หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 63-1 พี่ซิวมาแล้ว (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 63-1 พี่ซิวมาแล้ว (2)
ตอนที่ 63-1 พี่ซิวมาแล้ว (2)
เฮ่อหลันชิงมองบุตรสาวที่ล้มมาซบอกตน สายตาดูดุเย็นจนคล้ายลูกเห็บน้ำแข็ง “ยัยหนู ยัยหนู ยัยหนู!”
ใบหน้าของเฉียวเวยซีดเผือดไปทันที นางยังลืมตาอยู่ แต่สิ่งที่สะท้อนเข้าดวงตามีเพียงแสงจากท้องฟ้า
ภาพของเฮ่อหลันชิงดูพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายหายไปกับแสงจากท้องฟ้า
เฮ่อหลันชิงประคองใบหน้าบุตรสาว เอ่ยเรียกด้วยความเสียใจ “ยัยหนู ยัยหนู!”
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนถึงกับตาค้าง ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉียวเวยจะพุ่งเข้าไปดื้อๆ แบบนั้น พูดให้ชัดก็คือ ไม่มีใครคิดว่าคนผู้นั้นจะดึงตัวเฉียวเวยเอาไว้
ยอดหญิงงามจะหันไปแย่งตัวเฉียวเวยมาก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป กว่านางจะกระโดดลงแท่นประลองไปชิงตัวเฉียวเวยมา เฉียวเวยก็ถูกคนผู้นั้นทำร้ายเข้าเสียแล้ว
แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รามือด้วยเหตุนี้ ในอากาศมีแต่กลิ่นหอมหวน ทุกที่มีแต่กลิ่นเลือด
เขาเลียริมฝีปากอย่างหลงใหล เดินเข้าไปหาเฉียวเวยอย่างมาดร้าย
เขาไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว ย่อมไม่มีเหตุให้ต้องหวาดกลัว ไม่ว่าเฮ่อหลันชิงจะยิ่งใหญ่เพียงใด ขอเพียงฆ่าเขาไม่ตาย นางก็ไม่ใช่ใครที่เขาต้องกลัวทั้งสิ้น
ยอดหญิงงามยกเท้าถีบคนผู้นั้น
ถีบครั้งนี้แน่นอนว่าย่อมทำเขาตัวกระเด็นลอยออกไป
แต่วินาทีต่อมา เขาก็ลุกกลับขึ้นมาประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากเห็นแผลที่หลังมือเฮ่อหลันชิง ยอดหญิงงามก็เดาความสามารถของคนผู้นี้ออกได้อย่างสองอย่างแล้ว ถึงแม้จะบอกว่าบาดแผลเป็นเรื่องปกติของการต่อสู้ แต่การประมือกับคนผู้นี้จะให้ตนเองมีบาดแผลแม้สักน้อยนิดเลยไม่ได้
ยอดหญิงงามมือถือด้ายเงินของตน แล้วออกไปสู้รบกับคนผู้นั้นอย่างดุดัน
ไห่สือซานก็ทะยานออกมาร่วมการต่อสู้ด้วยเช่นกัน
อวิ๋นจูปวดหัวอย่างหนัก แทบจะไม่สามารถใช้ธนูจันทร์โลหิตได้เลย แต่เฉียวเวยบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว สายตานางพลันเปลี่ยนเป็นดุดัน ยกมือขึ้นง้างคันธนู
ยอดหญิงงามกับไห่สือซานถอยออกห่างอย่างรู้ดี
ขุมพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่หัวไหล่ของคนผู้นั้น คนผู้นั้นถูกยิงจนกระเด็นออกไปชนกับขอบของแท่นประลอง ตัวหมุนคว้าง ก่อนจะตกลงดังอัก
เมื่อเหตุการณ์กลายเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครสนใจผลแพ้ชนะของการประลองอีก สายตาทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบุรุษผู้ที่ฆ่าไม่ตายผู้นั้น
บุรุษผู้นั้นถูกดึงแขนขาดไปหนึ่งข้างแล้วยังถูกธนูจันทร์โลหิตยิงเข้าไปอีกดอกหนึ่งอีก
แต่ยังไม่ทันกะพริบตา เขาก็กลับขึ้นมาบนแท่นประลองอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหยิบแขนที่ถูกเฮ่อหลันชิงดึงหลุดขึ้นมาต่อเข้ากับหัวไหล่ตนเอง
แขนหักก็ต่อใหม่ ไม่นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ หากเปลี่ยนเป็นเฉียวเวยกับเฉียวเจิง ก็สามารถต่อแขนกลับให้คนเจ็บได้เหมือนกัน แต่ไม่มีทางฟื้นตัวได้เร็วเพียงนี้
ทุกคนหน้าตาคล้ายเห็นผี ตาโตอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
เขาจะเข้าไปลอบโจมตีเฉียวเวยอีกครั้ง
ยอดหญิงงามตั้งใจหลบอยู่ที่พื้น คิดอยากใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาจะกระโดดข้ามตัวยอดหญิงงามไป
ยอดหญิงงาม “…”
เช่นนี้แล้วเจ้าชั่วนี่ถูกใจเพียงสตรี ซ้ำยังถูกใจสตรีที่ทั้งอัปลักษณ์ทั้งตัวเล็กด้วยอย่างนั้นหรือ
ยอดหญิงงามไม่ถอดใจ วิ่งเข้าไปเป็น “เหยื่อ” อีกหลายครั้ง ซึ่งก็ถูกคนผู้นั้นอ้อมหลบไปด้วยความรังเกียจทุกครั้ง
ยอดหญิงงาม “…”
เจ้าชั่วนี่น่ากลัวคงจะตาบอด!
