หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 59-1 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 59-1 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
ตอนที่ 59-1 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
เรือนที่จักรพรรดิอสูรอยู่ในเวลานี้อยู่ไม่ห่างจากเรือนของอวิ๋นซู่ เรือนทั้งคู่อยู่ละแวกสระน้ำ แต่จากเกาะอิ๋นหูก็มีระยะห่างประมาณหนึ่ง
ช่วยคนเร่งด่วนราวกับดับไฟ นั่งเรือช้าเกินไป แม่เฒ่าพาคณะเดินไปตามทางเดินใต้เกาะอิ๋นหู
ตั้งแต่อวิ๋นชิงขึ้นมาเป็นเจ้าสำนัก เย่ว์หวาก็กลายเป็นศิษย์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์แล้ว อายุของเขาไม่หนุ่มอย่างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เขาอยู่ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปีเพียงนี้ ก็ยังไม่รู้เลยว่าใต้สระน้ำมีทางเดินไปยังตำหนักนอนของเจ้าสำนักอยู่ด้วย
ยิ่งได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์กับยิ่นอ๋องก็ดูออกชัดว่าคงไม่รู้เช่นกัน
เหตุใดแม่เฒ่าคนนี้ถึงล่วงรู้ได้!
เย่ว์หวาหรี่ตาลงด้วยความอิจฉา
ทางเดินใหญ่เส้นนี้มุ่งตรงไปยังตำหนักนอนของเจ้าสำนัก หรือว่าลึกๆ แล้ว เจ้าสำนักให้ความสำคัญกับแม่เฒ่าผู้นี้อยู่นะ?
แน่ล่ะ ถ้าไม่ให้ความสำคัญก็คงไม่ยกเกาะอิ๋นหูให้นางดูแลทั้งเกาะแบบนี้
คิดถึงเวลานั้น นางเป็นเพียงสาวใช้ข้างกายอวิ๋นจูเท่านั้น แต่เวลานี้แทบจะขึ้นมานั่งคู่กับตนอยู่แล้ว
ทางด้านนี้ระหว่างที่เย่ว์หวารู้สึกริษยาจนแทบไม่อาจถอนตัวออกมาได้นั้น อีกด้านหนึ่ง แม่เฒ่าก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่ข้าขอบอกว่าเจ้าอย่าได้เข้าใจผิดจะดีกว่า เจ้าสำนักไม่ชอบให้คนวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ทางที่ดีเจ้าเก็บความคิดเพ้อเจ้อของเจ้าไว้จะดีกว่า”
เย่ว์หวาส่งเสียงเหอะเย็นๆ แล้วเบือนหน้าหนีไม่มองนางอีก
ยิ่นอ๋องมาทีหลัง ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์จะมีเรื่องที่เขาไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาก็ยังเพ่งมองแม่เฒ่าอีกพักหนึ่ง รู้สึกว่าสตรีนางนี้ยังมีความลับอื่นที่ปิดบังพวกเขาอยู่
ตึง!
จู่ๆ ใต้ฝ่าเท้าก็มีเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น
ยิ่นอ๋องที่แบก “อวิ๋นจู” อยู่ข้างหลัง เย่ว์หวาที่นั่งอยู่บนรถเข็น รวมถึงปรมาจารย์เวทคนใหม่ที่เข็นรถเข็นอยู่ ทุกคนต่างตื่นตะลึกกับความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น
มีเพียงแม่เฒ่าที่ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความสงบนิ่ง เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ปลากินคนว่ายมาชนทางเดินเท่านั้นแหละ มีอะไรน่าตกใจนักหนา”
พอเอ่ยถึงปลากินคน เย่ว์หวาอดนึกถึงคนบ้านตระกูลจีที่ตกน้ำครั้งนั้นไม่ได้ เหตุใดถึงไม่เจอปลากินคนกับเขาบ้างนะ ช่างโชคดีอะไรเยี่ยงนี้!
