หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 53-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 53-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
ตอนที่ 53-1 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
สุดท้ายจิ่งอวิ๋นก็ตามจักรพรรดิอสูรไปไม่ได้ เพียงแต่ระหว่างทางกลับเขาเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง แล้วไปเจอลูกแก้วลูกหนึ่งที่ตนให้จักรพรรดิอสูรไว้ที่หลังรถเข็นขยะ
หิมะที่ตกหนักหลายครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์จมอยู่ท่ามกลางสีขาวโพลน หลายวันนี้ถึงแม้ท้องฟ้าจะแจ่มใส แต่อากาศก็ยังคงแห้งและหนาวเย็น ไม่เห็นว่าหิมะจะเริ่มละลาย
ตอนยิ่นอ๋องถูกเชิญออกจากห้อง ยอดหญิงงามยังคงหลับสนิท เสียงหายใจดังขึ้นเรื่อยๆ เขาลงจากเตียงด้วยสองขาที่สั่นเทา สวมเสื้อผ้าไปก็มือไม้สั่นไป ซดน้ำแกงบำรุงกำลังเข้ามาชามใหญ่ถึงได้เดินออกจากห้องอย่างคนปกติได้ในที่สุด
“เจ้าสำนักน้อย เชิญด้านนี้” สาวใช้ที่มารับเขาทำท่าเชื้อเชิญ
ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์น้อยนักที่จะได้พบสาวใช้ ต่อให้เป็นคนที่ดูแลองค์ชายสามก็ล้วนเป็นศิษย์หญิงของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ พอเห็นการแต่งกายของอีกฝ่าย ยิ่นอ๋องจึงพอเดาได้ว่าใครเป็นคนเรียกเขาไป
ยิ่นอ๋องไม่ได้พูดอะไร พาศิษย์คนสนิทคนหนึ่งตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ
สาวใช้เดินนำยิ่นอ๋องเดินผ่านทางเดินใหญ่ภายในลัทธิศักดิ์สิทธิ์จนไปถึงตรงหน้าเรือนหลังเล็กที่ห่างไกลและสงัดเงียบ ยิ่นอ๋องไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้มาก่อน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ที่นี่ที่หน้าตาดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ทุกที่กลับแผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดา และทำให้ยิ่นอ๋องยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตน
สาวใช้เข้าไปรายงาน
ยิ่นอ๋องกับศิษย์ผู้ติดตามรออยู่หน้าประตูเรือน โ
อันที่จริงนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาเรื่องหนึ่ง ยิ่นอ๋องไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างไร จนกระทั่ง… มีใครคนหนึ่งเดินมาจากด้านหลัง
“คุณชายฉางหลี” ลูกศิษย์ตาไวมองเห็นกงซุนฉางหลี จึงทำความเคารพอย่างนอบน้อม
ยิ่นอ๋องจึงเห็นอีกฝ่ายเช่นกัน
กงซุนฉางหลีพยักหน้าให้เรียบๆ ถือเป็นการตอบรับคำทักทายของลูกศิษย์ ตามด้วยหันไปทางยิ่นอ๋อง เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงปกติว่า “เจ้าสำนักน้อย”
เดิมทียิ่นอ๋องยังคิดว่ากงซุนฉางหลีต้องรออยู่ข้างนอกเพื่อให้คนเข้าไปรายงานก่อนเช่นกัน ไหนเลยจะรู้ว่าเขาสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ต้องสนใจสิ่งใด!
