หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 67-2 ได้เม็ดโลหิตมาครอบครอง (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 67-2 ได้เม็ดโลหิตมาครอบครอง (2)
ตอนที่ 67-2 ได้เม็ดโลหิตมาครอบครอง (2)
คราวนี้เปลี่ยนเป็นจีหมิงซิวมองประเมินเขาด้วยสายตาประหลาด “เจ้าไม่ควรถามข้า มารโลหิตถูกขังอยู่ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์มานานเพียงนั้น แต่ก็ยังมีถ้ำเป็นของตนเองอีก เจ้าไม่ตกใจกับเรื่องนี้สักนิด ทำไมกัน เจ้าเองก็รู้เรื่องในอดีตของมารโลหิตเช่นกันหรือ”
ยิ่นอ๋องส่งเสียงหึด้วยความดูแคลน “ข้าย่อมรู้แน่ เจ้าคิดว่ามีเจ้าคนเดียวที่ออกค้นหาความจริงหรือ”
“เช่นนั้นเจ้าค้นเจออะไรบ้างแล้ว” จีหมิงซิวถาม
ยิ่นอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าอย่าคิดจะหลอกถามจากข้าเลย เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าถ้ำแห่งนั้นเป็นถ้ำของมารโลหิต แล้วยังยันต์คุ้มภัยอันนี้อีก เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ามันเป็นของอวิ๋น… ท่านยายเจ้า”
จีหมิงซิวดูจะพอใจยิ่งนักที่อีกฝ่ายหลบเลี่ยงที่เรียกขานชื่ออวิ๋นจูออกมาตรงๆ จึงมีสีหน้าดีๆ ให้อีกฝ่ายอย่างน้อยครั้งจะได้เห็น “ด้านนอกถ้ำมีโครงกระดูกสตรีอยู่หลายคน ดูจากเนื้อผ้าอาภรณ์ที่อยู่ด้านนอกโครงกระดูก น่าจะเป็นศิษย์หญิงของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ในถ้ำมีเสื้อผ้าบุรุษอยู่บ้าง ขนาดใกล้เคียงกับตัวของมารโลหิต ยันต์คุ้มภัยนี้เป็นของท่านยาย เมื่อครู่ข้าไปยืนยันกับนางมาแล้ว บนกำแพงหินของถ้ำยังสลักชื่อท่านยายไว้ด้วย ตัวอักษรคดไปเคี้ยวมา ดูไม่เหมือนฝีมือของคนปกติทั่วไป”
ยิ่นอ๋องครุ่นคิด “เช่นนั้นเจ้าจึงคิดว่า เสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นของมารโลหิต ชื่อบนกำแพงมารโลหิตเป็นคนสลักไว้ ลูกศิษย์หญิงเหล่านั้นก็เป็นมารโลหิตที่ฆ่าตาย?”
จีหมิงซิวเอ่ยเสริมว่า “ยังมีไข่มุกราตรีบนกำแพง ก็ดูเหมือนจะเป็นของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน”
ของที่อยู่ตามร้านตลาดทั่วไปแตกต่างกับของที่ใช้ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมารโลหิตดูจะไม่ลงเขาไปไหน แล้วเขาจะไปหาไข่มุกราตรีที่งดงามมากมายเพียงนั้นมาจากที่ใด
ความเป็นไปได้เดียวก็คือ มีคนให้เขา
เวลานั้นคนที่พอจะให้ไข่มุกเช่นนี้กับเขาได้ นอกจากอวิ๋นจูกับจักรพรรดิอสูรแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดอีก
จักรพรรดิอสรูไม่มีทางเอาไข่มุกไปให้ใคร เช่นนั้นจึงเหลือแค่อวิ๋นจูเพียงคนเดียว
จีหมิงซิวพูดต่อว่า “ข้ายังไปเจอตำราวิชาลัทธิศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำนั้นอีกหลายเล่มด้วย
“วิชา…ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์? มารโลหิตยังขโมยของพวกนี้ไปด้วยหรือ” ยิ่นอ๋องอึ้งไป
