หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 53-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 53-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
ตอนที่ 53-2 เจอตัวจักรพรรดิอสูร (2)
เฉียวเวยเปลี่ยนมาใส่อาภรณ์ของตนแล้วไปยัง “สวนสวรรค์” แห่งนั้น ครานี้นางไม่คิดจะปีนกำแพงเข้าไปแต่เตรียมจะเข้าตามตรอกออกตามประตู
ก็ช่างบังเอิญ นางเพิ่งเดินไปถึงประตู รถม้าของกงซุนฉางหลีก็ขับมาพอดี
องครักษ์ที่เป็นคนขับม้าจำเฉียวเวยได้ “อ้อ? เจ้าไม่ใช่คนผู้นั้น…ผู้นั้น…”
กงซุนฉางหลีเลิกผ้าม่านขึ้นมองประตูจวนที่ปิดสนิทแล้วเอ่ยกับเฉียวเวยว่า “ขึ้นรถ”
เฉียวเวยกระแอมเบาๆ แล้วขึ้นรถม้าไปประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
องครักษ์บังคับรถม้าไปยังถนนเส้นที่คึกคักที่สุด เสียงผู้คนอึกทึกที่สุดในเมืองเหนือยอดเมฆ ซึ่งช่วยกลบเสียงภายในตัวรถได้เป็นอย่างดี
ระหว่างทางเฉียวเวยไม่ค่อยกล้าเอ่ยอะไรนัก นางคิดถึงเรื่องตรงสระน้ำแล้วก็รู้สึกนั่งไม่ค่อยนิ่ง
นางลังเลอยู่พักใหญ่ เป็นนานกว่าจะตัดสินใจเอ่ยปากได้ “เอ่อคือ…”
กงซุนฉางหลีเอ่ยตัดบทนาง “เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
เฉียวเวยได้แต่ขยับริมฝีปาก กลืนคำพูดตนกลับลงไป ตวัดสายตาไปทางอีกฝ่ายเบาๆ แล้วถามว่า “เหตุใดสีหน้าเจ้าจึงดูไม่ดีเลย ใช่ว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ เดี๋ยวข้าตรวจชีพจรให้”
กงซุนฉางหลีขยับหลบมือของเฉียวเวยที่จะยื่นมาจับชีพจรให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้ามาหาข้าก็เพื่อจะพูดคุยเรื่องนี้หรือ”
เฉียวเวยเห็นอีกฝ่ายไม่ยินดีก็ไม่ฝืนใจ “ข้ามาเพื่อสอบถามเบาะแสของจักรพรรดิอสูรกับเจ้า จักรพรรดิอสูรหายตัวไป เพียงพอนของเจ้าเคยพบเขา”
กงซุนฉางหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงพอนของข้า?” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เฉียวเวยพยักหน้าแล้วเอาลูกแก้วเม็ดนั้นออกมา “นี่เป็นลูกแก้วที่จิ่งอวิ๋นให้จักรพรรดิอสูร เสี่ยวไป๋ได้กลิ่นเพียงพอนตัวนั้นจากลูกแก้วเม็ดนี้”
กงซุนฉางหลีเลื่อนสายตาหนี “นั่นไม่ใช่เพียงพอนของข้า”
“แล้วเป็นของผู้ใด” เฉียวเวยถาม
กงซุนฉางหลีทำท่าจะเอ่ยแต่ก็นิ่งไป เขาชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะบอกว่า “ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์”
เฉียวเวยอึ้งไป “ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์? จักรพรรดิอสูรถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์พาตัวไป?”
กงซุนฉางหลี “อื้อ”
เฉียวเวยกำหมัดแน่น “ลัทธิศักดิ์สิทธิ์พาตัวจักรพรรดิอสูรไปทำอะไร พวกเขาคิดจะควบคุมจักรพรรดิอสูรหรือไรกัน”
กงซุนฉางหลี “จักรพรรดิอสูรไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายเพียงนั้น”
เฉียวเวยเอ่ยถามด้วยความฉงน “เช่นนั้นพวกเขาคิดจะทำอะไร ขโมยตัวจักรพรรดิอสูร ไม่ให้จักรพรรดิอสูรช่วยพวกเราทำการประลองหรือ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย มีท่านแม่ข้าอยู่ อย่างไรพวกเราก็ชนะแน่!”