ยิ่นอ๋องพลันรู้สึกอารมณ์ไม่สงบนิ่งขึ้นมาทันที เหตุใดเขาที่เป็นถึงเจ้าสำนักน้อยยังต้องรอคนเข้าไปรายงานอยู่ด้านนอก แต่บุรุษผู้นี้ที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหนกลับเดินเข้าไปได้สบายๆ
ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นยังอยู่หลังจากนี้ หลังจากกงซุนฉางหลีเข้าไปแล้ว ไม่เท่าไรก็เดินออกมา ในมือยังมีกล่องผ้าไหมเพิ่มมาอีกด้วย
ยิ่นอ๋องไม่ได้เปิดกล่องออกดู แต่ไม่ต้องเปิดก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นที่กระจายออกมาจากในกล่อง
เขาอยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาตั้งนานเพียงนี้ ยังไม่เคยได้รับของมีค่าเช่นนี้เลย กงซุนฉางหลีกลับได้สิ่งนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งแล้ว เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ ยิ่นอ๋องเคยเห็นเขาถือกล่องหน้าตาเช่นนี้มาแล้ว กล่องในตอนนั้นก็ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เช่นนี้ออกมาเหมือนกัน
บุรุษผู้นี้… บุรุษผู้นี้…
กงซุนฉางหลีทักทายยิ่นอ๋องตามมารยาท เสร็จก็เดินถือกล่องนั้นผ่านยิ่นอ๋องแล้วเดินหายไปท่ามกลางแสงสีเหลืองทอง
วันนี้ยิ่นอ๋องถูกกระทำครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีจิตใจก็ห่อเหี่ยวลงไปอยู่ที่ก้นบ่ออยู่แล้ว แต่เวลานี้ยังถูกกงซุนฉางหลีกดให้อารมณ์เขาต่ำลงไปอีก เขาโมโหจนไม่รู้จะไปลงที่ใคร หน้าตาบูดบึ้ง มือกำแน่นเป็นหมัดจนได้ยินเสียง
ศิษย์ที่อยู่ด้านข้างอ่านใจเขาออก เขามองไปรอบๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงที่พอให้ได้ยินกันสองคนบอกว่า “เจ้าสำนักน้อยเหตุใดต้องถือสาคนเช่นนั้นด้วย เขาก็เป็นเพียงขอเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น วันใดที่เจ้าสำนักเบื่อเขาแล้ว เจ้าสำนักน้อยแค่ขายตัวเขาเข้าหอ…”
ศิษย์ยังไม่ทันพูดให้จบ เสียงก็พลันชะงักไป
ยิ่นอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็พลันสบายใจ กำลังคิดจะให้เขาพูดต่อ แต่เขากลับเสียงหายไปแล้ว ยิ่นอ๋องหันไปมองลูกสิษย์ด้วยความไม่พอใจ แต่พอได้เห็นก็ตกใจจนต้องถอยกรูดไปหลายก้าว
เห็นเพียงลูกศิษย์ผู้นั้นใช้สองมือบีบคอ ผิวเนื้อตลอดร่างเริ่มตั้งแต่มุมปาก ค่อยๆ ปริแตกไปเรื่อยๆ เริ่มจากใบหน้า ตามด้วยหน้าผาก ก่อนใบหน้าทั้งหมดจะแหลกละเอียด ลามไปถึงลำคอ ก่อนที่ศีรษะจะหลุดร่วงลงมา
ศีรษะร่วงลงมาแล้ว แต่ตัวกลับยังปักอยู่ในพื้นหิมะ
ยิ่นอ๋องเห็นคนล้มตายมาจนเคยชิน สภาพน่าสลดเพียงใดบ้างที่ไม่เคยพบเห็น แต่เขายังคงขวัญผวากับภาพตรงหน้า
เขาแค่เพียงพูดถึงกงซุนฉางหลีในทางไม่ดีเพียงสองประโยคเท่านั้นก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้แล้ว
มิน่าเล่าคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ล้วนรู้เรื่องกงซุนฉางหลีกันหมด แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
