หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 55-1 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 55-1 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
ตอนที่ 55-1 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
เฉียวเวยพอกลับไปถึงจวนก็เอาบัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ให้เฉียวเจิง เฉียวเจิงเลยเอาบัวหิมะไปทำยาให้จีหมิงซิว
เฉียวเวยยังเล่าเรื่องที่จักรพรรดิอสูรถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์พาตัวไปให้เฮ่อหลันชิงกับอวิ๋นจูฟัง ถึงจะไม่รู้ว่าจักรพรรดิอสูรถูกอวิ๋นซู่เอาตัวไปซ่อนไว้ที่ใด จะเป็นที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เมืองเหนือยอดเมฆหรืออาจจะในทิวเขาหมั่งฮวง แต่มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้นั่นคือ ที่อวิ๋นซู่เลื่อนการประลองออกไปสามวันนั้นบอกได้ว่าภายในสามวันนี้เขาจะต้องหาทางเอาเม็ดยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรออกมาให้ได้
เฉียวเวยเอาสองมือเท้าคาง “ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เม็ดยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรจะได้มาง่ายๆ เพียงนั้นเชียวหรือ”
อวิ๋นจูบอกว่า “ไม่จำเป็นต้องดูดออกไปทั้งหมดในคราเดียว แต่แค่ดูดออกไปส่วนหนึ่งก็เพียงพอที่จะสู้กับท่านแม่เจ้าได้แล้ว”
เฮ่อหลันชิงปรายตามองอวิ๋นจูเรียบๆ “เจ้าว่าเพียงพอที่จะสู้กับผู้ใดนะ”
อวิ๋นจูบอกว่า “เจ้าอย่าคิดว่าเล่นงานจนจักรพรรดิอสูรต้องหลบหนีไปก็จะเอาชนะจักรพรรดิอสูรได้แล้วจริงๆ วรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูรไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าจินตนาการกันเอาไว้”
เฮ่อหลันชิงเอ่ยอย่างดูแคลน “เช่นนั้นเจ้าก็ให้เขามาสิ ข้าจะสู้กับเขาให้ดู!”
เฉียวเวยกลัวเหลือเกินว่าสองคนพูดไม่ถูกหูกันแล้วจะลงไม้ลงมือกันขึ้นมา เลยรีบกดทั้งสองคนไว้ ยิ้มแหยๆ เอ่ยว่า “พวกเรารีบมาคิดหาวิธีกันตามหาจักรพรรดิอสูรให้เจอกันเถิด! เจ้าชาติชั่วอวิ๋นซู่ผู้นี้ไม่รู้จะเกิดความคิดชั่วๆ อะไรมาเล่นงานจักรพรรดิอสูรอีก”
เฮ่อหลันชิงเขี่ยเล็บที่เพิ่งใช้เม็ดกระวานทามาใหม่ๆ อย่างไม่ใส่ใจ “อยากจะทำอะไรก็เชิญสิ”
อวิ๋นจูตบโต๊ะดังปังทันที!
“ท่านยายๆๆ….” เฉียวเวยรีบลุกขึ้นจับหัวไหล่อวิ๋นจูไว้เบาๆ ทั้งยังหันไปส่งสายตาขอร้องให้ท่านแม่ของตนด้วย
เฮ่อหลันชิงกรอกตาบนใส่
ตามปกติอวิ๋นจูไม่ใช่คนที่จะของขึ้นง่ายๆ แต่กระนั้นพอได้เจอกับเฮ่อหลันชิงก็กลายเป็นคนเลือดร้อนไปเสียอย่างนั้น แตะนิดแตะหน่อยเป็นจุดติดเสมอ
กว่าจะปลอบผู้อาวุโสทั้งสองได้ เฉียวเวยก็ถึงกับเหงื่อออกท่วมหลัง ใจนึกกลัวนักว่าทั้งสองคนเกิดสู้กันขึ้นมา จะพาให้ครึ่งจวนอ๋องต้องพังราบ นางเอ่ยด้วยความไม่สบายใจว่า “ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะ พวกท่านทำข้าตกใจนั้นไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกในท้องข้าต้องตกใจเลย”
ลูกของนางเอามาใช้เป็นไม้ตายได้จริงๆ
เฮ่อหลันชิงหยุดตั้งท่าจะมีเรื่องกับอวิ๋นจูให้ได้ขึ้นมาจริงๆ นางยกถ้วยชามาจิบดื่มด้วยท่าทีสบายๆ
เมื่อนางไม่ยั่วโมโห อวิ๋นจูจะถือสาหาความอีกก็กระไรอยู่
อวิ๋นจูตั้งสติเอ่ยกับเฉียวเวยว่า “อวิ๋นซู่ต้องเอาตัวจักรพรรดิอสูรไปซ่อนไว้ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์แน่” โ
“ท่านยายรู้ได้อย่างไร” เฉียวเวยถาม
