หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 59-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 59-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
ตอนที่ 59-2 เจ้าเด็กอ้วนมาแล้ว (4)
พอสิ้นเสียงเขา จักรพรรดิอสูรที่อยู่ในห้องก็ประคอง “อวิ๋นจู” ลุกขึ้น แล้วให้ “อวิ๋นจู” นั่งลงบนพื้นไม้ตรงหน้าตนเอง
แล้วเริ่มเดินลมปราณดูดซับพิษให้ “อวิ๋นจู”
ทุกคนมองผ่านร่องประตูเข้าไป เห็นว่าเหนือศีรษะของอวิ๋นซู่มีไอสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าลอยออกมา และทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในตัวจักรพรรดิอสูร
ใบหน้าที่ดำคล้ำของอวิ๋นซู่ค่อยๆ กลับมามีสีสันเหมือนคนปกติ
จักรพรรดิอสูรสามารถสละกระทั่งชีวิตได้เพื่ออวิ๋นจูจริงๆ
แต่กระนั้นในขณะที่จักรพรรดิอสูรใกล้จะดูดซับพิษออกไปจนหมด จู่ๆ ตัวเขาก็แข็งเกร็ง กระอักเลือดสีดำเมี่ยมออกมา พิษร้ายเหล่านั้นที่ถูกเขาดูดเข้าตัวไป พวยพุ่งออกมากลับเข้าร่างอวิ๋นซู่อีกครั้ง
อวิ๋นซู่ทนรับพิษขนาดนี้ไม่ไหว จึงกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
เย่ว์หวาพลันหน้าถอดสี “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
แม่เฒ่าขมวดคิ้ว “พิษรุนแรงเกินไป จักรพรรดิอสูรอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะธาตุไฟเข้าแทรก จึงทนรับไม่ไหว”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี” เย่ว์หวาถาม
แม่เฒ่าบอกว่า “ไปเอาบัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์มา!”
เย่ว์หวาอึ้งไป “อะไรนะ?”
แม่เฒ่าอธิบายว่า “บัวหิมะลัทธิศักดิ์สิทธิ์สามารถทำให้ชีพจรเสถียรและปกป้องจุดตันเถียนได้ มันจะทำให้จักรพรรดิอสูรที่ธาตุไฟเข้าแทรกรู้สึกดึขึ้น”
บัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ของที่จะไปแตะต้องซี้ซั้วได้ ถึงแม้มันจะเพิ่มพูนวรยุทธ์ได้ไม่เท่าผลสองภพของชนเผ่าลึกลับ แต่ว่ากันด้วยเรื่องปกป้องจุดตันเถียนกับชีพจรแล้ว มันเรียกได้ว่าเป็นยาวิเศษเลยทีเดียว
หลายปีที่ผ่านมาที่อวิ๋นซู่ใช้วิธีการลัด หากไม่ได้บัวหิมะเหล่านี้ คงธาตุไฟเข้าแทรกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
เพียงแต่ว่า บัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์มีผลผลิตน้อยแสนน้อย ตามปกติอวิ๋นซู่ยังกินเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครกล้าเสียดายบัวหิมะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เพราะถึงอย่างไรจักรพรรดิอสูรก็เป็นยันต์คุ้มชีวิตของอวิ๋นซู่ ของมีค่าที่ใช้กับจักรพรรดิอสูร ผลสุดท้ายก็จะไปตกอยู่ที่ตัวอวิ๋นซู่อยู่ดี
