หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 64 สังหารมารโลหิต (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 64 สังหารมารโลหิต (1)
ตอนที่ 64 สังหารมารโลหิต (1)
ยิ่นอ๋องเพิ่งถูกฝ่ามือของมารโลหิตไปหนึ่งฝ่ามือ ศีรษะจึงมึนงงไปหมด เขาเห็นเพียงรูปร่างที่พร่าเลือน แต่เขาก็จำได้ว่านั่นคือจีหมิงซิว
นี่ช่างน่าประหลาด จีหมิงซิวมาได้อย่างไร
ไม่ได้กำลังปลีกวิเวกฝึกฝ่ามือเก้าสุริยันหรือ ฝึกสำเร็จเร็วเพียงนี้เชียวหรือ
ตอนเขาเพิ่งเข้ามาในเยี่ยหลัว เขาฝึกถึงขั้นหกเท่านั้น นี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเชียว ถึงกับทะลุขั้นเก้าจนออกจากการเก็บตัวได้แล้วหรือ
ยิ่นอ๋องก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าฝ่ามือเก้าสุริยันคืออะไร หลังจากมาอยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถึงได้รับการบอกเล่าถึง “ข่าวคราว” ของจีหมิงซิวไปไม่น้อย ถึงได้ล่วงรู้ความจริงว่าเหตุใดหลายปีมานี้จีหมิงซิวถึงไร้ซึ่งวรยุทธ์
เดิมทีคิดว่าจีหมิงซิวที่ไม่ว่าเรื่องใดก็เก่งกว่าตนไปเสียหมด อย่างน้อยในเรื่องศิลปะการต่อสู้ เขาก็ยังเหนือกว่าจีหมิงซิวอยู่หนึ่งขั้น แต่พอถึงท้ายที่สุด เรื่องเดียวที่ตนเหนือกว่าจีหมิงซิวนี้ก็ยังถูกเขากดเอาไว้ได้อยู่ดี
ในใจยิ่นอ๋องเกิดคลื่นลมรุนแรง บอกไม่ถูกว่าเวลานี้ควรดีใจหรือควรรู้สึกเช่นไร
ไห่สือซานที่สลบไปอยู่พักใหญ่ พอลืมตาขึ้นมาเห็นจีหมิงซิว ก็ตกใจจนตะลึงงันไป “นาย… นายน้อย?”
ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกไม่มั่นใจในทันที เพราะเขาไม่เคยเห็นจีหมิงซิวปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในรูปลักษณ์เช่นนี้มาก่อน
จีหมิงซิวไม่ได้ใส่หน้ากาก เผยให้เห็นโฉมหน้าหล่อเหลางดงามจนสามารถดูดวิญญาณได้ ผิวพรรณเนียนประหนึ่งหยก เครื่องหน้าประณีตบรรจง ดูราวกับรูปสลักก็มิปาน ทุกสัดส่วนล้วนพอดิบพอดี ใบหน้ามีแววเยือกเย็น ไอที่ส่งออกมาสงบนิ่งราวกับเมฆ
ทุกคนที่ได้เห็น รู้สึกเพียงในใจมีไอเย็นวาบผ่าน
ในอากาศ กลิ่นคาวเลือดที่เกิดจากมารโลหิตคล้ายกระจายหายไปในชั่วพริบตา กระทั่งลมหายใจของทุกคนก็เริ่มไหลลื่น
รอจนจีหมิงซิวขยับเข้ามาใกล้ ลูกศิษย์ทางฝั่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็พากันร้องต่อๆ กันด้วยความตกใจ
ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่เป็นเพราะใบหน้าที่มีส่วนคล้ายเจ้าสำนักของพวกตนอยู่เจ็ดแปดส่วนนั้น
คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดใบหน้าถึงละม้ายกับเจ้าสำนักได้