ตนงามหยดย้อยเพียงนี้เขามองไม่เห็นหรือ!
ไห่สือซานคิดจะใช้ตนเองรั้งคนผู้นั้นไว้ แต่ก็ถูกมองเมินด้วยความรังเกียจเช่นกัน
ตัวของเฉียวเวยเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ยัยหนู เจ้าอดทนไว้ก่อน!” เฮ่อหลันชิงถ่ายทอดกำลังภายในให้เฉียวเวยไม่หยุด นางรู้ว่าคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ แต่กลับไม่อาจปล่อยมือบุตรสาวไปได้
ยิ่นอ๋องจับรั้วอัฒจันทร์ไว้แน่น กำลังคิดจะกระโดดลงไป
แม่เฒ่าจับแขนเขาเอาไว้ “เจ้าสำนักน้อย เจ้าคิดจะทำอะไร”
ยิ่นอ๋องเอ่ยเสียงดุ “ปล่อยมือ!”
แม่เฒ่าขมวดคิ้ว “มารโลหิตไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ หากถูกมันหมายตาเข้า ทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์คงไมได้อยู่อย่างสงบสุข ข้าน้อยขอแนะนำเจ้าสำนักน้อยว่าอย่าได้นำไฟมาสู่ตัวจะดีกว่า!”
ยิ่นอ๋องมองแม่เฒ่าด้วยสายตาดุดัน เวลานั้นคนผู้นั้นอยู่ใกล้สองแม่ลูกเฮ่อหลันชิงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แค่เพียงยื่นมือออกไปก็จะคว้าคอเฮ่อหลันชิงไว้ได้แล้ว
เฮ่อหลันชิงปล่อยมือหนึ่งออกมาฟาดพลังฝ่ามือใส่เขา!
เขาถูกกระแทกออกไปอย่างรุนแรง แต่ไม่เท่าไรก็กลิ้งกลับมาได้อีก
ยิ่นอ๋องจับมือแม่เฒ่าออกไป!
แม่เฒ่ายกไม้เท้าขึ้น จับตัวเขากดลงกับโต๊ะหิน “เจ้าสำนักน้อย ล่วงเกินแล้ว!”
ยิ่นอ๋องพยายามดิ้นอยู่สองทีแต่ดิ้นไม่หลุด สองตาถลึงมองใส่นางราวกับเตาเผา “รอให้ข้าเป็นเจ้าสำนักก่อนเถิด ข้าจะปลดเจ้า!”
