หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 62-1 การประลองครั้งสุดท้าย (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 62-1 การประลองครั้งสุดท้าย (2)
ตอนที่ 62-1 การประลองครั้งสุดท้าย (2)
“ท่านยาย ท่านเป็นอะไรหรือ” เฉียวเวยเห็นท่าทางของอวิ๋นจูแปลกไปจึงประคองแขนนางไว้เบาๆ
ลมหายใจของอวิ๋นจูเริ่มหนักหน่วง นางนวดหว่างคิ้ว เอ่ยคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่มีอะไร อยู่ๆ ก็ปวดหัวน่ะ”
พูดจบนางก็หันไปหาเฉียวเวย “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
กลิ่นคาวเลือดฉุนเกินไป เฉียวเวยยังรู้สึกพะอืดพะอมอยู่บ้าง
อันที่จริงไม่เพียงนางที่พะอืดพะอม ทุกคนที่อยู่ที่นี่พอได้เห็นภาพบางอย่างที่เลือดอาบขนาดนั้น ก็อาการไม่ได้ดีไปกว่าเฉียวเวยสักเท่าไร ที่ต่างไปเพียงอย่างเดียวก็คือ คนอื่นอยากอาเจียนแต่กลับอาเจียนไม่ออก
พวกยิ่นอ๋องก็เพิ่งเคยเห็นอาวุธลับนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ต่อให้เตรียมใจรอไว้แล้ว แต่ก็ยังตกใจไม่น้อยอยู่ดี
มีชั่วขณะหนึ่งที่ยิ่นอ๋องเกือบคิดว่า สภาพเลือดอาบของคนผู้นั้นเกิดจากการที่เขาถูกเฉือนเนื้อทั่วตัวออกไป
“นี่ก็คือเจ้าที่อยู่ใต้ทะเลสาบนั่นน่ะหรือ” ยิ่นอ๋องถามเสียงหวาดหวั่น
วันนั้นที่เดินไปบนทางเดินใต้ทะเลสาบ พวกเขารับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน คล้ายว่ามีบางอย่างกระแทกใส่พื้นพสุธา เวลานี้ดูแล้วก็คือเจ้าสัตว์ประหลาดที่จะคนก็ไม่ใช่มารก็ไม่เชิงผู้นี้เอง
แม่เฒ่าไม่ได้พูดอะไร แต่ต่อให้นางไม่พูด เย่ว์หวา ปรมาจารย์เวทคนใหม่กับยิ่นอ๋องก็พอจะเดากันได้
เพียงแต่ว่าปรมาจารย์เวทคนใหม่เข้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาทีหลัง ไม่รู้จักบุรุษที่เลือดอาบกายผู้นี้ แต่เย่ว์หวากลับพอจำได้อยู่บ้าง
เขายังจำศึกฝันร้ายในครั้งนั้นได้ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์คนล้มตายไปกว่าครึ่ง แต่เขาถูกจักรพรรดิอสูรสังหารไปแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดยังมีชีวิตอยู่ได้
คนเรามักยินดีจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น ก่อนที่เย่ว์หวาจะสลบไป เขาเห็นกับตาว่าจักรพรรดิอสูรแทงกระบี่เข้าตรงหน้าอกของคนผู้นี้ มันล้มลงจมกองเลือดจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก…
“ผู้พิทักษ์เหลียน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” เย่ว์หวาถามเสียงเย็น
แม่เฒ่ายังคงไม่พูดอะไร โ
เย่ว์หวาเวลานี้ทำอะไรนางไม่ได้ เพราะเขาเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่า ความไว้ใจที่เจ้าสำนักมีต่อสตรีนางนี้มากกว่าคนอื่นๆ มากนัก
ช่างเถิด วันนี้เขามาเพื่อดูว่าพวกอวิ๋นจูจะตายอย่างไร ขอเพียงพวกนางตาย ใจเขาก็คงปรอดโปร่งแล้ว
ในขณะที่ทุกคนอยู่กับความคิดของตนเองนั้น คนผู้นั้นก็ขึ้นมายืนอยู่บนแท่นประลอง
พอเขาเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนถึงได้เห็นว่าดวงตาของเขาถึงจะแดงก่ำ แต่ลูกในตากลับเป็นสีเขียวอ่อนๆ ลูกตาที่ดูราวกับปีศาจไฟคู่นั้นทำให้เขามองดูแล้วประหลาดขึ้นอีกหลายส่วน
แววตาของเขาดูไม่ออกว่ามีปราณของมนุษย์ธรรมดาเลยสักนิด คล้ายเป็นสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด นัยน์ตามีแต่แววกระหายที่จะไล่ล่า
เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับเหยื่อที่อยู่ตรงหน้ามาก เขากระตุกมุมปากสีแดงฉานขึ้น เผยให้เห็นไรฟันที่มีเศษเนื้อและเลือดเปื้อนอยู่
เฉียวเวยเพ่งสายตามองก็ถึงกับอาเจียนออกมาอย่างหนักอีกครั้ง
เฮ่อหลันชิงไม่มีทางเก็บเจ้าสิ่งนี้ที่จ้องจะทำร้ายบุตรสาวของตนไว้ นางยกมือขึ้น ฟาดฝ่ามือใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน!