เจ้าสำนักหายหน้าไปหลายปี พาบุตรจาก “ชาวบ้าน” กลับมาสองคน คงไม่ใช่ว่าบุรุษผู้นี้ก็เป็นบุตรนอกสมรสของเจ้าสำนักอีกคนกระมัง… โ
แน่นอนว่าลูกศิษย์ทั่วไปไม่รู้ถึงฐานะของจีหมิงซิว เย่ว์หวากับแม่เฒ่ากลับรู้อยู่บ้าง
เย่ว์หวาแค่เพียงเหลือบมาเห็น ก็มั่นใจทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เย่ว์หวาหรี่ตา “นี่ก็คือบุตรชายของเจาหมิงงั้นหรือ ปราณดาบเมื่อครู่ก็มาจากเขาอย่างนั้นหรือ”
แม่เฒ่ามือกำไม้เท้าแน่น สายตาหยุดมองใบหน้าคนหนุ่มตรงหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยุดมองตรงกระบี่ของเขา สีหน้ามีแววประหลาด
อวิ๋นจูยังไม่รู้ว่าจีหมิงซิวมาแล้ว นางถูกมารโลหิตสกัดจุดชีพจรเอาไว้ ตอนตกลงมาพร้อมกับมารโลหิต นางนอนนิ่งอยู่กับพื้น ไม่อาจขยับตัวได้
แต่นางรับรู้ว่ามารโลหิตได้รับบาดเจ็บ
มารโลหิตตอนถูกดึงแขนขาดยังไม่ดูเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ แต่เวลานี้ข้างหูนางมีแต่เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวของเขา ฟังดูคล้ายเสียงร้องคำรามอย่างโหยหวน นางรู้สึกเพียงว่าแก้วหูนางจะแตกเสียให้ได้
จีหมิงซิวเดินขึ้นบนแท่นประลอง มองเฉียวเวยที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเฮ่อหลันชิง
ตรงท้องที่นูนขึ้นมาของเฉียวเวยมีกริชส่องประกายเล่มหนึ่งปักอยู่ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากปากแผล เปรอะเปื้อนชุดเป็นวงใหญ่
ไอปราณของจีหมิงซิวพลันเย็นยะเยือก!
เฮ่อหลันชิงมองกระบี่โหราจารย์ในมือเขา “ไปจัดการเจ้านั่นก่อน”
สายตาจีหมิงซิวมีไอสังหารดุดันวาบผ่าน ถือกระบี่โหราจารย์เดินข้ามแทนประลองไปยังคนผู้นั้นที่ดูเป็นคนก็ไม่ใช่มารก็ไม่เชิง
มารโลหิตถูกตัดหูซ้ายไปข้างหนึ่ง ตั้งแต่แผลตรงใบหูซ้ายไปถึงครึ่งหน้าซีกซ้าย ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ
มารโลหิตจับปากแผลไว้ ตามหาใบหูของตนด้วยความลนลาน
จีหมิงซิวเดินเข้าไป ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เงาของร่างสูงใหญ่ปกคลุมเขาเอาไว้
มารโลหิตรับรู้ถึงไอปราณที่ตนไม่ชื่นชอบ จึงหันไปด้วยสีหน้าดุดัน ลูกตาสีเขียววาววับสะท้อนให้เห็นร่างที่ขาวโพลน
สิ่งมีชีวิตในสายตาของมารโลหิตมีเพียงสองสี เหยื่อเป็นสีแดง ส่วนอย่างอื่นเป็นสีเขียว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสีของตัวคนผู้นี้แปลกไป
มารโลหิตพลันชะงักค้าง มองเขาด้วยความงุนงง
ชริ้ง~
พอจีหมิงซิวหมุนแขน กระบี่โหราจารย์ในมือก็ส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น
จักรพรรดิอสูรคล้ายได้เจอศัตรูตัวฉกาจ ทะลึ่งตัวลุกขึ้นทันที!
แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมอวิ๋นจู จังหวะที่ลุกขึ้นนั้น เขาหิ้วตัวอวิ๋นจูขึ้นมาด้วย
แต่เขายังไม่ทันเอาตัวนางไปไหน ข้างกายก็มีไอกระบี่ที่คบกริบฟาดเข้ามา ไอนั้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อประหนึ่งความเร็วแสง ทุกคนไม่มีใครเห็นว่าจีหมิงซิวออกกระบวนท่าอย่างไร ไอกระบี่ก็กรีดลงบนตัวมารโลหิตอย่างรวดเร็วไปแล้ว
แต่วรยุทธ์ของมารโลหิตก็ไม่ได้มีไว้เฉยๆ ปฏิกิริยาที่คนทั่วไปไม่มี ไม่ได้หมายความว่าเขาทำไม่ได้
ในขณะที่ไอกระบี่ฟาดเข้ามานั้น เขาปล่อยตัวอวิ๋นจูที่จับอยู่ทันที เท้าก็กระทืบลงกับพื้น อาศัยเป็นแรงส่งเคลื่อนตัวไปข้างหลัง!
อีกนิดเดียวไอกระบี่ก็จะเฉียดผ่านตัวเขาไปแล้ว แต่ไม่รู้อย่างไร ไอกระบี่นั้นคล้ายมองเห็น ถึงกับส่งเสียงฟี้ว หักเลี้ยวแล้วพุ่งเข้ากระแทกใส่ตัวมารโลหิตอย่างจัง
ชุดของมารโลหิตถูกตัดขาด หน้าอกตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายไปจนถึงหน้าท้องขวา มีแผลเอียงใหญ่เป็นทางยาว เนื้อส่วนที่บาดเจ็บกลายเป็นสีดำทันตาเห็น
มารโลหิตส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด
ไห่สือซานอ้าปากกว้าง “ที่แท้ไอเจ้านี้ก็เจ็บเป็นเหมือนกันหรอกหรือ”
เมื่อครู่ถูกคนแทงเข้าไปตั้งหลายคน ถีบกระเด็นไปหลายครั้ง แขนก็ถูกดึงขาด กลับยังคงหัวเราะหึหึได้ ยังคิดว่าเจ้านี้ไม่รู้จักเจ็บรู้จักปวดกับเขาเสียอีก
ระหว่างที่ไห่สือซานตกใจอยู่นั้น ก็ไม่ลืมหันไปมองทางจีหมิงซิว
พอได้มองก็ถึงกับตะลึงค้างไป
นั่นไม่ใช่กระบี่ทื่อที่สู้ไม่ได้กระทั่งมีดหั่นผักหรอกหรือ…
พวกเย่ว์หวาเดินอ้อมไปอีกด้านของแท่นประลอง
เมื่อเห็นมารโลหิตที่ร้องโอดครวญอย่างน่าสมเพชแล้ว เย่ว์หวาถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ “ผู้พิทักษ์เหลียน เจ้าไม่ได้บอกว่านอกจากกระบี่โหราจารย์แล้ว ไม่มีอาวุธใดที่ทำร้ายมารโลหิตได้อีกแล้วหรอกหรือ”
ไม่ต้องรอให้แม่เฒ่าบอก สมองของเย่ว์หวาพลันคิดได้เอง “หรือว่านั่นก็คือกระบี่โหราจารย์ แย่แล้ว ลัทธิศักดิ์สิทธิ์จบเห่แล้ว พวกเราจบเห่แล้ว…”
แม่เฒ่าเอ่ยว่า “เจ้าอย่างเพิ่งร้อนรน มารโลหิตถูกสะกดไว้นานเกินไป จนไม่คุ้นเคยกับความเป็นไปในโลกนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าอะไรมีพิษสงหรือไม่มีพิษสงต่อตนเอง เมื่อเวลานี้เขารู้แล้ว ก็ไม่มีทางให้โหราจารย์ลงมือได้ง่ายๆ เพียงนั้นอีก”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ มารโลหิตหลังจากถูกไอกระบี่ทำร้ายเข้าไปอีกครั้ง ก็ได้รู้ว่าของสิ่งนี้ดูเหมือนจะสามารถเอาชนะตนได้ ดังนั้นจึงไม่ประมาทดังเช่นก่อนหน้านี้อีก