กงซุนฉางหลีเอ่ยเสียงเรียบ “หากอวิ๋นซู่ได้ยาพิษจากตัวจักรพรรดิอสูรไป จั๋วหม่าก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้”
เฉียวเวยหันไปมองกงซุนฉางหลีด้วยความตกใจ
กงซุนฉางหลีไม่ได้บอกนาง เพียงเอ่ยนิ่งๆ ว่า “ไม่ต้องมองข้า ข้าไม่รู้ว่าจักรพรรดิอสูรอยู่ที่ใด ข้ารู้เพียงว่าอวิ๋นซู่หมายตายาพิษในตัวเขามานานแล้ว”
เฉียวเวยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงประหลาด “อวิ๋นซู่ก็คิดจะฝึกตนเองให้กลายเป็นนักรบมรณะหรือ”
กงซุนฉางหลีส่ายหน้า “ยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรไม่ได้ออกฤทธิ์แต่กับนักรบมรณะ ในยาพิษนั้นมีวรยุทธ์ทั้งหมดของจักรพรรดิอสูรอยู่ ขอเพียงสกัดเอาพิษออก วรยุทธ์ข้างในนั้นอวิ๋นซู่ก็สามารถดูดออกไปได้”
แน่นอนว่าอวิ๋นซู่ไม่ได้สามารถดูดกำลังภายในจำนวนมหาศาลนี้ได้ตั้งแต่ต้น แต่หลังจากออกจากการครองสันโดษในครั้งนี้ วรยุทธ์ของอวิ๋นซู่เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้ว สามารถฝึกจนใช้ยาพิษของจักรพรรดิอสูรได้แล้ว
เฉียวเวยเดือดดาลจนต้องกระทืบเท้า “เจ้าชาติชั่วเอ้ย! กระทั่งกับจักรพรรดิอสูรก็ยังกล้าคิดแผนชั่ว เขาไม่รู้หรือว่าจักรพรรดิอสูรเป็นบิดาบุญธรรมของบิดาเขาน่ะ มันช่างน่าสับให้ละเอียดเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นนัก!”
ที่อวิ๋นซู่น่าถูกสับให้ละเอียดเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นใช่มีแค่เรื่องนี้เมื่อไรกัน
กงซุนฉางหลีเอากล่องผ้าไหมที่ถือมาตลอดทางวางลงให้เฉียวเวย
“อะไรหรือ” เฉียวเวยรับกล่องไป พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นบัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์
หมิงซิวจะทะลุฝ่ามือเก้าสุริยันขั้นสุดท้ายได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเจ้านี้ที่สุดแล้ว เฉียวเวยจึงไม่อิดออด เก็บเอาไว้แต่โดยดี “ขอบคุณมากนะ”
กงซุนฉางหลีเลิกผ้าม่านขึ้น “เจ้าควรลงรถได้แล้ว”
เฉียวเวยลงจากรถม้า เอาบัวหิมะขึ้นไปนั่งบนรถม้าที่มีองครักษ์เกราะทมิฬเป็นคนขับและคอยตามอยู่ด้านหลังมาตลอดเพื่อกลับจวนอ๋องไป
นางเพิ่งก้าวเข้าประตูใหญ่จวนอ๋อง ยิ่นอ๋องก็มาหาที่จวนทันที
ยิ่นอ๋องบอกให้เฉียวเวยรู้ว่า เพราะลัทธิศักดิ์สิทธิ์มีธุระต้องสะสาง การประลองจึงจะจัดขึ้นในอีกสามวันหลังจากนี้
เฉียวเวยถลึงตาดุใส่อีกฝ่าย สะสางธุระกับผีน่ะสิ ที่เลื่อนเป็นเพราะคิดจะดูดกลืนยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรชัดๆ!
แต่ยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรใช่จะเอาไปกันได้ๆ เช่นนั้นหรือ
ไม่ว่ายาพิษในตัวใครก็จำเป็นต้องได้มาตอนที่เจ้าของยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นถึงจะยังมีฤทธิ์อยู่ ตอนท่านแม่นางเอายาพิษออกจากตัวรานีอสูร ก็ควักเอามาตอนนางยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน นางไม่เชื่อว่าอวิ๋นซู่จะเก่งกาจพอที่จะควักยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรออกมาได้!