ปรมาจารย์เวทรีบไปที่สระโอสถทันที ยิ่นอ๋องก็อยากจะเห็นสระที่ว่านั่นสักหน่อย จึงไปด้วยกันกับเขา
บัวหิมะลัทธิศักดิ์สิทธิ์ดูภายนอกแล้วไม่ต่างกับดอกบัวทั่วไปเท่าไรนัก แต่กลิ่นของมันหอมเย็น แค่ได้ดอมดมก็ทำให้คนรู้สึกโล่งโปร่งได้แล้ว
บัวหิมะที่สุกแล้วมีไม่มาก ทั้งหมดมีเพียงเจ็ดดอกเท่านั้น
ปรมาจารย์เวทคนใหม่เด็ดไปดอกหนึ่ง
ยิ่นอ๋องมองดอกบัวอีกหกดอกที่เหลือแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้
ปรมาจารย์เวทคนใหม่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความฉงนว่า “เจ้าสำนักน้อย มีอะไรหรือ”
ยิ่นอ๋องตาเป็นประกาย “อา ไม่มีอะไร ข้า…แค่กำลังคิดว่า ที่นี่อยู่ใกล้กับที่พักของจักรพรรดิอสูรเพียงนี้ ไม่กลัวว่าจักรพรรดิอสูรจะมาขโมยบัวหิมะเอาหรือ”
ปรมาจารย์เวทเอ่ยยิ้มๆ ว่า “จักรพรรดิอสูรไม่ชอบน้ำ”
แน่นอนที่สุด ศิษย์มรณะทุกคนหวั่นเกรงน้ำด้วยกันทั้งนั้น กระทั่งราชันอสูรยังจมน้ำ จักรพรรดิอสูรถึงแม้จะไม่น่าอนาถเท่า แต่ก็ไม่มีทางมาเข้าใกล้น้ำเองอย่างแน่นอน มิน่าเล่าดอกบัวหิมะที่ล้ำค่าเพียงนี้ แต่จักรพรรดิอสูรกลับเด็ดไม่ได้
ทั้งสองเอาดอกบัวหิมะที่เด็ดมาไปให้จักรพรรดิอสูร
จักรพรรดิอสูรหันหลังกินลงไป เสร็จแล้วก็เริ่มดูดซับพิษให้อวิ๋นซู่ต่อ
แต่พิษประเภทนี้รุนแรงเกินไป จักรพรรดิอสูรแค่ดูดซับเข้าไปเพียงเล็กน้อย ไอปีศาจในตัวก็คุกรุ่นขึ้นเป็นเท่าตัว
เพื่อข่มไอปีศาจในตัวจักรพรรดิอสูรไว้ ทุกคนจึงไปเด็ดดอกบัวหิมะมาอีกดอกหนึ่ง
แล้วก็อีกดอกหนึ่ง
อีกดอกหนึ่ง อีกดอกหนึ่ง แล้วก็อีกดอกหนึ่ง
จนกระทั่งเด็ดจนหมดทั้งเจ็ดดอก ไอปีศาจของจักรพรรดิอสูรถึงได้ถูกข่มกลับเข้าจุดตันเถียนไปได้อย่างเดิม
ทุกคนเหงื่อแตกพลั่กกันด้วยความร้อนใจ ดอกบัวหิมะทั้งหมดใช้ไปหมดแล้ว หากยังช่วยชีวิตอวิ๋นซู่กลับมาไม่ได้อีก เช่นนั้นพวกเขาคงต้องเอาหัวโขกกำแพงตายแล้ว
ยังดีที่หลังจากนั้นจักรพรรดิอสูรไม่มีอาการว่าจะทนรับไม่ไหวให้เห็นอีก
จักรพรรดิอสูรดูดซับพิษในตัวอวิ๋นซู่เข้าร่างของตนรวดเดียวหมด
คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่นอกประตู มองผ่านซอกประตูเห็นไอสีดำเหนือศีรษะอวิ๋นซู่ค่อยๆ จางหายไป สีหน้าที่ดำคล้ำค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขาวใส หินที่ถ่วงอยู่ในใจทุกคนนับว่าค่อยๆ วางลงได้สักที
แต่พวกเขายังไม่ทันวางลงดี ก็เห็นว่าสีหน้าของอวิ๋นซู่หลังจากที่เปลี่ยนเป็นขาวใสแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดแทบจะในทันที ซีดเซียว…
ยิ่นอ๋องถามด้วยความแปลกใจ “จักรพรรดิอสูรกำลังทำอะไร”
เย่ว์หวาเคยเห็นอวิ๋นซู่ทำเช่นนี้กับผู้อื่นมาก่อน เขาเลยรู้สึกตัวเร็วกว่าคนอื่น “แย่แล้ว! เขากำลังดูดวรยุทธ์ของเจ้าสำนัก!”