อวิ๋นจูตอบว่า “ข้าก็เพียงคาดเดาเอาเอง อวิ๋นซู่อยากได้เม็ดยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูร แต่หากตัวจักรพรรดิอสูรไม่ยินดีจะเอาออกมามอบให้ เขาก็ต้องคิดหาวิธีที่จะเอามันออกมา”
เฉียวเวยขมวดคิ้ว “เขาเอาออกมาได้หรือ”
อวิ๋นจูส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ “โดยหลักการแล้วทำไม่ได้ แต่มีพิษไสยเวทชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ลมปราณภายในจุดตันเถียนปะทุขึ้นมาได้ และหากเอายาพิษออกมาได้ไม่ทันเวลา ตัวของคนผู้นั้นก็จะระเบิดออกและตายไปในที่สุด”
เฉียวเวยขนลุกซู่ “ยังมีของที่ดำมืดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ แต่หากเอาออกมาแล้วก็ต้องตายอยู่ดีมิใช่หรือ”
อวิ๋นจูบอกว่า “นักรบมรณะทั่วไปต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยร่างกายของจักรพรรดิอสูร พอมีโอกาสรอดอยู่หนึ่งส่วน”
มีโอกาสรอดหนึ่งส่วน เช่นนั้นอย่างน้อยก็พอจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้งั้นสิ แต่ต่อให้ตอนนั้นรักษาชีวิตไว้ได้ แต่อวิ๋นซู่จะให้จักรพรรดิอสูรรอดไปได้หรือ นักรบมรณะคนหนึ่งที่สูญเสียเม็ดยาพิษในกายไป จะต่างอะไรกับนางรำที่สูญเสียขาเล่า
จะให้จักรพรรดิอสูรรับความเสี่ยงนี้ไม่ได้!
ทันใดนั้นเฉียวเวยก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางถามอวิ๋นจูว่า “ท่านยาย ตอนนั้นที่ท่านสำรวจลมปราณของจักรพรรดิอสูรเคยบอกว่าจุดตันเถียนของเขาเคยถูกทำลายมาก่อน หมายความว่าเขาเคยถูกพิษไสยเวทนั้นและมีคนเอาเม็ดยาพิษในตัวเขาออกมาหรือ”
อวิ๋นจูพยักหน้า “ข้าคิดว่าน่าจะใช่”
คนที่สามารถผนึกรวมเม็ดยาพิษได้ นอกจากร่างพิษแล้วก็มีแต่นักรบมรณะที่เป็นราชันอสูรขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้ หากเป็นเช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าอวิ๋นซู่อาจจะดูดกลืนเอาเม็ดยาพิษของนักรบมรณะระดับราชันอสูรไปแล้วหนึ่งเม็ด หากให้เขาดูดกลืนของจักรพรรดิอสูรไปอีกเม็ด ในโลกหล้านี้จะไม่ไร้คู่ต่อสู้ของเขาแล้วหรือ
เฉียวเวยแค่เพียงคิดว่าคนชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ดูดกลืนเม็ดยาพิษจากคนข้างกายตนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็แทบอยากหาเชือกมาจับอวิ๋นซู่มัดไว้ แล้วซ้อมจนกว่าจุดตันเถียนของเขาจะแหลกสลายและตายไปยิ่งนัก
สำหรับคนชั่วที่ชอบยึดครองวรยุทธ์ของผู้อื่นมาเป็นของตนเองเช่นนี้ วิธีการลงโทษที่ดีที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำให้เขากลายเป็นคนไร้ความสามารถแล้ว
หากวันนั้นมีจริง เฉียวเวยคิดว่านางจะต้องสาแก่ใจมากเป็นแน่
เฉียวเวยนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถามต่อว่า “แต่ว่าท่านยาย เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่ท่านบอกว่าเขาต้องซ่อนตัวจักรพรรดิอสูรไว้ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์หรือไม่หรือ”
อวิ๋นจูอธิบายว่า “เม็ดยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรมีพิษร้ายแรงผสมอยู่ ไม่ใช่ยาพิษที่กลั่นออกมาได้ง่ายเพียงนั้น ตัวอวิ๋นซู่เองต้องเตรียมพร้อมด้วยการกินยาเสริมสร้างร่างกายเข้าไปก่อนถึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกพิษเล่นงานจนตายไปเดี๋ยวนั้น แต่ยาชนิดที่ว่านั้นเอาเข้าจริงเป็นพิษที่ทำให้คนธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายๆ หากพลั้งพลาดอะไรไป อาจเป็นภัยถึงชีวิตได้ทันที”
เฉียวเวยขมวดคิ้วเอ่ยว่า “รู้ว่ามีโอกาสเป็นภัยถึงชีวิตก็ยังทำอีก!”