แม่เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นปกติ “น้อมรับบัญชา”
อวิ๋นจูกระโดดลงมาขวางทางคนผู้นั้นไว้
คนผู้นั้นพอเห็นอวิ๋นจูก็ถูกนางถ่วงเวลาไว้ได้จริงๆ
เขาเดินเข้าไปหาอวิ๋นจูอย่างมาดร้าย ระหว่างที่เดินก็เผยสีหน้าหิวกระหายไปด้วย
ในหัวอวิ๋นจูมีบางอย่างพลิกตลบขึ้นมา นางมองคนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเหมือนเคยรู้จักที่ไหนมาก่อน เหมือนเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ให้นึกเวลานี้ก็นึกไม่ออก
“หิหิ~” คนผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็น โ
อวิ๋นจูจับธนูจันทร์โลหิตแน่น แล้วเริ่มแลกฝีมือกับคนผู้นั้น
ยอดหญิงงามกับไห่สือซานก็เข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย
ทั้งสามล้อมคนผู้นั้นไว้ ผลัดกันปล่อยกระบวนท่าโดยไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้มีเวลาหายใจ
พวกเขาไม่ได้คิดจะสังหารคนผู้นี้ให้ตาย แค่ถ่วงเวลาให้เฮ่อหลันชิงช่วยชีวิตเฉียวเวยก็พอแล้ว
ดาบเล่มนั้นไม่เพียงแทงเข้าที่ท้องของเฉียวเวย แต่ยังแฝงกำลังภายในที่ทำร้ายชีพจรหัวใจของเฉียวเวยด้วย เฮ่อหลันชิงจำเป็นต้องใช้กำลังภายในรักษาชีพจรหัวใจของเฉียวเวยเอาไว้ แล้วค่อยคิดหาทางว่าสามารถดึงดาบนั้นออกมาจากตัวนางได้หรือไม่ ส่วนเด็กในครรภ์เฉียวเวยนั้น…
ไม่มีใครกล้าคิดต่อ
คนผู้นั้นถูกขังอยู่ใต้สระน้ำมานาน เมื่อจู่ๆ ถูกปล่อยออกมาเจอสิ่งมีชีวิต จึงง่ายที่จะรู้สึกตื่นเต้นยินดี ตอนต่อสู้ไม่ได้กะให้ถึงแก่ชีวิตเพียงนั้น แต่เวลาผ่านไปนานเข้า เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมา จึงไม่เหลือความคิดที่จะหยอกเล่นอีก
สายตาของเขาครึ้มลง ไอที่ส่งออกมาเย็นยะเยือก ใบหน้าดุร้ายเต็มไปด้วยเลือด แขนที่ยืดยาวทุบลงกับพื้นอย่างรุนแรง
พลังกำลังภายในมหาศาลเหมือนระลอกคลื่นที่แผ่ซ่านไปทั่วทิศ
ทั้งสามถูกสั่นสะเทือนจนล้มลงกับพื้น
ไห่สือซานทนไม่ไหวเป็นคนแรก รู้สึกเจ็บที่หน้าอกก่อนจะกระอักเลือดออกมา!
ธนูจันทร์โลหิตของอวิ๋นจูตกห่างไปหลายฉื่อ นางยื่นมือจะไปเก็บ
ร่างคนผู้นั้นพลันแวบหาย ก่อนจะไปถึงธนูจันทร์โลหิตก่อนแล้วใช้เท้าเหยียบเอาไว้
สายตาของอวิ๋นจูมองตามเท้าที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ นั้นไป มองไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับดวงตาที่มีสีแดงฉานแต่ก็ส่องสีเขียวเป็นประกาย
“อ๊า….อย่า….”
ในหัวนางมีเสียงกรีดร้องของเด็กดังขึ้น ตัวของอวิ๋นจูสั่นสะท้าน
บุรุษผู้นั้นค่อยๆ เผยอมุมปากที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นพลางเยื้องย่างเข้าไปหาอวิ๋นจู
ในขณะที่เขาย่อตัวลงกำลังจะคว้าตัวอวิ๋นจูขึ้นมานั้น ถั่วคั่วน้ำตาลเม็ดหนึ่งก็ลอยเข้ามากระแทกเข้าที่หน้าผากคนผู้นั้น
เขาไม่ได้สนใจ
ถั่วคั่วน้ำตาลอีกเม็ดหนึ่งลอยมา
เขาชะงักฝีเท้า หันมองไปทางผู้มาใหม่ จึงเห็นว่าตรงทางเข้าแท่นประลอง ไม่รู้มีแม่ชีน้อยสามคนเข้ามายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร
พี่ใหญ่กับน้องรองโยนอาวุธมาใส่เขาแล้ว
น้องสามก็ไม่น้อยหน้า รีบคว้าถั่วเม็ดหนึ่งโยนมาทางเขาเช่นกัน
“หึหึ~” บุรุษผู้นั้นเปล่งเสียงหัวเราะที่เย็นเยียบและยินดีขึ้น เดินเข้าไปหาเด็กน้อยทั้งสามด้วยความกระหาย