ปรมาจารย์เวทคนใหม่รีบขว้างตะปูสะกดวิญญาณในแขนเสื้อออกไป!
น่าเสียดายที่ช้าไปก้าวหนึ่ง จักรพรรดิอสูรพอปราณหยุดชะงัก ก็จัดการซัดพลังใส่ทุกคนจนกระเด็นออกไป!
ตะปูสะกดวิญญาณเลยเหินออกไปปักลงบนขื่อของห้อง
กว่าพวกเขาจะลุกขึ้นไหวแล้วรีบกลับไปดูข้างในห้อง วรยุทธ์ของอวิ๋นซู่ก็ถูกจักรพรรดิอสูรสูดไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พิษร้ายเหล่านั้นที่ถูกจักรพรรดิอสูรสูดออกไปในคราแรก ก็กลับมาเข้าร่างเขาจนหมดอีกครั้ง
เมื่อไม่มีวรยทุธ์ภายในไว้ปกป้องร่างกาย พิษร้ายที่ว่าจะกลืนกินจุดตันเถียนของอวิ๋นซู่ไปจนหมดสิ้น
เมื่อจุดตันเถียนถูกทำลาย อวิ๋นซู่จึงกรีดร้องโหยหวน “อ๊ากก…”
พอได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนที่ดังมาจากข้างหลัง จักรพรรดิอสูรก็แลบลิ้นทำหน้าทะเล้น จากนั้นก็หอบเอาห่อผ้ามากอดไว้แล้วใช้วิชาตัวเบาไปตามหาภูเขาจำลองลูกหนึ่ง
ภูเขาจำลองลูกนี้มีถ้ำเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง
อวิ๋นจูหลบซ่อนอยู่ในนี้ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าจักรพรรดิอสูรมายืนอยู่ด้านหลังตนแล้ว
จักรพรรดิอสูรมองแผ่นหลังนางอึ้งๆ ขอบตาค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
เขาวางห่อผ้าในมือลงเบาๆ เช็ดน้ำตาด้วยความเสียใจ ก่อนที่อวิ๋นจูจะรู้สึกตัวและหันมานั้น เขาก็แตะปลายเท้าแล้วหายตัวไปท่ามกลางราตรีอันไร้ขอบเขต
อวิ๋นจูรู้สึกว่ามีใครกำลังมองนางอยู่ แต่หันไปมองก็ไม่เห็นมีใคร
เพียงแต่อวิ๋นจูได้กลิ่นหอมสดชื่นบางอย่าง นางมองตามกลิ่นหอมนั้นไป จึงเห็นว่ามีห่อผ้าวางอยู่ที่พื้น ซึ่งไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไร
เธอเปิดห่อผ้าออกด้วยความระมัดระวัง พอตั้งใจเพ่งมองก็เห็นว่าเป็นบัวหิมะลัทธิศักดิ์สิทธิ์เจ็ดดอก
อวิ๋นจูสายตาพลันชะงัก คว้าห่อผ้าเดินออกจากภูเขาจำลอง นางมองราตรีอันไร้ขอบเขตแล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมาสิ! เก่งจริงก็อย่าหลบสิ! ไม่ใช่ว่าไล่อย่างไรเจ้าก็ไม่ไปหรอกหรือ เจ้าจะหลบไปไย เจ้าทอดทิ้งข้าไปนานปีเพียงนั้นยังไม่พออีกหรือ เจ้ากลับบ้านกับข้า! กลับบ้านกับข้าสิ!”
อวิ๋นจูคร่ำครวญพร้อมน้ำตาที่ไหลนอง
จักรพรรดิอสูรยืนอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ พอเห็นนางร้องไห้ก็พลอยสะอื้นตามด้วยความเสียใจ
อวิ๋นจูไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครมาพบเข้าหรือไม่ นางโก่งคอตะเบ็งต่อไปว่า “เจ้าออกมานะ! ข้าบอกให้ออกมาไง! หากยังไม่ออกมาอีกข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ!”
จักรพรรดิอสูรก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่เมื่อเขาเห็นมือที่แผ่ไอสีดำออกมา เขาก็สะอื้นด้วยความเสียใจอีกครั้ง แล้วจึงกลับหลังหันเดินหายไปในความมืดมิด