หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 58-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (3)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 58-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (3)
ตอนที่ 58-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (3)
ปรมาจารย์เวทหยิบตะปูสะกดวิญญาณออกจากอกเสื้อ
อีกฝ่ายกระชากโซ่มังกรเหล็กออกได้ วรยุทธ์ย่อมไม่อ่อนด้อยเป็นแน่ แต่ตะปูสะกดวิญญาณเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือทั้งหลายต่างหวาดกลัว ต่อให้เป็นเฮ่อหลันชิง หากโดนตะปูนี้เข้าไปอย่างไรก็ต้องอาการสาหัสกันบ้าง!
ปรมาจารย์เวทคนใหม่คว้าหูฝากระทะด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขานับเลขในใจ พอยกฝากระทะขึ้น ก็ตอกตะปูสะกดวิญญาณลงไปทันที!
แต่กระนั้นในขณะที่เขาตอกลงไปได้ครึ่งทาง เขากลับพบว่าคนในกระทะอยู่ในอาภรณ์ของเจ้าสำนัก!
เขาตะลึงค้าง รีบหยุดตะปูในมือลงทันที
เขาเพ่งสายตามองอีกฝ่าย ภายในห้องมีไข่มุกราตรีอยู่ จึงนับว่าพอมีแสงสว่างอยู่บ้าง เพียงแต่… คนหัวล้านที่หน้าเขียวจมูกบวมปากเบี้ยวซ้ำยังมีกลิ่นปัสสาวะแสบจมูกผู้นี้ ใช่เจ้าสำนักที่เคยหล่อเหลาสง่างามจริงๆ หรือ
เหตุ เหตุใดถึงอยู่ในสภาพนี้ได้!
ปรมาจารย์เวทคนใหม่สงสัยยิ่งนักว่าตนจำผิด เขาจะรีบไปตามหาคนมาช่วย ตอนยกเท้าข้ามธรณีประตูก็เกิดสะดุดจนล้มลงกับพื้น เขาเลยแทบจะกึ่งเดินกึ่งคลานออกไป
ไม่เท่าไร เขาก็ไปพายิ่นอ๋อง แม่เฒ่าและเย่ว์หวามาที่นี่
ทั้งสามเข้าไปในห้อง ตอนแรกยังไม่เห็นใคร เพียงได้กลิ่นสุรากับกลิ่นปัสสาวะที่แสบจมูกลอยมาก่อน ทั้งสามพากันขมวดคิ้ว ยิ่นอ๋องถึงกับทำท่าอยากจะอาเจียน
จากนั้นทั้งสามก็ไปที่หน้ากระทะ พอเห็นบุรุษในน้ำสุราที่ตัวหดงอราวกับกุ้งก็ถึงกับชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาทันที…
ทั้งสามเอาตัวอวิ๋นซู่ขึ้นมาจากสุรา
อาการอวิ๋นซู่ย่ำแย่มาก
ทั้งถูกพิษ ทั้งเส้นเลือดในสมองแตก ทั้งธาตุไฟเข้าแทรก แล้วยังถูกปักด้วยตะปูสะกดวิญญาณอีก ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาจะแก้พิษได้หรือไม่ หรือจะควบคุมไอปีศาจในตัวได้หรือไม่แล้ว ร่างกายทั้งหมดของเขาพังครืนไม่เป็นท่าแล้ว จุดตันเถียนกำลังอ่อนแอลงในความเร็วที่คาดไม่ถึง
หากปล่อยให้จุดตันเถียนอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ เช่นนี้ น่ากลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการเข้าให้จริงๆ
แม่เฒ่ารีบเอาเข็มเงินมาช่วยคลายอาการเส้นเลือดในสมองแตกให้เขาก่อน จากนั้นก็ให้เขากินยาเม็ดที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายใน แต่นี่เป็นเพียงการสาดน้ำหนึ่งจอกลงบนกองเพลิงเท่านั้น แทบจะช่วยรักษาอะไรไม่ได้เลย
“เลวร้ายเกินไปแล้ว เลวร้ายเกินไปแล้วจริงๆ! จะต้องเป็นเฮ่อหลันชิงแน่ ต้องเป็นนางแน่! นอกจากนางแล้วไม่มีใครทำเช่นนี้ได้อีก!” เย่ว์หวากำหมัดแน่นจนได้ยินเสียง