ยิ่นอ๋องมองประตูที่ปิดสนิทด้วยใจที่หวาดหวั่น คิดถึงเมื่อครู่ที่ตนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กงซุนฉางหลีแล้ว เหงื่อเย็นๆ ก็พลันผุดขึ้นมาเต็มหลัง…
ในขณะที่ยิ่นอ๋องยังขวัญผวาอยู่นั้น สาวใช้ที่เข้าไปรายงานก็เดินกลับมา ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
นางไม่แม้แต่จะเหลือบมองเนื้อเละๆ ที่กองอยู่ที่พื้น ทำความเคารพยิ่นอ๋องด้วยความเกรงใจพร้อมเอ่ยว่า “เจ้าสำนักเชิญเจ้าค่ะ เจ้าสำนักน้อยโปรดตามข้ามา”
…
กลับไปเอ่ยถึงอีกด้านหนึ่ง เฉียวเวยพอได้กลับมาเจอกับเฮ่อหลันชิงแล้ว นางก็เล่าเรื่องที่ตนบุกรุกเข้าไปใน “สวนสวรรค์” ทั้งยังได้พบเสี่ยวไป๋อีกตัวให้เฮ่อหลันชิงฟัง ที่เฮ่อหลังชิงเป็นกังวลคือเหตุใดเนื้อตัวนางถึงเปียกปอน กระทั่งเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยังผลัดเปลี่ยน
เฉียวเวยไม่กล้าเล่าเรื่องส่วนลับส่วนตัวของกงซุนฉางหลีให้มารดาฟัง เพียงบอกว่าตนกระโดดลงไปในบ่อน้ำร้อนเพราะต้องการซ่อนตัวจากบ่าวไพร่ที่เดินลาดตระเวน
“ใช่สิ ท่านแม่ เสี่ยวไป๋เป็นเพียงพอนพันธุ์อะไรกันแน่หรือ” เฉียวเวยกลัวว่าท่านแม่นางจะซักไซ้โดยละเอียด จึงเปลี่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็ว
เฮ่อหลันชิงหันไปมองเสี่ยวไป๋ที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกตน เสี่ยวไป๋ท่าทางห่อเหี่ยว จูเอ๋อร์เลยเอาไม้สลักเป็นรูปลิงที่ฉวยติดมือมาไปแหย่มัน
แหย่ทีหนึ่ง เสี่ยวไป๋ไม่สนใจ
แหย่ทีที่สอง เสี่ยวไป๋ก็ยังไม่สนใจ
ตอนแหย่ทีที่สาม เสี่ยวไป๋นึกรำคาญ เลยทะเลาะกันขึ้นมา
จูเอ๋อร์สู้เสี่ยวไป๋ไม่ได้ เลยคอตกกระโดดกลับขึ้นไปให้เฮ่อหลันชิงอุ้มอย่างน่าสงสาร
จูเอ๋อร์นั้นเฉียวเจิงเป็นคนเก็บกลับมา ด้วยเห็นแก่สามีผู้หล่อเหลาของตน เฮ่อหลันชิงเลยดีกับมันประมาณหนึ่ง จับมันไปไว้ที่หัวไหล่
จูเอ๋อร์ถลึงตาใส่เสี่ยวไป๋ด้วยความน้อยใจ แล้วเริ่มเล่นกับผมของเฮ่อหลันชิง
เฮ่อหลันชิงจับตัวเสี่ยวไป๋มา อยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี้แท้จริงแล้วเป็นพันธุ์อะไรกันแน่
จูเอ๋อร์อาศัยจังหวะที่เสี่ยวไป๋ถูกเฮ่อหลันชิงจับตัวไว้และไม่ทันระวังตัว เงื้อฝ่ามือดำๆ ของตนแล้วฟาดผัวะเข้าที่ศีรษะของเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋: !
“เป็นเพียงพอนวิเศษ”
เฮ่อหลันชิงวางเสี่ยวไป๋กลับลงที่พื้น
“เพียงพอนเมฆาก็เป็นเพียงพอนวิเศษเหมือนกัน” เฉียวเวยบอก
เฮ่อหลันชิงพลันหัวเราะ “เพียงพอนเมฆาเป็นเพียงพอนวิเศษธรรมดาทั่วไป เจ้าตัวนี้เป็นเพียงพอนวิเศษจักรพรรดิโลหิต เพียงพอนจักรพรรดิโลหิตไม่เคยมีใครพบเห็นมาหลายปีแล้ว ตอนชนเผ่าถ่าน่าย้ายไปอยู่ที่เกาะนิรนามยังเคยเลี้ยงอยู่หลายตัว แต่สุดท้ายก็ล้มตายไปหมด ไม่เหลือสายเลือดไว้สักตัว เจ้าไปเก็บมันมาได้จากที่ใดหรือ”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว เบิกตาโตเอ่ยว่า “ในป่าของหมู่บ้านซีหนิว”
เฮ่อหลันชิง “…”
ความดวงดีนี้!