จากจุดนี้แล้ว อวิ๋นซู่ช่างคล้ายกับจักรพรรดิอสูรยิ่งนัก ทั้งๆ ที่รู้แต่ก็ยังทำ ที่ไม่เหมือนกันก็คือ จักรพรรดิอสูรไล่ล่าหาวรยุทธ์ที่สูงขึ้นด้วยการทรมานร่างกายตนเอง ส่วนอวิ๋นซู่… กลับทรมานผู้อื่น
เขาเลี้ยงดูร่างพิษเอาไว้มากมายเพียงนั้น ภายนอกบอกว่าอยากฝึกราชันอสูรให้กับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แต่ใครจะบอกได้ว่าจุดประสงค์ในการฝึกราชันอสูรนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อตนเอง
เพราะถึงอย่างไรยิ่งมีราชันอสูรมาก เม็ดยาพิษที่เขาจะได้ก็มีมากตามไปด้วยมิใช่หรือ
เม็ดยาพิษของรานีอสูรหากเฮ่อหลันชิงไม่เอาออกไป แปดส่วนคงได้ตกไปอยู่ในมือของอวิ๋นซู่เป็นแน่
บุรุษผู้นี้เพื่อความยิ่งใหญ่ที่ว่าแล้ว เขาไม่ต้องการสิ่งใดเลยจริงๆ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เฉียวเวยส่งเสียงจึ๊ด้วยความรังเกียจ
อวิ๋นจูพูดต่อว่า “ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์มีสระโอสถที่ปลูกบัวหิมะอยู่สระหนึ่ง สามารถข่มกำลังภายในที่เดือดพล่านในกายได้ อวิ๋นซู่จำเป็นต้องอยู่ในสระนั้นตลอดเวลา ถึงจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ธาตุไฟเข้าแทรก”
เฉียวเวยพลันกระจ่างแก่ใจ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นจักรพรรดิอสูรเล่า เขาจะอยู่แถวๆ สระโอสถนั่นหรือไม่”
อวิ๋นจูตอบอื้อคำหนึ่ง “ต่อให้จักรพรรดิอสูรไม่อยู่แถวนั้น ก็คงอยู่ไม่ไกลแน่”
…
ภายในห้องป่าไผ่ที่เงียบสงัด จักรพรรดิอสูรกับบุรุษผู้นั้นนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น ตรงหน้าทั้งสองมีโต๊ะน้ำชาตัวเตี้ยตั้งอยู่ บนโต๊ะน้ำชามีขนมมากมายหลายอย่างวางอยู่เต็มไปหมด ที่หอมและหน้าตาน่ากินที่สุดก็คือถั่วเคลือบน้ำตาลที่เพิ่งขึ้นจากกระทะมาหมาดๆ
จักรพรรดิอสูรเหลือบมองถั่วเคลือบน้ำตาลที่ส่งกลิ่นหอมฉุยแล้วไม่ได้พูดอะไร
บุรุษผู้นั้นดันถั่วเคลือบน้ำตาลทั้งจานไปตรงหน้าอีกฝ่ายพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ให้เจ้าทั้งหมดเลย เจ้าลองชิมดูได้ ใช่รสชาติที่เจ้าชอบหรือไม่”
จักรพรรดิอสูรนิ่งไม่ขยับ
บุรุษผู้นั้นพูดต่อว่า “เจ้ายังคิดถึงเรื่องกลับบ้านอยู่ใช่หรือไม่ เรื่องนี้เจ้าค่อยๆ ไตร่ตรองดูก็ได้ ข้าไม่เร่งเจ้า และหากเจ้าชอบ เจ้าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยก็ได้ กินถั่วเคลือบน้ำตาลเถิด”
จักรพรรดิอสูรยื่นมือมา
สายตาบุรุษผู้นั้นพลันขยับ
จักรพรรดิอสูรดึงมือกลับไปอีกครั้ง แล้วลงนอนบนพื้นอุ่นร้อนอย่างหงอยเหงา
บุรุษผู้นั้นเอ่ยเสียงนุ่มว่า “อย่างไรเจ้าก็ต้องกินอะไรบ้างมิใช่หรือ ถั่วเคลือบน้ำตาลนี้พ่อครัวที่เก่งที่สุดของข้าทำมาให้ ข้าลองชิมดูแล้ว รสชาติดีมาก”
จักรพรรดิอสูรลุกกลับขึ้นมานั่ง เพ่งมองถั่วเคลือบน้ำตาลอยู่พักหนึ่งแล้วในที่สุดก็หยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด
บุรุษผู้นั้นยิ้มด้วยความพอใจ