แม่เฒ่าบอกว่า “อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย รีบหาทางช่วยเจ้าสำนักสำคัญกว่า”
โหราจารย์น้อยก็ไม่รู้ว่าไปอยู่เสียที่ใด หากทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฮ่อหลันชิงจริง เช่นนั้นโหราจารย์น้อยก็มีสิทธิ์ถูกนางจับตัวไป
แม่เฒ่าบอกว่า “วรยุทธ์ของเจ้าสำนักคงไม่อาจช่วยฟื้นกลับมาได้ทั้งหมด แต่หากมียอดฝีมือคนใดสามารถดูดซับพิษรุนแรงในตัวเขาไปไว้ที่ตนเองได้ แล้วค่อยใช้วรยุทธ์กดธาตุไฟที่เดือดพล่านในตัวเขาไว้ เช่นนั้นก็คงยังพอรักษาชีวิตของเจ้าสำนักไว้ได้ หากเขาเขียวยังอยู่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีถ่านให้ใช้ หากเจ้าสำนักรอดชีวิต ใช้เวลาสักแปดปีสิบปี ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะกลับมาโลดแล่นเช่นเดิมไม่ได้”
เย่ว์หวาเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าก็ช่างพูดให้ฟังดูง่าย ผู้ใดกันจะยอมดูดซับพิษรุนแรงเช่นนี้เข้าร่างตนเอง ต่อให้พวกเรายินดี แต่พวกเราก็ไม่มีความสามารถนั้นอยู่ดี”
แม่เฒ่าถอนหายใจ “พวกเราย่อมไม่มีความสามารถนั้น แต่จักรพรรดิอสูรมี”
เย่ว์หยาอึ้งไป “จักรพรรดิอสูร? ใช่แล้ว ด้วยวรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูร เขาสามารถดูดซับพิษในกายเจ้าสำนักไปได้ทั้งหมด”
“หลังจากดูดซับพิษเข้าไปแล้ว จักรพรรดิอสูรจะตายหรือไม่” ยิ่นอ๋องถาม
แม่เฒ่าไม่ได้ตอบ
ยิ่นอ๋องเอ่ยด้วยความฉงน “ก่อนจักรพรรดิอสูรตาย จะต้องเอาเม็ดยาพิษในกายออกมาใช่หรือไม่ แต่จากอาการของเจ้าสำนักในเวลานี้ น่ากลัวว่าคงกลั่นเอาเม็ดยาพิษในตัวจักรพรรดิอสูรไม่ได้แล้ว”
แม่เฒ่าส่ายหน้า “กลั่นไม่ได้แล้วจริงๆ เพียงแต่การจะได้มาซึ่งวรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูรนั้นไม่ได้มีเพียงการกลั่นจากเม็ดยาพิษในกายจักรรพรรดิอสูรเท่านั้น หากจักรพรรดิอสูรยินดีถ่ายทอดกำลังภายในให้เจ้าสำนักด้วยตนเอง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องถูกพิษแล้ว ซ้ำยังสามารถกดไอปีศาจในกายเจ้าสำนักไว้ได้อีกด้วย ครานั้นที่จีหมิงซิวกับจีหมิงเยี่ยถูกพิษฝ่ามือเก้าสุริยันเข้าไป ก็อาศัยยอดฝีมือที่ยอมสละวรยุทธ์ให้ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
ถึงแม้หากเอ่ยให้ชัดจะเป็นการสละเพียงเจ็ดแปดส่วน แต่พลังสะท้อนกลับที่ยอดฝีมือต้องได้รับ ก็ไม่ใช่สิ่งที่วรยุทธ์สามส่วนที่เหลือจะต้านทานไว้ได้ ดังนั้นสุดท้ายแล้วยอดฝีมือทั้งหลายจึงกลายเป็นคนไร้สามารถไปทั้งหมด
ส่วนในตัวจักรพรรดิอสูรมีพิษรุนแรงอยู่ เมื่อใดก็ตามที่เปลี่ยนเป็นคนไร้สามารถ เขาก็คงอยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว
ยิ่นอ๋องได้ยินชื่อจีหมิงซิวก็พลันปวดหัว เขาแค่นเสียงทางจมูกด้วยความดูแคลนก่อนเอ่ยว่า “ในเมื่อมีวิธีที่จะได้วรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูรมา แล้วเหตุใดคราแรกถึงต้องคิดอยากจะได้เม็ดยาพิษในตัวเขาด้วย”
