หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 55-2 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 55-2 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
ตอนที่ 55-2 อวิ๋นซู่กระอักเลือด
จักรพรรดิอสูรลองดมดู ในขณะที่กำลังจะเอาเข้าปาก ประตูห้องก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกดังปัง
บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิมว่า “เจ้ากินไปก่อนนะ ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นไปเปิดประตู จึงเห็นว่าที่พื้นมีลูกหิมะที่แตกกระจายแล้วกองอยู่ สายตาเขาดุดันขึ้นเล็กน้อย หันไปมองตัวต้นเรื่องที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ตัวต้นเรื่องไม่รู้เลยว่าตนทำอะไรลงไป ยังคงโกยหิมะอยู่กับพื้น โกยพลางหลบหลีกการ “ไล่จับ” ของหญิงรับใช้ไปด้วย
ในที่สุดหญิงรับใช้ก็ตามมาทันเสียที นางคว้าตัวแม่ชีน้อยที่ก่อเรื่องไปทั่วเอาไว้ได้ก่อนจะหันไปทำความเคารพบุรุษผู้นั้นด้วยท่าทางหวาดกลัว
บุรุษผู้นั้นทำมือบอก
หญิงรับใช้จะเอาลูกกวาดมาล่อแม่ชีน้อยไป
ตอนบุรุษผู้นั้นกลับเข้าไปในห้อง จักรพรรดิอสูรกำลังเคี้ยวถั่วเคลือบน้ำตาลดังกรุบกรับๆ อยู่ บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ “ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่”
พอออกจากเรือนนั้นมา ศิษย์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา
บุรุษผู้นั้นจึงสั่งว่า “ไปบอกอาจารย์ยา จักรพรรดิอสูรกินพิษไสยเวทเข้าไปแล้ว ให้เขาเร่งต้มยาได้”
ศิษย์ตอบรับ “ขอรับ!”
กลับมาเอ่ยถึงจักรพรรดิอสูร หลังจากบุรุษผู้นั้นเดินไปได้ไม่เท่าไร จักรพรรดิอสูรก็ผลักเปิดหน้าต่างแล้วบ้วนถั่วในปากออกมา!
จากนั้นก็ทำท่าจะอาเจียนด้วยความรังเกียจ รสชาติแย่ชะมัด! โ
กลับมาเอ่ยถึงหญิงรับใช้ที่ต้องทั้งปลอบทั้งจับแม่ชีน้อยทั้งสามไปตลอดทางจนในที่สุดก็พาตัวทั้งสามไปถึงเรือนพักของเจ้าสำนักได้เสียที
เวลานี้เป็นยามค่ำแล้ว โคมไฟตามระเบียงถูกจุดให้สว่าง แสงไฟอ่อนสลัวส่องเฉียงๆ ลงมายังก้อนหินและต้นไม้จนเกิดเป็นเงาตามพื้น
แม่ชีน้อยทั้งสามกระโดดไปตามเงาเหล่านั้น
หญิงรับใช้เดินไปตามระเบียงทางเดิน ผลักเปิดบานประตูเบาๆ แล้วใช้ภาษาจงหยวนที่คล่องแคล่วเอ่ยเสียงหวานว่า “เอาล่ะ เข้าข้างในกันเถิด ต้องเตรียมตัวกินข้าวแล้ว”
แม่ชีน้อยทั้งสามอยู่ที่ต้าเหลียงมานานเพียงนั้นจึงพอฟังภาษาจงหยวนเข้าใจ พอได้ยินคำว่ากินข้าว เลยวิ่งกรูกันเข้าไปอย่างว่าง่าย
“นั่งสิ” หญิงรับใช้ชี้ไปยังเก้าอี้ตัวเล็กภายในห้อง
แม่ชีน้อยทั้งสามไม่ยอมนั่ง
หญิงรับใช้เลยเปลี่ยนจากสีหน้าใจดีเป็นเรียบเฉย “ถ้าไม่นั่งดีๆ ยังไม่มีข้าวกินนะ”
แม่ชีน้อยทั้งสามก็ยังไม่ยอมนั่ง
หญิงรับใช้เชิดคางขึ้น “ดูท่าพวกเจ้าคงอยากท้องหิวสินะ”
แม่ชีน้อยทั้งสามเดินเข้าไปหานาง ยื่นมือไปจะเอาลูกกวาดในมืออีกฝ่าย
นางชูมือขึ้นสูง แม่ชีน้อยทั้งสามเลยเอื้อมไม่ถึง