ลมจากฝ่ามือของเฮ่อหลันชิงมีพลังกดดันที่ยากจะต้านทาน พุ่งตรงเข้ากระแทกใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง
คนผู้นั้นถูกซัดกระเด็นออกไปตามคาด
ทุกคนอดอึ้งไปไม่ได้ คนที่ดูน่าหวาดผวาผู้นี้ ที่แท้ก็ไม่ได้เก่งกล้าสักเท่าไรหรอกหรือ…
พอความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัว ก็เห็นว่าตรงปากคนผู้นั้นส่งเสียงหัวเราะราวกับมารร้ายออกมา “หึหึ~”
หลังจากได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกนั้น ตัวเขาก็ลุกขึ้นยืนประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ริมฝีปากแดงของเฮ่อหลันชิงยกขึ้น “อึดไม่เลวเสียด้วย เช่นนั้นก็เจอฝ่ามือข้าเข้าไปอีกสักทีแล้วกัน!”
พูดจบเฮ่อหลันชิงก็ทะยานตัวขึ้นมา ฟาดฝ่ามือกลางอากาศออกไปหลายที แต่ละฝ่ามือกระแทกใส่ตัวคนผู้นั้นอย่างจัง
เขาคล้ายถูกอัดกระแทก ตัวทั้งตัวถูกอัดจนลงไปอยู่ใต้ดิน เลือดสดๆ ไหลนองเต็มพื้น
เฉียวเวยรู้ดีว่าวรยุทธ์ของมารดานางเป็นเช่นไร ฝ่ามือนั้นใช้กับจักรพรรดิอสูรก็ยังเพียงพอ แต่เจ้าตัวประหลาดนี้หากไม่เก่งกาจกว่าจักรพรรดิอสูร ก็ไม่มีทางเหลือชีวิตรอดแน่นอน…
“หึหึ~”
เขาหัวเราะด้วยเสียงมารอีกครั้ง ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เฉียวเวยถึงกับอึ้งไป
เขายื่นมือที่แดงฉานออกมา แหวกพื้นดินแล้วค่อยๆ ปีนออกมา
เฮ่อหลันชิงซัดฝ่ามือเข้าใส่อีกครั้ง
ตัวเขาถูกกระแทกจนกลับลงดินไปอีกที
แต่ไม่ว่านางจะโจมตีใส่อีกฝ่ายกี่ครั้ง เขาก็สามารถปีนกลับขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะที่พาให้ขนหัวลุกออกมาได้ทุกครั้ง “หึหึ~”
ไห่สือซานตกใจจนตาโตอ้าปากค้าง “นี่ นี่ๆๆ… นี่มันตัวอะไรกันแน่ เหตุใดกระทั่งกำลังภายในของจั๋วหม่าก็ยังไม่มีเกรงกลัว”
แค่ฝ่ามือเมื่อครู่ของเฮ่อหลันชิง ก็เพียงพอจะเอาชีวิตราชันอสูรได้แล้ว เหตุใดเจ้าตัวประหลาดนี้ถึงดูไม่สะทกสะท้านสักนิด จักรพรรดิอสูรยังไม่เป็นถึงขนาดนี้เลย!