จีหมิงซิววิเคราะห์ว่า “มารโลหิตมีวิชาเป็นของตนเอง เขาจึงไม่น่าจะไปขโมยตำราของลัทธิศักดิ์สิทธิ์มายิ่งไปกว่านั้นวิชาเหล่านั้นไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด ข้าเดาว่าเป็นท่านยายที่เอาไปให้เขา หวังว่าเขาจะเปลี่ยนจากฝ่ายอธรรมมาเป็นฝ่ายธรรมะได้”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นได้ พวกเขา…ไม่ใช่ว่าเคยพบกันแค่ครั้งเดียวหรือ” ยิ่นอ๋องเอาเรื่องที่แม่เฒ่าบอกว่า ตอนอวิ๋นจูอายุห้าขวบ นางเคยเกือบถูกมารโลหิตสังหารให้จีหมิงซิวฟังอย่างไม่มีหมกเม็ด
จีหมิงซิวยิ้มเย็น “ความหมายของผู้พิทักษ์เหลียนคือ ท่านยายเคยพบกับมารโลหิตเพียงครั้งเดียงเมื่อตอนห้าขวบงั้นหรือ”
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้ว “นางบอกเช่นนั้น นางยังบอกว่า อวิ๋นชิงไม่รู้เรื่องนี้” โ
“เจ้าเชื่อหรือไม่” จีหมิงซิวถาม
ยิ่นอ๋องส่ายหน้า
อันที่จริงคำบอกเล่าของแม่เฒ่าไม่ได้มีรูรั่วอะไร เพียงแต่เขารู้สึกตะหงิดใจอย่างไรบอกไม่ถูก
จีหมิงซิวเอ่ยว่า “ที่ท่านยายจำเรื่องในวัยเด็กไม่ได้นั้นเพราะมีเหตุ แต่ถึงอย่างไรนางก็เด็กเกินไป ซ้ำยังเป็นพบหน้ากันเพียงชั่วครู่ จากนั้นพอนางค่อยๆ เติบโต ก็มีความเป็นไปได้ที่จะลืมเลือน แต่เสื้อผ้าของมารโลหิต ไข่มุกราตรีในถ้ำ รวมถึงวิชาลัทธิศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ล้วนบอกให้รู้ว่าท่านยายเคยพบกับมารโลหิตอีกครั้งเมื่อโตขึ้นแล้ว แต่ท่านยายจำช่วงเวลานั้นไม่ได้ เพราะเหตุใดกัน เจ้าไม่รู้สึกประหลาดใจหรือ”
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้ว “ความหมายของเจ้าคือ… มีคนทำลายความทรงจำของนางหรือ นางเป็นบุตรีของเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ใครกันที่กล้าทำกับนางเช่นนี้ แล้วใครกัน…ที่ยังทำสำเร็จจริงๆ เสียด้วย”
ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าใกล้อวิ๋นจูได้ และไม่ทุกคนที่กล้าทำอะไรกับร่างกายของอวิ๋นจู และยิ่งไม่ใช่ทุกคนที่มีความสามารถนั้น
จีหมิงซิวไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่บอกว่า “ข้าได้ยินว่าผู้พิทักษ์เหลียนมีฝีมือการแพทย์ที่ไม่เลว?”
“นั่นเป็น… เรื่องเมื่อครั้งข้ายังเด็ก ตอนข้าเข้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์เมื่อตอนเจ็ดขวบ ตอนแปดขวบข้าได้ไปปรนนิบัติคุณหนู ตอนเก้าขวบหรือไม่ก็สิบขวบ… มีคนล่ากระต่ายตัวหนึ่งได้แล้วเอามาให้คุณหนู เดิมทีข้าไม่อยากรับ แต่คุณหนูไม่ฟังคำทัดทานข้า จะรับกระต่ายนั้นไว้ให้ได้ สุดท้ายได้ทุกไรก็ถูกกระต่ายตัวนั้นกดจนได้แผล กระต่ายตัวนั้นก็วิ่งหนีไป คุณหนูจะไปจับมัน ในครั้งนั้นเองที่คุณหนูถูกมารโลหิตจับตัวไป”
“ครั้งนั้นอย่าว่าแต่คุณหนูเลย กระทั่งข้าก็เกือบตายด้วยน้ำมือเขาด้วย”
คนที่สามารถเข้าใกล้อวิ๋นจูได้ เคยข้องเกี่ยวกับมารโลหิต แล้วยังมีวิชาการแพทย์ลำเลิศ…
เป็นนาง ผู้พิทักษ์เหลียน!