แม่ชีน้อยทั้งสามมองกันน้ำลายไหลย้อย
หญิงรับใช้ชี้ไปที่เก้าอี้อีกครั้งหนึ่ง “ไปนั่งลงดีๆ กินข้าวก่อนแล้วค่อยกินขนม”
แม่ชีน้อยทั้งสามนิ่งไม่ขยับ
พอดีว่าในตอนนั้นมีสาวใช้ถือถาดที่เต็มไปด้วยอาหารเดินเข้ามา กลิ่นหอมของอาหารจึงลอยเข้ามาเตะจมูกทันที
แม่ชีน้อยทั้งสามพลันเบิกตาโต แย่งกันเบียดเข้าไปหาสาวใช้คนนั้น
หญิงรับใช้กลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นขวางหน้าแม่ชีน้อยทั้งหลายไว้
แม่ชีน้อยชนเข้าจนล้มลงกับพื้น
สาวใช้ตกใจใหญ่ มองอีกฝ่ายตาโตอ้าปากค้าง
หญิงรับใช้ลุกขึ้นยืนนิ่งๆ เรียกยอดฝีมือร่างกำยำมากวรยุทธ์เข้ามาหลายคนแล้วจับแม่ชีน้อยทั้งสามโยนเข้าไปในห้อง
จากนั้นนางก็ปัดมือ เอ่ยด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “เย็นนี้พวกเจ้าไม่มีข้าวกินแล้ว”
แม่ชีน้อยทั้งสามเลยต้องหิ้วท้องหิวอยู่อย่างนั้น
หญิงรับใช้บอกไม่ให้อะไรกินก็ไม่ให้อะไรกินจริงๆ แม่ชีน้อยทั้งสามจึงท้องกิ่วกันจนหน้าอกแทบไปติดหลัง
ตรงระเบียงทางเดิน สาวใช้เงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านใน นางถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “พี่ชิงเอ๋อร์ ขังพวกนางไว้ตั้งนานเพียงนี้แล้ว ให้อะไรกินได้แล้วหรือไม่”
หญิงรับใช้เอ่ยอย่างไม่อินังขังขอบว่า “หากให้กินเร็วเพียงนี้ พวกนางจะหลาบจำหรือ ปล่อยให้หิวสักคืนไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าจะกังวลอะไรหนักหนา งานในมือทำเสร็จแล้วหรือ ยาของเจ้าสำนักต้มเสร็จแล้วหรือ”
ต้มยาไม่ใช่งานของสาวใช้ มีอาจารย์ยาเป็นคนดูแลโดยเฉพาะ แต่เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้แสดงว่าไม่อยากให้ตนอยู่รกหูรกตาแล้ว
สาวใช้ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ทำความเคารพอย่างนอบน้อมแล้วยกถาดอาหารกลับห้องครัวไปเป็นลูกมือให้อาจารย์ยา
หญิงรับใช้เฝ้าอยู่หน้าห้องพักหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าเด็กน้อยทั้งสามไม่เอ็ดตะโรโวยวายกันแล้ว ก็หมุนตัวเดินออกไป
แต่แม่ชีน้อยทั้งสามจะนั่งหิวอยู่ในห้องกันเฉยๆ ได้อย่างไร พวกนางเปิดประตูไม่ได้ แต่พวกนางปีนหน้าต่างกันออกไปได้นี่!
แม่ชีน้อยทั้งสามยกเก้าอี้มา เหยียบเก้าอี้ปีนขึ้นไปตรงหน้าต่าง เรื่องเช่นนี้พวกนางทำกันมานักต่อนักตั้งแต่อยู่ที่จวนยิ่นอ๋องแล้ว เรียกได้ว่าคล่องแคล่วยิ่งนัก ไม่เท่าไรก็จัดการเปิดหน้าต่างจนได้
เด็กทั้งสามปีนหน้าต่างแล้วเดินตามกลิ่นอาหารไปที่ห้องครัว
ในห้องครัวมีคนอยู่ เด็กทั้งสามแอบอยู่ใต้หน้าต่างนอกห้องครัว
ในห้องครัวไม่เพียงมีกลิ่นหอมของอาหาร แต่ยังมีกลิ่นยาอ่อนๆ ปนอยู่ด้วย
สาวใช้นั่งอยู่ด้านหลังเตา หยิบพัดสานมาเดี๋ยวพัดเตานั้นที เดี๋ยวพัดเตานี้ที
สาวใช้เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นศีรษะกลิบกิ๊กของเด็กทั้งสามอยู่ด้านหลังหน้าต่าง นางตกใจจนทำพัดหลุดมือ!