เขาทำอะไรกระบี่เล่มนี้ไม่ได้ก็จริง แต่เขาสามารถจัดการคนที่ใช้กระบี่เล่มนี้ได้
มารโลหิตอ้าสองแขนออก เริ่มปลดปล่อยกำลังภายในของตนออกมาเรื่อยๆ
กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ในอากาศคละคลุ้งขึ้นอีกครั้ง มีลูกศิษย์ทนกลิ่นคาวเลือดนี้ไม่ไหว หมุนตัวไปโก่งคออาเจียนไม่หยุด
แม่เฒ่าเอ่ยว่า “มีแค่กระบี่โหราจารย์จะมีประโยชน์อะไร”
จีหมิงซิวเป็นต้นกล้าที่เพิ่งงอก ส่วนมารโลหิตไม่รู้ฝึกมานานกี่ปีแล้ว กำลังภายในของเขาไม่ใช่คนรุ่นหลังอย่างจีหมิงซิวจะเทียบเคียงได้
หากได้ฝึกอีกสักแปดปีสิบปี บางทีจีหมิงซิวอาจจะสังหารมารโลหิตได้อย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ จีหมิงซิวยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมารโลหิต
กำลังภายในของมารโลหิตราวกับมีอยู่จริง คล้ายแจกันเหล็กที่หนักนับหมื่นจิน กดทับอยู่บนตัวจีหมิงซิว
มือที่กำกระบี่อยู่ของจีหมิงซิวเริ่มสั่นไหว เขาฝืนต้านเอาไว้อย่างไม่มีอ่อนข้อ แต่แล้วจู่ๆ พื้นดินใต้เท้าเขากลับทนรับแรงกดดันไม่ไหว ส่งเสียงแคร่กก่อนจะปริแตกออก
มารโลหิตปลดปล่อยกำลังภายในออกมาอีกระลอกหนึ่ง
ตัวของจีหมิงซิวคล้ายนิ่งค้างอยู่กับที่ อวัยวะทั้งร่างแทบจะถูกบีบอัดรวมกันเป็นก้อน ทันใดนั้นตรงมุมปากเขาก็มีเลือดหยดย้อยลงมา
ไห่สือซานพลันหน้าถอดสี “นายน้อย!”
บนใบหน้าของยิ่นอ๋องมีแววซับซ้อน เขาไม่อยากให้จีหมิงซิวได้ดี แต่ก็ไม่อยากให้เขาพ่ายแพ้ให้กับมารโลหิต…
เย่ว์หวาหรี่ตาลง “จีหมิงซิวทนไม่ไหวแล้วหรือ หึ ข้ายังคิดว่าเขาเก่งกาจสักเพียงไหนเสียอีก ก็แค่เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเท่านั้น คิดว่ามีกระบี่โหราจารย์ก็จะไร้พ่ายแล้วอย่างนั้นหรือ ละเมอเพ้อพกเกินไปจริงๆ”
มารโลหิตก็รู้ว่านี่เป็นเฮือกสุดท้ายของจีหมิงซิวแล้ว จึงฉีกยิ้มอย่างได้ใจ “หึหึ~”
จีหมิงซิวยกมุมปากขึ้น
มารโลหิตอึ้งไป
จังหวะต่อมา จีหมิงซิวคลายมือที่จับกระบี่โหราจารย์
กระบี่โหราจารย์ตกลงมา!
แต่กระนั้นมันกลับไม่ตกลงกระแทกพื้น จังหวะที่มันอยู่ห่างจากพื้นไปหนึ่งฉื่อนั้น มันคล้ายลูกธนูที่หลุดออกจากสาย พุ่งฉิวเข้าใส่มารโลหิต!
มารโลหิตไม่คาดคิดว่าจีหมิงซิวจะทำเช่นนี้ได้ เขาตะลึงค้างไปตรงนั้น ตัวเขาตั้งท่าต่อต้านขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่เขาใช้กำลังภายในกว่าครึ่งคุมตัวจีหมิงซิวไปแล้ว เวลานี้คิดจะเบี่ยงหลบกลับทำไม่ได้อย่างใจ
พอกระบี่ส่งประกายสว่างวาบ กระบี่โหราจารย์ก็แทงทะลุแขนของเขา
แขนข้างนั้นที่อุตส่าห์ต่อกลับขึ้นใหม่ได้ มีเนื้อก้อนใหญ่หล่นตุบออกมา เลือดสดๆ ทะลักอย่างไร้การควบคุม!