“ท่านยาย” เฉียวเวยอยากจะถามอวิ๋นจู แต่กลับพบว่าอวิ๋นจูมองดูคนผู้นั้นจนอึ้งงันเหม่อลอยไปแล้ว ไม่ได้ยินที่เฉียวเวยพูดเลยสักนิด
เฉียวเวยหันไปหาเฮ่อหลันชิง เป็นกังวลว่าท่านแม่โจมตีไปหลายครั้งแล้วยังเอาอีกฝ่ายไม่ลงจะนึกโกรธเอาได้
เฮ่อหลันชิงกลับยังไม่มีอารมณ์ เพราะถึงอย่างไรด้วยฝีมืออย่างนาง การจะได้พบยอดฝีมือที่ซัดไม่หมอบก็หาไม่ได้ง่ายๆ
ที่มากกว่าความโกรธนั้นคือความใคร่รู้
เฮ่อหลันชิงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาลึกซึ้ง ยกมือลูบคาง “ทนทายาทเพียงนี้ หรือเปลี่ยนเป็นเจ้าบ้างดี”
คนผู้นั้นคล้ายเข้าใจการท้าทายของเฮ่อหลันชิง มันฉีกริมฝีปากที่แดงฉาดออก หัวเราะหึหึแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเฮ่อหลันชิง
หลังจากเขาเดินชนนู่นชนนี่ไปหลายก้าว จู่ๆ เขาก็ทะยานตัวขึ้น กางมือที่มีเล็บงอกยาวแล้วเงื้อขึ้นจะตะปบไปทางเฮ่อหลันชิง!
ความเร็วของเขา รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์
ทุกคนไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเพียงมีแสงสีเลือดวาบผ่าน กว่าทุกคนจะเรียกสติกลับมาได้ เขาก็เข้าไปหน้าอยู่ชิดติดกับเฮ่อหลันชิงแล้ว
นี่เป็นศัตรูคนแรกที่เข้าใกล้เฮ่อหลันชิงได้มากขนาดนี้หลังจากวรยุทธ์ของเฮ่อหลันชิงสมบูรณ์แบบ
เฮ่อหลันชิงไม่ได้เบี่ยงหลบ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน รอให้เขาโจมตีเข้าใส่ตน
เขาคว้าคอเฮ่อหลันชิงไว้
เฮ่อหลันชิงยกมือขึ้นบิดข้อมืออีกฝ่าย ก่อนจะพลิกตัวจับตัวอีกฝ่ายฟฟาดกับพื้นอย่างรุนแรง
จากนั้นเฮ่อหลันชิงก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้มีเวลาหัวเราะ “หึหึ” อีก ชักกริชออกมาจากรองเท้าหุ้มข้อแล้วแทงเข้าใส่กะโหลกของอีกฝ่าย!
บนแท่นประลอง เงียบสงัด
ยิ่นอ๋องทะลึ่งตัวลุกขึ้น มองเฮ่อหลันชิงแทงกริชทะลุศีรษะคนผู้นั้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วหรือ ตายเร็วเพียงนี้เชียวหรือ ไหนบอกว่าสามารถสังหารพวกนางจนสิ้นซากได้ นี่กระทั่งปลายเส้นผมของเฮ่อหลันชิงก็ยังไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ!”
พูดให้น่าฟังก็คือรับมือยากกว่าจักรพรรดิอสูร แต่เท่าที่เขาเห็น ดูง่ายกว่าจักรพรรดิอสูรมากนัก ดีร้ายอย่างไรจักรพรรดิอสูรก็ยังฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกับเฮ่อหลันชิง แต่เจ้านี้ดูแลมีแต่เป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น
เฮ่อหลันชิงประหนึ่งชกกระสอบทราย ซ้อมจนอีกฝ่ายไร้หนทางสวนกลับ การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ยังถูกเฮ่อหลันชิงแทงกริชทะลุศีรษะเสียได้!
นี่หรือคืออาวุธลับตลอดหลายปีของลัทธิศักดิ์สิทธิ์?
หึ อย่าล้อเล่นกันหน่อยเลย!
นัยน์ตาของเย่ว์หวามีแววผิดหวังวาบผ่าน เดิมทีคิดว่าจะเป็นตัวละครร้ายกาจที่สามารถสังหารเฮ่อหลันชิงได้เสียอีก!
มีเพียงแม่เฒ่าที่สีหน้าดูไม่เปลี่ยนไปสักนิด