักรพรรดิอสูรเช่นกัน เขาไม่มีทางปล่อยจักรพรรดิอสูรไปจากเมืองเหนือยอดเมฆง่ายๆ แน่
ถึงแม้เฉียวเวยไม่คิดว่าอวิ๋นซู่จะขวางจักรพรรดิอสูรเอาไว้ได้ แต่หากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องมีความเคลื่อนไหวอะไรให้รู้บ้าง
“หาต่ออีกหน่อยแล้วกัน” เฉียวเวยบอก
เฮ่อหลันชิงมองประเมินบุตรสาวขึ้นลงทีหนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงแต่งกายเช่นนี้ ผมเผ้าก็เปียกไปหมด”
เฉียวเวยถอนหายใจ “เรื่องมันยาว เดี๋ยวเล่าให้ท่านฟังระหว่างทางก็แล้วกัน”
ทางนี้สองคนแม่ลูกกำลังเบิกตาตามหากันอยู่ อีกด้านหนึ่งองครักษ์เกราะทมิฬกลับพบร่องรอยของจักรพรรดิอสูรแล้ว
นี่คงต้องเล่าตั้งแต่ที่วั่งซูอยากกินถังหูลู่ วั่งซูกับจิ่งอวิ๋นมีองครักษ์เกราะทมิฬหกคนที่วรยุทธ์กล้าแกร่งคอยคุ้มกันขณะเดินเล่นอยู่บนถนน เดินไปเดินมาก็เริ่มหิว พอได้เห็นถังหูลู่ที่ส่องประกายวาววับก็ถึงกับน้ำลายไหล
องครักษ์เกราะทมิฬจึงอุ้มนางไปซื้อ
ในตอนนั้นองครักษ์เกราะทมิฬยังไม่เห็นตัวจักรพรรดิอสูร เป็นวั่งซูที่มองบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งแล้วยิ้มร่าพลางเอ่ยเรียกว่า “ท่านลุงนักเวท!”
บุรุษผู้นั้นกระทั่งถังหูลู่ก็ไม่ต้องการแล้ว ยกขาได้ก็ออกวิ่งทันที องครักษ์เกราะทมิฬถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาได้เจอจักรพรรดิอสูรเข้าแล้ว
องครักษ์เกราะทมิฬหกคน คนหนึ่งอุ้มจิ่งอวิ๋น คนหนึ่งอุ้มวั่งซู อีกสี่คนที่เหลือไล่ตามไป ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แต่จักรพรรดิอสูรไม่ได้ไล่ตามได้ง่ายเพียงนั้น
ความเร็วอย่างจักรพรรดิอสูร ต้องเป็นเฮ่อหลันชิงถึงจะพอตามทัน องครักษ์เกราะทมิฬไม่มีทางตามทัน ไม่เท่าไรองครักษ์เกราะทมิฬก็ถูกสลัดทิ้ง
ทั้งสี่ก็ยังไม่ลดละ แยกกันออกตามหาต่อ
พอแยกกันตามหาอย่างไร้ทิศทาง ก็ไปเจอจักรพรรดิอสูรเข้าจนได้
จักรพรรดิอสูรจัดการองครักษ์เกราะทมิฬจนสลบเหมือดไปคนหนึ่ง แล้วหนีออกไปจากตรงที่เขาขวางอยู่
ไหนเลยจะรู้ว่าตรงปากตรอกก็มีองครักษ์เกราะทมิฬอีกนางหนึ่งกับจิ่งอวิ๋นยืนอยู่อีก
ทั้งสองไม่ได้จะมาจับตัวเขาจริงๆ เพียงแค่สงสัญญาณลับให้เฮ่อหลันชิงแล้วรอรับคำสั่งอยู่กับที่ รอให้เฮ่อหลันชิงมาที่นี่เท่านั้น แต่เฮ่อหลันชิงยังไม่ทันมาถึง ตัวจักรพรรดิอสูรก็ดันมาถึงก่อนเสียได้
จิ่งอวิ๋นตาเป็นประกาย “ท่านลุงนักเวท”
จักรพรรดิอสูรมองจิ่งอวิ๋นด้วยความตกใจ ด้วยอารามรีบร้อนวิ่งหนี ทำให้ไอดำที่จักรพรรดิอสูรสู้อุตส่าห์กดเอาไว้แผ่กระจายออกมา เขามองมือที่มีไอดำอวลขึ้นมาของตน แล้วรีบหมุนตัวจะหนีทันที!
จิ่งอวิ๋นวิ่งตามไป “ท่านลุงนักเวท! ท่านลุงนักเวท!”
จักรพรรดิอสูรวิ่งเข้าไปในซอยหนึ่ง หลบเข้ามาด้านหลังรถเข็นที่เต็มไปด้วยขยะ จิ่งอวิ๋นวิ่งเข้าไปในตรอกพลางตะโกนเรียกท่านลุงนักเวทไปด้วย
หน้าอกของจักรพรรดิอสูรกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เขาหงายฝ่ามือขึ้น มองลายเส้นตรงฝ่ามือกับไอสีดำที่พยายามข่มเท่าไรก็ไม่เป็นผล จึงเอาเช็ดแรงๆ เข้ากับหิมะบนพื้น
หิมะที่พื้นเช็ดได้ไม่สะอาด เขาเปลี่ยนเป็นเช็ดกับกำแพง ถูไถจนเนื้อเละเทะไปหมด แต่ก็ยังมองเห็นไอดำนั้นได้อยู่ดี
เขาหยิบอิฐก้อนหนึ่งขึ้นมา คิดจะเอาทุบลงที่มือตน
แต่แล้วจู่ๆ บุรุษในเสื้อคลุมสีม่วงก็ค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเขา
เส้นผมของบุรุษผู้นั้นเปียกชุ่ม คล้ายเพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ
เขากดสายตาลงมองจักรพรรดิอสูร เอ่ยด้วยสีหน้าใจดีว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหลบพวกเขาอยู่ เจ้ากลัวว่าตนจะทำร้ายพวกเขา ข้าช่วยเจ้าได้”
จักรพรรดิอสูรมองอีกฝ่ายด้วยสายตางงงัน
บุรุษผู้นั้นบอกว่า “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ข้าเพียงแค่อยากช่วยเจ้า เจ้าอยากกลับมาเป็นคนปกติหรือไม่ เจ้าอยากกลับบ้านหรือไม่ เรื่องพวกนี้ข้าช่วยเจ้าได้”
สายตาจักรพรรดิอสูรพลันปรากฏแววระแวง
บุรุษผู้นั้นยกมุมปาก เปิดเสื้อคลุมแล้วอุ้มเพียงพอนหิมะตัวน้อยหน้าตาน่ารักตัวหนึ่งออกมา
เขาส่งเพียงพอนตัวน้อยไปตรงหน้าจักรพรรดิอสูร
จักรพรรดิอสูรลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็รับเพียงพอนตัวนุ่มนิ่มมาไว้ในมือ
จากนั้นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ไอสีดำที่ทำอย่างไรก็ข่มเอาไว้ไม่ได้ พอเพียงพอนน้อยเริ่มเลีย ไอเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไปจนไม่เหลือ
บุรุษผู้นั้นยื่นมือไปหาจักรพรรดิอสูร “ไปกับข้า ข้าทำให้เจ้าหายเป็นปลิดทิ้งได้”