พัดหล่นตุบลงบนหัวไหล่อาจารย์ยา
อาจารย์ยาหันมามองด้วยสายตาดุดัน “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
สาวใช้พลันตัวสั่น ลุกขึ้นเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ขอ ขอโทษด้วย ข้ามือลื่นเจ้าค่ะ”
อาจารย์ยาเอ่ยเตือนว่า “คอยดูไฟให้ดี เป็นของที่เจ้าสำนักสั่งไว้ทั้งนั้น อย่าให้ผิดพลาดเชียว ระวังหัวเจ้าจะหลุดจากบ่า!”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบหยิบพัดขึ้นมา กลับนั่งลงบนเก้าอี้เงียบๆ แล้วพัดเตาต่อไป
อาจารย์ยายกฝาหม้อยาอันแรกขึ้นมาดมกลิ่น แล้วเอ่ยกับสาวใช้ว่า “เจ้าไปล้างใบสะระแหน่มาหน่อย” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
สาวใช้พยักหน้า ลุกขึ้นไปเอาใบสะระแหน่จากในตู้ แล้วอาศัยจังหวะที่อาจารย์ยาไม่ทันสังเกต คว้าหมั่นโถวหลายก้อนมายัดใส่อกเสื้อ
นางเดินออกจากห้องครัว อ้อมไปด้านหลังหน้าต่างด้วยความระมัดระวังแล้วกวักมือเรียกแม่ชีน้อยทั้งสาม
เด็กทั้งสามเดินไปหา
นางย่อตัวลงแบ่งหมั่นโถวให้พวกนาง
เด็กทั้งสามหยิบกินในทันที
สาวใช้ทำท่าบอกให้พวกนางอย่าส่งเสียง บอกเสียงต่ำว่า “กลับไปกินที่ห้องนะ”
เด็กทั้งสามฟังภาษาเยี่ยหลัวไม่เข้าใจ
สาวใช้พูดภาษาจงหยวนไม่ได้ เลยทำท่าบอก “กลับ…ห้อง…ไปกิน”
เด็กทั้งสามก้มหน้าก้มตากินต่อไป
สาวใช้สะกิดหัวไหล่ทั้งสาม “ตามข้ามา”
นางกำลังจะพาแม่ชีน้อยทั้งสามกลับห้อง ก็พลันมีเสียงตะโกนสั่งของอาจารย์ยาดังลอยมาอีก “ไปเด็ดบัวหิมะที่สระโอสถมาด้วย!”
สาวใช้ไปส่งพวกนางไม่ได้แล้ว จึงดึงแม่ชีน้อยทั้งสามให้ไปหลบอยู่หลังพงหญ้า “แอบกินอยู่ตรงนี้ก่อนนะ อย่าให้ใครมาเห็นเข้าล่ะ”
“ได้ยินหรือไม่” อาจารย์ยาถามด้วยความหัวเสีย
สาวใช้เลยรีบตอบว่า “ได้ยินแล้วเจ้าค่ะ! ข้าจะไปตักน้ำมาเดี๋ยวนี้!”
พูดจบสาวใช้ก็รีบเดินไปทันที
นางไปล้างใบสะระแหน่ที่บ่อน้ำก่อน แล้วถือถังน้ำไปที่สระโอสถ
อาจารย์ยาเปิดฝาหม้ออันแรกแล้วหยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ อันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วเอาทัพพีหน้าตาประณีตขึ้นมา เขาเทผงยาสีดำใส่ลงไปหนึ่งในสิบส่วนทัพพีแล้วค่อยๆ เอาละลายลงในหม้อยา
ผงสีดำนั้นก็คือยาพิษที่อวิ๋นจูบอกว่าสามารถทำให้คนธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายๆ ถึงฤทธิ์ของมันจะรุนแรง แต่หากควบคุมปริมาณได้ดีแล้วใช้บัวหิมะจากสระโอสถเจือจาง ก็จะทำให้ความรุนแรงของพิษนี้หายไปอย่างมาก เหลือไว้เพียงพิษอ่อนๆ ที่จำเป็นเท่านั้น