ภายในห้องไม้ไผ่เล็กๆ อันเงียบสงัด จักรพรรดิอสูรนั่งอยู่ในมุมที่เย็นจัด ข้างกายเขาเป็นเพียงพอนหิมะตัวน้อยที่กำลังหลับสนิท
ไอสีดำจากมือเขาถูกเพียงพอนตัวน้อยนี้เลียให้จนสะอาดแล้ว แต่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ไอสีดำก็ค่อยๆ อบอวลขึ้นมาอีก
เขารีบเขย่าปลุกเพียงพอนหิมะให้ตื่น แล้วยื่นสองมือที่อบอวลไปด้วยไอสีดำไปให้มัน
แอ๊ด…
ประตูถูกผลักเปิด
บุรุษในเสื้อคลุมสีม่วงเดินเข้ามาช้าๆ เขามองจักรพรรดิอสูรที่นั่งอย่างหงอยเหงาอยู่ตรงมุมห้อง ย่อตัวลงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “มันช่วยแก้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เจ้าอยากหายสนิทหรือไม่”
จักรพรรดิอสูรมองเขาอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร โ
เขาเอ่ยเสียงใจดีว่า “อยากหายสนิทก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง แค่เอายาพิษในตัวเจ้าออกมา เจ้าสามารถกลับไปเป็นคนธรรมดาได้แล้ว”
ยาพิษในตัวถือเป็นชีวิตของนักรบมรณะอย่างไม่ต้องสงสัย หากให้ผู้ใดไป ก็เท่ากับมอบชีวิตของตนให้ไปด้วย
สายตาของจักรพรรดิอสูรมีแววระแวง
บุรุษผู้นั้นเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ให้เจ้าตายหรอก ข้าจะช่วยให้เจ้ากลับมามีชีวิต”
จักรพรรดิอสูรมีท่าทีลังเล ก้มลงมองไอสีดำที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างเขา
น้ำเสียงของบุรุษผู้นั้นฟังดูสบายๆ “ไอเหล่านี้คือไออสูร เจ้าธาตุไฟเข้าแทรกแล้ว ต้องเอายาพิษในตัวเจ้าออกมาเท่านั้นถึงจะหายดีได้ เจ้าอยากพบอวิ๋นจูหรือไม่ อยากพบเด็กคนนั้นหรือไม่ เอายาพิษในกายเจ้าออกมา เจ้าก็สามารถกลับไปเจอพวกเขาได้แล้ว”
จักรพรรดิอสูรก้มหน้าลงอีกครั้ง ครานี้เขาคลายอาภรณ์ของตนเอง นิ่งมองจุดตันเถียนบนตัวตนเอง
บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก “ใช่ คือตรงนี้แหละ”
จักรพรรดิอสูรยื่นมือขวาที่เพียงพอนตัวน้อยกำลังเลียอยู่ออกมา
เพียงพอนตัวน้อยพลันชะงักค้าง
มือขวาของจักรพรรดิอสูรค่อยๆ เลื่อนไปที่จุดตันเถียนของตน
บุรุษผู้นั้น “ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บหรอก”
มือขวาของจักรพรรดิอสูรสั่นน้อยๆ ไม่เท่าไรตัวก็พลอยสั่นไปด้วย
บุรุษผู้นั้นมองเขาพร้อมเอ่ยว่า “เจ้าสังหารคนไปมากเพียงนั้น เจ้ายังคิดจะสังหารต่อไปหรือ เมื่อวานตอนเจ้าอยู่ที่เกาะอิ๋นหู เจ้าเกือบสังหารอวิ๋นจูไปแล้วใช่หรือไม่ แล้วยังจั๋วหม่าน้อยอีก นางเองก็เกือบตายด้วยมือเจ้าแล้ว หากเจ้ากลับไปเช่นนี้ อวิ๋นจู จั๋วหม่าน้อย แล้วยังมีเด็กคนนั้น ไม่ช้าก็เร็วเจ้าคงได้สังหารพวกเขาแน่ หากพวกเขาตายกันหมด เจ้าจะไม่เสียใจหรือ”
มือขวาที่สั่นระริกของจักรพรรดิอสูรจับลงที่จุดตันเถียนของตน
บุรุษผู้นั้นบอกว่า “เจ้าเอายาพิษออกมา ข้าก็จะส่งตัวเจ้ากลับบ้าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะไม่ต้องอยู่ด้วยความหวาดหวั่นอีกแล้ว เจ้าจะไม่สังหารผู้ใดอีก และจะไม่มีผู้ใดสังหารเจ้าด้วย”
มือของจักรพรรดิอสูร…กดที่จุดตันเถียนของตน
เพียงพอนหิมะมองจักรพรรดิอสูรด้วยความหวาดกลัว
จักรพรรดิอสูรยกมือขวาขึ้น เล็งปลายนิ้วไปตรงจุดตันเถียน บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ไหลลงมาเม็ดแล้วเม็ดเล่า
บุรุษผู้นั้น “ลงมือเถิด”
จักรพรรดิอสูรเดินกำลังภายใน เตรียมจะกระซวกเข้ามาตัวตนเอง
กรุบกรับๆ กรุบกรับๆ!
ด้านข้างจู่ๆ ก็มีเสียงเคี้ยวอะไรกรอบๆ ดังมา
จักรพรรดิอสูรกับบุรุษผู้นั้นมองตามเสียงไปก็เห็นว่าตรงประตู ไม่รู้มีแม่ชีน้อยสามคนมาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร
แม่ชีน้อยทั้งสามกินถั่วเคลือบน้ำตาลในถุงผ้าพลางมองคนที่อยู่ในห้องกันตาแป๋ว
กรุบกรับๆ กรุบกรับๆ…