หลังจากนั้น ทางเดินใต้เท้าก็มีเสียงดังตึงๆ มาอีกหลายระลอก ทุกคนจึงคิดเพียงว่าเป็นปลากินคน ไม่มีใครเก็บมาใส่ใจนัก
“วรยุทธ์ของเจ้าสำนักรักษาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ” จู่ๆ ยิ่นอ๋องก็ถามขึ้น
แม่เฒ่าบอกว่า “วรยุทธ์อาจถูกทำลายไปบางส่วน แต่ต่อให้รักษาของตัวเองไว้ไม่อยู่ แต่หากมีจักรพรรดิอสูรก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือต้องดูดซับเอาพิษออกไป รักษาชีพจรกับจุดตันเถียนไว้ให้ได้ โดยเฉพาะจุดตันเถียน”
จุดตันเถียนเป็นรากฐานสำคัญของคนฝึกวรยุทธ์ ไม่ใช่ทุกคนจะพิสดารเหมือนราชันอสูร ที่สามารถซ่อมแซมจุดตันเถียนกลับมาได้หลังจากถูกทำลายไปแล้ว
“แน่ใจหรือไม่ว่าจักรพรรดิอสูรจะรักษาเขาไว้ได้” ยิ่นอ๋องซักต่อ
แม่เฒ่าจึงบอกว่า “ด้วยวรยุทธ์ของจักรพรรดิอสูร น่าจะไม่มีปัญหา”
ยิ่นอ๋องเอ่ยด้วยความลังเล “เช่นนั้นการประลองในอีกสองวันข้างหน้า…”
นี่ก็เป็นสิ่งที่เย่ว์หวาเป็นกังวลอยู่ ต่อให้รักษาชีวิตไว้ได้ แต่หากไม่ฟื้นตัวกลับมายังจุดที่ควรจะเป็น ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะเสียลัทธิศักดิ์สิทธิ์หรืออาจจะถึงขั้นเมืองเหนือยอดเมฆไปทั้งหมด
แม่เฒ่าเอ่ยว่า “ทั้งหมดต้องรอให้เจ้าสำนักฟื้นก่อน แล้วท่านคงตัดสินใจเอง”
เย่ว์หวายิ้มเย็นขณะมองมา “เหตุใดเจ้าจึงรู้เรื่องมากมายเช่นนี้ มีบางเรื่องเกรงว่ากระทั่งอวิ๋นจูก็คงยังไม่รู้กระมัง”
แม่เฒ่าเชิดหน้าขึ้น “เจ้าไม่จำเป็นต้องจับผิดข้า เจ้าอยากรู้อะไรไว้รอให้เจ้าสำนักตื่น แล้วเจ้าไปสอบถามเขาด้วยตัวเองก็สิ้นเรื่อง”
เย่ว์หวาหน้าบึ้งลง
ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ทั้งหมดก็ออกจากทางเดินลับ
ทางออกอยู่ในถ้ำต้นไม้ ประตูของถ้ำต้นไม้สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวต้นไม้อย่างไร้รอยต่อ ไม่แปลกที่พวกเย่ว์หวาผ่านมาทางนี้ทุกวันแต่กลับไม่เห็นทาเดินลับที่ซ่อนอยู่ภายใน
ที่นี่อยู่ไม่ห่างจาะสระโอสถเท่าไรนัก
ลมเย็นพัดมา กลิ่นบัวหิมะอ่อนๆ โชยเข้าจมูก
ยิ่นอ๋องนึกถึงบัวหิมะของกงซุนฉางหลีขึ้นมาอีกครั้ง ในใจพลันเกิดความรู้สึกบางอย่าง ฝ่ามือใหญ่กำแน่นเป็นหมัด
ตอนพวกเขาไปถึงเรือนของจักรพรรดิอสูร จักรพรรดิอสูรกลังนั่งขดตัวอยู่ในมุมอย่างน่าเวทนา
สองตาของเขาแดงก่ำ หัวใจเต้นอย่างรุนแรง เส้นชีพจรทั่วร่างคล้ายจะระเบิดฉีกขาดเสียให้ได้ แต่กระนั้นในกระดูกก็คล้ายมีมดนับหมื่นตัวกัดกิน ทรมานจนแทบอยากจะวิ่งให้พล่าน
แต่เขาควบคุมเอาไว้ไม่ให้ลมปราณของตนเคลื่อนไหว ยิ่งควบคุมก็ยิ่งทรมาน
ตอนยิ่นอ๋องเปิดประตูเข้าไป เขาสังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของจักรพรรดิอสูรได้อย่างชัดเจน ต่อให้จักรพรรดิอสูรข่มลมปราณของตนไว้เพียงใด แต่ในอากาศก็ยังเหมือนมีลมพายุลูกใหญ่พัดโหมอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะระเบิดออกเมื่อใด