แม่เฒ่าอธิบายว่า “เพราะจักรพรรดิอสูรไม่มีทางถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ใครพร่ำเพรื่อ อีกอย่าง ในเม็ดยาพิษนั้นมีวรยุทธ์ทั้งหมดของจักรพรรดิอสูรอยู่ แต่หากจักรพรรดิอสูรถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ด้วยตนเอง อย่างมากก็คงได้มาเพียงเจ็ดส่วน”
เมื่ออธิบายเช่นนี้ยิ่นอ๋องก็เข้าใจแล้ว พูดให้ชัดก็คืออวิ๋นซู่อย่างไรก็โลภมาก คิดอยากได้วรยุทธ์ทั้งสิบส่วนจากจักรพรรดิอสูรให้ได้
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้วถามต่อว่า “ก่อนหน้านี้จักรพรรดิอสูรไม่ยอมถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เจ้าสำนัก แล้วเวลานี้เขาจะยอมหรือ”
แม่เฒ่าถอนหายใจ “จักรพรรดิอสูรจะยอมหรือไม่เป็นเรื่องรอง ด้วยความฉลาดของเจ้าสำนัก หากคิดจะให้จักรพรรดิอสูรถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ตน ก็มีวิธีในการเกลี้ยกล่อมมากมาย แต่เจ้าสำนักอยากได้วรยุทธ์ทั้งหมดของเขา ถึงได้รอจนมาถึงป่านนี้”
ยิ่นอ๋องเอ่ยอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า “อ้อ? เช่นนั้นเจ้าบอกมาทีว่ามีหนทางใดกันแน่ที่ทำให้จักรพรรดิอสูรยินยอมพร้อมมอบวรยุทธ์เจ็ดส่วนของตนออกมา”
แม่เฒ่าไม่ตอบสักคำ
เย่ว์หวายิ้มเยาะ “เรื่องนี้มีอะไรยากกัน จักรพรรดิอสูรไม่ได้รักใคร่อวิ๋นจูเป็นที่สุดหรอกหรือ จับเจ้าสำนักแปลงโฉมเป็นอวิ๋นจู ให้จักรพรรดิอสูรเห็นว่าอวิ๋นจูบาดเจ็บอย่างหนัก อย่าว่าแต่ดูดซับพิษหรือเสียวรยุทธ์ไปกี่ส่วนเลย เชื่อว่าต่อให้ต้องตัดหัวเขาทิ้ง เขาก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”
จักรพรรดิอสูรจำเรื่องในอดีตไม่ได้ และจำไม่ได้ว่าตนมีความสัมพันธ์เช่นไรกับอวิ๋นจู แต่เขายังจำได้ว่าตนต้องดีกับอวิ๋นจู อวิ๋นจูก็คือจุดอ่อนของจักรพรรดิอสูร
เย่ว์หวาถ่องแท้ในจุดอ่อนของทุกคน จักรพรรดิอสูรก็เช่นกัน
อันที่จริงเขาเคยแนะนำเจ้าสำนักไปตั้งนานแล้วว่าให้แปลงโฉมเป็นอวิ๋นจู แต่น่าเสียดายที่เจ้าสำนักเป็นห่วงภาพลักษณ์ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมแปลงโฉมเป็นสตรีนางหนึ่ง ถึงได้ทั้งขู่ทั้งปลอบยอมเดินทางอ้อมทางแล้วทางเล่า แต่ผลสุดท้ายเขาก็ยังต้องเดินทางที่ตนปูรอไว้ให้เจ้าสำนักอยู่ดีมิใช่หรือ
อวิ๋นซู่สลบไสลไม่ได้สติ จึงย่อมออกความเห็นใดๆ ไม่ได้กับการที่ตนจะถูกจับแปลงโฉม
ทุกคนจึงหันไปมองทางยิ่นอ๋อง
ยิ่นอ๋องไม่ได้โต้แย้ง
เย่ว์หวาถึงร่างกายจะใช้การไม่ได้ไปครึ่งหนึ่ง แต่ได้ใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ยิ่นอ๋องดูแล้วว่าตนไม่ใช่คนไร้ค่า เขาใช้วรยุทธ์ไปเกือบครึ่งในการแปลงโฉมอวิ๋นซู่ให้เป็นอวิ๋นจู อย่าว่าแต่เขาที่หาพิรุธไม่เจอเลย กระทั่งแม่เฒ่าที่เคยรับใช้อวิ๋นจูมาก็หาจุดแตกต่างไม่เจอเช่นกัน
ยิ่นอ๋องถึงกับตะลึงค้าง
บนใบหน้าซีดขาวของเย่ว์หวาปรากฏแววกระหยิ่มยิ้มย่อง “เอาล่ะ เวลานี้ไปหาจักรพรรดิอสูรกันได้แล้ว เชื่อว่าเขา…จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วย ‘อวิ๋นจู’ เป็นแน่”