ในที่สุดเย่ว์หวาก็ได้เข้าใจว่าจีหมิงซิวคิดจะทำอะไร เขาไม่ได้คิดจะล่อไปขวาแล้วโจมตีทางซ้าย เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อย สู้ด้วยกำลังภายในอย่างไรก็สู้มารแก่ผู้นี้ไม่ได้ แต่เรื่องใช้สมอง มารโลหิตสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจีหมิงซิว
“อ๊าก…”
มารโลหิตคุกเข่าลงกับพื้น ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
จีหมิงซิวขยับแขนข้างหนึ่ง กระบี่โหราจารย์ลอยกลับเข้ามาสู่มือของเขา
มารโลหิตถูกทำร้ายจนขวัญผวา ไม่กล้าปะทะฝีมือกับจีหมิงซิวอีก เขามองอวิ๋นจูที่อยู่บนพื้นอย่างไม่อยากยอมแพ้ ก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีออกไป
จีหมิงซิวเล็งตรงไปที่ศีรษะเขา เตรียมจะปล่อยกระบี่โหราจารย์ตามไป
เฮ่อหลันชิงเรียกเขาไว้ “ช้าก่อน อย่าเพิ่งฆ่าเขา เม็ดชาดโลหิตเขาช่วยชีวิตยัยหนูได้ ควักเม็ดโลหิตเขาออกมาก่อนแล้วค่อยฆ่าเขาทีเดียว!”
มารโลหิตเลวร้ายเหลือแสน แต่เม็ดชาดของเขากลับเป็นยาบำรุงชั้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนเจ็บที่เสียเลือดมาก แทบจะเป็นของมีค่าที่ปลุกวิญญาณคนตายกลับมาได้เลยทีเดียว
หากถามว่าเฮ่อหลันชิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ก็ต้องขอบคุณแม่เฒ่ากับเย่ว์หวาที่พูดคุยกันอยู่บนอัฒจันทร์อย่างไม่มีหลบเลี่ยง คนทั่วไปไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ด้วยประสาทหูของเฮ่อหลันชิง ย่อมได้ยินทุกคำไม่มีตกหล่น
แน่นอนว่าแม่เฒ่ากับเย่ว์หวาไม่ได้เอ่ยถึงเม็ดโลหิตในกายมารโลหิต แต่พวกเขาไม่เอ่ยถึง แล้วเฮ่อหลันชิงจะเดาไม่ได้เชียวหรือ
ที่มารโลหิตสามารถฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วผิดมนุษย์มนา หาใช่เพราะเม็ดโลหิตนี้หรอกหรือ
ขอเพียงได้เม็ดโลหิตของเขามา อาการบาดเจ็บของบุตรสาวนางก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว
เฮ่อหลันชิงนิ่งไปก่อนเอ่ยว่า “ต้องจับเป็นให้ได้เท่านั้น หากเขาตาย เม็ดโลหิตก็หมดประโยชน์แล้ว”
จีหมิงซิวกำกระบี่ในมือแน่น “ข้ารู้แล้ว รบกวนท่านแม่ดูแลเสี่ยวเวยให้ดี ข้าจะไปควักเม็ดโลหิตมันมาเดี๋ยวนี้”
เฮ่อหลันชิงถ่ายทอดกำลังภายในเข้าตัวเฉียวเวยไม่หยุด นางลูบใบหน้าที่ซีดขาวของบุตรสาว “ทางที่ดีเจ้าควรกลับมาก่อนฟ้าสาง ยัยหนูนาง…ทนถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว”
จีหมิงซิวมองมารโลหิตที่หนีหายไป กำกระบี่โหราจารย์ไว้ด้วยท่าทางดุดัน