แต่เหตุใดนางถึงทำเช่นนี้
เหตุใดนางถึงทำลายความทรงจำของอวิ๋นจู
เหตุใดถึงไม่ให้อวิ๋นจูจำเรื่องมารโลหิตได้ นางกลัวว่าอวิ๋นจูกับมารโลหิตจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเกินไป แล้วจะกลับมาแก้แค้นนางหรือ แต่อวิ๋นจูไม่ใช่คนที่แยกแยะถูกผิดไม่ได้ หากมารโลหิตสมควรตายจริง ตัวอวิ๋นจูเองจะต้องส่งไปสู่ความตายแน่นอน แต่หากเดิมทีมารโลหิตไม่สมควรตาย…
ในใจยิ่นอ๋องเย็นวาบขึ้นมาทันที
หลังจากมารโลหิตเติบโตขึ้น เขาไปหาอวิ๋นจูอีกครั้ง เขาไม่ได้ฆ่าอวิ๋นจูและไม่ได้ฆ่าลูกศิษย์ลัทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะหากเขาฆ่า อวิ๋นจูไม่มีทางสนใจเขา และยิ่งไม่มีทางเข้าช่วยเหลือเขา
เขาไม่ได้โกรธแค้นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไล่สังหาร เขาไม่ได้กลายเป็นมารโลหิตเพราะเรื่องในครั้งนั้น
ยิ่นอ๋องกำหมัดแน่นจนส่งเสียง อันที่จริงเรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องในอดีต ใครตกเป็นเหยื่อ ใครถูกใส่ความ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้น แต่คนผู้นี้มีอัตตาสูง หนึ่งไม่ชอบถูกคนกดหัว สองไม่ชอบถูกคนหลอกใช้ และสามไม่ชอบถูกคนลวงหลอก
แต่กระนั้นสองข้อหลัง ผู้พิทักษ์เหลียนก็ดันไปถูกเข้าทั้งสองข้อ
จีหมิงซิวหยุดเอ่ยเพียงเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขาเอาม้วนตำราวิชาชิงเหลียนที่ค้นเจอจากในถ้ำส่งไปให้ยิ่นอ๋อง จากนั้นก็ตบไหล่ยิ่นอ๋องแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปหาเฉียวเจิง
ยิ่นอ๋องถือยันต์คุ้มภัยกับตำราชิงเหลียนไว้ในมือ แล้วมุ่งหน้ากลับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ด้วยความหัวเสีย
“นายน้อย” ไห่สือซานเดินเข้ามา เขาถูกยอดหญิงงามเตะออกมาให้มาเรียกจีหมิงซิวกับยิ่นอ๋องเข้าไปกินอะไรสักหน่อย พอมาถึงจึงได้รู้ว่ายิ่นอ๋องกลับไปแล้ว “เอ๋? กลับไปเร็วเพียงนี้เชียวหรือ นายน้อย โจ๊กเสร็จแล้ว ท่านไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันหนึ่งคืน กินรองท้องหน่อยเถิด” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
จีหมิงซิวบอกว่า “ข้าไม่หิว มีเรื่องให้เจ้ารีบไปจัดการหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือ” ไห่สือซานถาม
จีหมิงซิวจึงบอกว่า “ข้ารีบร้อนจากมา ยังไม่ทันได้จัดการศพของมารโลหิต เจ้าไปดูที่ถ้ำของมารโลหิตที จะจัดการฝังที่ตรงนั้นเลยก็ได้ หรือเอากลับมาก็ได้เช่นกัน”
ไห่สือซานหันไปมองอวิ๋นจูที่กำลังบดยาให้เฉียวเจิงแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จีหมิงซิวบอกเส้นทางให้รู้ ไห่สือซานก็รีบพาองครักษ์เกราะทมิฬสองคนออกเดินทางไปทันที
อีกด้านหนึ่ง ยาของเฉียวเจิงในที่สุดก็ปรุงเสร็จเสียที เขายกยาสองถ้วยเข้าไปในกระโจม จีหมิงซิวก็เดินเข้าไปด้วย
จีหมิงซิวยื่นมือไป “ท่านแม่พักสักหน่อยเถิด”
เฮ่อหลันชิงลูบใบหน้าบุตรสาว แล้ววางตัวบุตรสาวลงกับอ้อมแขนของจีหมิงซิว
จีหมิงซิวกอดภรรยาที่สลบไสลไม่ได้สติเอาไว้ จับมือนางไว้เบาๆ
เฉียวเจิงเอายาทาที่อยู่ในชามซ้ายทาลงบนแผลให้เฉียวเวยก่อน พอใส่ยาเสร็จก็เอาผ้าพันไว้ แล้วจึงตักยาสีแดงเข้มในชามข้างขวาให้เฉียวเวยกิน
เฉียวเวยไม่รู้สึกตัว จึงไม่อาจกลืนลงไปได้ จีหมิงซิวจึงช่วยป้อนให้ทีละอึก
ยาทั้งหมดที่มีเอามาใช้หมดแล้ว เฉียวเวยจะฟื้นหรือไม่คงต้องดูบัญชาสวรรค์แล้ว