แม่เฒ่าเข้ามาขวางหน้ายิ่นอ๋องเอาไว้ “เจ้าสำนักน้อยโปรดรออยู่ข้างนอกก่อน”
ยิ่นอ๋องตอบอื้มคำหนึ่ง ไม่มีการดื้อดึง เอาตัว “อวิ๋นจู” ฝากไว้กับเย่ว์หวา
เย่ว์หวามีปรมาจารย์เวทคนใหม่เข็นเข้าไป
ปรมาจารย์เวทคนใหม่มีความหวาดเกรงจักรพรรดิอสูรอยู่บ้าง วันนั้นถึงแม้เขาจะโชคดีเอาชนะราชันอสูรได้ แต่เขากลับไม่คิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิอสูร ตนจะมีโอกาสชนะแม้แต่ปลายนิ้ว
โชคดีที่จักรพรรดิอสูรยังถือว่าควบคุมตัวเองได้
เย่ว์หวาวางตัว “อวิ๋นจู” ลงบนเก้าอี้ยาวที่ปูด้วยหนังเสือ
สายตาของจักรพรรดิอสูรหันมองไปทาง “อวิ๋นจู”
“นางเป็นใคร เจ้ายังจำได้หรือไม่” เย่ว์หวายิ้มขณะเอ่ยถาม
ในสายตาจักรพรรดิอสูรมีแววร้อนรนปรากฏขึ้น
เย่ว์หวายิ้มด้วยความพอใจ “อวิ๋นจูกินยาพิษลงไปโดยไม่ทันระวัง แล้วยังถูกตะปูสะกดวิญญาณทำให้บาดเจ็บอีก อาการไม่สู้ดี มีเพียงเจ้าที่จะช่วยนางได้”
จักรพรรดิอสูรยื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป แรงดูดมหาศาลดูดเก้าอี้ยาวตัวนั้นไปอยู่ตรงหน้า เขามองหน้าอวิ๋นจูที่อยู่ใกล้เพียงคืบ สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซับซ้อน
เย่ว์หวาคิดในใจ สมองพังไปได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องอธิบายต้นสายปลายเหตุให้มากความ
จักรพรรดิอสูรหน้าตาเศร้าโศก
เย่ว์หวายกมุมปากขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิมว่า “เจ้าดูดซับเอายาพิษจากตัวนางเข้าไปไว้ในตัวเจ้าก่อน แล้วค่อยถ่ายทอดเอากำลังภายในไปข่มปราณที่แปรปรวนของนางเอาไว้ หากทำเช่นนั้นเชื่อว่าจะต้องรักษาชีวิตนางเอาไว้ได้แน่นอน ข้าได้พูดสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว จะทำเช่นไรคงต้องอยู่ที่ตัวเจ้าแล้ว”
พูดจบเย่ว์หวากับปรมาจารย์เวทคนใหม่ก็หมุนตัวเดินออกไป
ยิ่งบีบบังคับมากก็ยิ่งน่าสงสาร หลักการข้อนี้เย่ว์หวาพอเข้าใจอยู่ เขาเชื่อว่าวิชาแปลงโฉมของตนไม่มีทางมีผู้ใดพบพิรุธ นอกเสียจากว่าตัวอวิ๋นซู่เองฟื้นขึ้นมาแล้วเอ่ยปากพูด แต่อวิ๋นซู่บาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้แล้ว หากไม่รักษาเขาให้หาย เขาจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร
เย่ว์หวาออกจากห้องด้วยความสบายใจ
พวกเขาไม่ได้เดินหายไปไหน แต่ยืนอยู่ใต้ชายคา สีหน้าเคร่งเครียดสมาธิจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวภายใน
ยิ่นอ๋องยังคงรู้สึกว่าวิธีการนี้ออกจะสุ่มเสี่ยงอยู่สักหน่อย ถึงจะบอกว่าแปลงโฉมได้อย่างไร้พิรุธแล้ว แต่หากจักรพรรดิอสูรดึงกางเกงเขาลงเล่า…
เย่ว์หวาเอ่ยด้วยความมั่นใจ “เจ้าสำนักน้อยไม่ต้องเป็นห่วง วิชาแปลงโฉมของข้าไม่เคยผิดพลาดมาก่อน”