แน่นอนว่า ต่อให้เป็นพิษเพียงเท่านั้น แต่กับคนปกติอย่างไรก็ถึงแก่ชีวิตได้ ยังดีที่อวิ๋นซู่วรยุทธ์กล้าแกร่งซ้ำยังเคยกลั่นเอายาพิษของราชันอสูรมาแล้วเม็ดหนึ่ง เขาจึงพอจะทนพิษของเจ้าสิ่งนี้ไว้ได้
อาจารย์ยาไม่กล้าใส่ลงไปเยอะ อันที่จริงความรุนแรงของมันไม่ใช่สิ่งที่ยาพิษทั่วไปจะสามารถเทียบเคียงได้ หนึ่งในสิบส่วนทัพพีถือว่ามากที่สุดแล้ว หากมากกว่านี้อีกนิด จุดตันเถียนของอวิ๋นซู่น่ากลัวว่าคงไม่อาจรักษาไว้ได้อีก
อาจารย์ยาพอใส่พงสีดำเสร็จก็เหลือบมองไปที่หน้าประตูอย่างหมดความอดทน “ใบสะระแหน่ที่ให้ไปล้างมาเล่า ไปล้างถึงไหนกัน”
สาวใช้ล้างเสร็จแล้ว แต่ก็เอาติดตัวไปที่สระโอสถด้วยแล้วเช่นกัน
อาจารย์ยาบ่นไม่หยุด เขาวางขวดยาลงแล้วหยิบใบสะระแหน่ออกไปล้างเองที่ล้านด้านหลัง
ทางนี้เขาเพิ่งออกไป เด็กทั้งสามที่กินหมั่นโถวหมดแล้วแต่ยังไม่อิ่มก็วิ่งตามกันเข้ามา
ในห้องครัวมีของกินอยู่ไม่น้อย หมูเห็นเป็ดไก่อะไรก็มีทั้งสิ้น พี่ใหญ่ยกเป็ดย่างมาตัวหนึ่ง น้องเล็กคว้าเอาปลาทอดมาหนึ่งตัว น้องรองหักขาไก่มาหนึ่งขา ปากก็กัดพลางเดินตามกลิ่นมาหน้าหม้อยาต้มที่กำลังเดือดปุดๆ
อีกด้านหนึ่งของหม้อยา บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ สะอาดสะอ้านมีขวดกระเบื้องอันเล็กหน้าตาประณีตที่ฝาจุกถูกดึงออกไปแล้ววางอยู่
น้องรองหยิบขวดนั้นขึ้นมาด้วยความใคร่รู้ จับมันเขย่า ผงสีดำกองใหญ่จึงหล่นลงไปอยู่ในหม้อยาอย่าแม่นยำไม่มีตกหล่น
อันที่จริงยาที่ลงไปในหม้อก็ไม่ได้มากนัก แค่ประมาณเจ็ดแปดช้อนเห็นจะได้!
อาจารย์ยาล้างใบสะระแหน่เสร็จกลับมา เด็กน้อยทั้งสามหอบเอา “รางวัลจากสงคราม” ของตนหายกันไปด้วยความพอใจแล้ว
อาจารย์ยาหยิบขวดกระเบื้องบนเก้าอี้มาปิดฝาจุกแล้วเอาใส่หน้าอกเช่นเดิม
จากนั้นอาจารย์ยาก็เอาใบสะระแหน่ฉีกใส่ลงให้หม้อ หลังจากคนจนเข้ากันแล้วก็ใช้ทัพพี่ตักยาสีดำเมี่ยมไปส่งให้อวิ๋นซู่
ไม่รู้ว่าอาจารย์ยาคิดไปเองหรือไม่ เขารู้สึกว่ายานี้ดูจะดำกว่าที่เขาคิดไว้อยู่เล็กน้อย
จักรพรรดิอสูรกินพิษไสยเวทเข้าไปแล้ว สามชั่วยามหลังจากนี้ลมปราณเขาจะเดือดพล่าน ถึงเวลานั้นจักรพรรดิอสูรจำต้องคายเม็ดยาพิษในกายออกมาเพื่อรักษาชีวิตของตนไว้ เวลานี้สิ่งที่เจ้าสำนักจำเป็นต้องทำก็คือ รีบกินยานี้ลงไปก่อน ยาที่ลงไปก่อนถือเป็นฝ่ายเหย้า จากนั้นใช้พิษต้านพิษ เพื่อข่มพิษของเม็ดยาพิษนั้นให้อ่อนลง
อาจารย์ยาส่งยาไปให้อวิ๋นซู่แล้ว
อวิ๋นซู่กินลงไปอย่างอารมณ์ดี
แต่เพียงพริบตา ภายในจุดตันเถียนก็พลันรวดร้าวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้
ตาของอวิ๋นซู่แทบจะถลนออกมาเป็นตาวัว ตัวเขาพลันโค้งงอแล้วกระอักเลือดสีดำเมี่ยมออกมา…