เฮ่อหลันชิงพูดต่อว่า “เพียงพอนจักรพรรดิโลหิตเลยเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยหลัว หลังจากเยี่ยหลัวรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่ง ชนเผ่าใหญ่ๆ หลายเผ่าได้กันไปคนละหลายตัว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดทั้งหมดกลับสูญพันธุ์ไปจนสิ้น ตัวนี้ของเจ้ากับตัวที่เจ้าเห็นเมื่อตอนกลางวัน เป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นสองตัวสุดท้ายของโลกหล้านี้แล้ว”
เฉียวเวยหรี่ตาพลางลูบคาง “หากกล่าวเช่นนี้เสี่ยวไป๋ก็เลิศมากเลยสิ”
เสี่ยวไป๋ส่งเสียงเหอะแล้วลอบเบ่งกล้ามแขน
“ถึงแล้ว” เฮ่อหลันชิงมองรถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกล
ทั้งสองได้รับสัญญาณลับจากองครักษ์เกราะทมิฬ จึงตั้งใจอ้อมมาหาจักรพรรดิอสูร แต่น่าเสียดายที่จักรพรรดิอสูรหายไประหว่างทาง ตรงปากตรอกจึงเหลือเพียงองครักษ์เกราะทมิฬหลายคนกับจิ่งอวิ๋นและวั่งซู
จิ่งอวิ๋นเอาลูกแก้วของจักรพรรดิอสูรส่งให้ท่านแม่ “ท่านลุงนักเวทเหตุใดถึงต้องหนีไปด้วยล่ะ เขาไม่ชอบข้าแล้วหรือ”
เฉียวเวยลูบศีรษะบุตรชาย “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น ท่านลุงนักเวทชอบจิ่งอวิ๋นที่สุดแล้ว”
“เช่นนั้นเหตุใดเขาต้องไปด้วยเล่า” จิ่งอวิ๋นกะพริบตาใสซื่อขณะถาม
เฉียวเวยมีท่าทีลังเล “เขา…”
“เขามีธุระต้องไปทำน่ะสิ!” วั่งซูผายมือขณะเอ่ย
จิ่งอวิ๋นหันไปมองท่านแม่
เฉียวเวยยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า “วั่งซูพูดถูก เขามีธุระต้องไปทำ ไว้รอเขาจัดการเรียบร้อยแล้วก็คงกลับมาเอง”
“จริงหรือ” จิ่งอวิ๋นถามอย่างรอคอย
เฉียวเวยยิ้มเอ่ยว่า “จริงแท้แน่นอน แม่เคยหลอกเจ้าเมื่อไรกัน เอาล่ะ พวกเจ้าขึ้นรถม้าก่อน เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
จิ่งอวิ๋นกับน้องสาวปีนขึ้นรถม้าอย่างว่าง่าย
เสี่ยวไป๋ร้องจะเอาลูกแก้มในมือเฉียวเวย
เฉียวเวยย่อตัวลง ส่งลูกแก้วไปให้มัน “เจ้าจะเอาหรือ”
เสี่ยวไป๋ไม่เอา
เสี่ยวไป๋แค่เพียงกระโดดด้วยความตื่นเต้นอยู่กับที่
เฉียวเวยอึ้งไปก่อนจะนึกถึงปฏิกิริยาของเจ้าตัวนี้เมื่อตอนเช้า นางเข้าใจแล้วว่าเสี่ยวไป๋กำลังตื่นเต้นด้วยเรื่องอะไร “ท่านแม่ ลูกแก้วลูกนี้มีกลิ่นอายของเพียงพอนจักรพรรดิโลหิตอีกตัวหนึ่งอยู่ มันเคยเจอลูกแก้วลูกนี้ มันเคยเจอจักรพรรดิอสูร!”
เฮ่อหลันชิงนิ่งงันไป “หากกล่าวเช่นนี้… จักรพรรดิอสูรก็ถูกคนพาตัวไปงั้นสิ?”
พาตัวไป? น่ากลัวว่าจะเป็นล่อลวงไปมากกว่า ด้วยวรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูร ไม่มีนักเวทศักดิ์สิทธิ์คนใดทำอะไรเขาได้ ต่อให้อวิ๋นซู่ออกโรงเองก็ไม่ได้ แต่หากว่าล่อเขา…นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
เพียงพอนตัวนั้นปรากฏตัวในบ้านของกงซุนฉางหลี หรือว่าคนที่พาตัวจักรพรรดิอสูรไปจะเป็นกงซุนฉางหลี?
เฉียวเวยทำหน้าจริงจัง “ท่านแม่ พวกท่านกลับไปก่อน ข้าจะไปตามหาคนในเมือง”
…