หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 69-1 มารโลหิตได้สติ
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 69-1 มารโลหิตได้สติ
ตอนที่ 69-1 มารโลหิตได้สติ
คุณพ่อเฉียวถูกอวิ๋นจูชกกระเด็นออกจากกระโจม ตอนออกมายังหน้าตาปูดบวมเป็นหมีแพนด้า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
เฉียวเวยหลังจากได้ยินว่ารักษาบุตรในครรภ์ของตนไว้ได้ก็ผ่อนคลายลงมาก จึงผล็อยหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะมีกำลังภายในของเฮ่อหลันชิงที่คอยรักษาชีพจรหัวใจนางไว้ตลอดเวลา แต่นางยังคงเสียเลือดมากเกินไป เม็ดโลหิตของมารโลหิตสามารถรักษาบาดแผลนางได้ แต่เลือดที่เสียไปยังคงต้องให้ตัวนางสร้างขึ้นมาเสริมเอง
กลับมาเอ่ยถึงเด็กในครรภ์ เฮ่อหลันชิงใช้กำลังภายในสำรวจดูแล้ว ปลายมีดเฉียดตัวเด็กในครรภ์ห่างไปไม่ถึงปลายก้อย หากพลาดไปเพียงนิด ต่อให้ใช้เม็ดโลหิตของมารโลหิตอีกสิบเม็ดก็คงรักษาเด็กในภรรภ์ไว้ไม่ได้
เฮ่อหลันชิงไม่เคยขวัญเสียขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ตอนออกจากกระโจม อารมณ์นางมั่นคงขึ้นเล็กน้อย สงสัยว่าเมื่อครู่ตนฝันไป
จมูกของเฉียวเจิงมีก้อนสำลียัดอยู่ เดินเข้ามาด้วยท่าทางน่าสงสาร
เฮ่อหลันชิงดึงมือสามีของตนให้ไปนั่งที่เก้าอี้กลางแจ้ง มือถือยาจินซาง ปลายนิ้วเรียวเล็กฝนเอายาที่ส่องประกายแวววาวมาทาลงบนแผลให้เขา “ยังจะซนอีกหรือไม่”
เฉียวเจิงคอตก สะอื้นอย่างน่าสงสาร “ไม่ซนแล้ว”
อาการบาดเจ็บของเฉียวเวยสามารถควบคุมไว้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในแท่นบวงสรวงต่อไปอีก แผนการชั่วร้ายของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ทุกคนต่างรู้ดี คนที่คิดอยากชนะจริงๆ บางทีอาจจะมีแค่ยิ่นอ๋องคนเดียว สิ่งที่ผู้พิทักษ์เหลียนกับอวิ๋นซู่ต้องการนั้นแค่เพียงอยากใช้ประโยชน์ของการประลองสังหารพวกนางให้สิ้นซากเท่านั้น
แต่ที่น่าขันก็คือ หลังจากพวกจีหมิงซิวขึ้นนั่งรถม้าแล้ว ศิษย์คนหนึ่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์กลับเข้ามาหาด้วยความร้อนรน แล้วประกาศว่าการประลองเมื่อวานเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นตามกฎเกณฑ์อยู่ มีคนลงสนามมากกว่าหนึ่งคน ตามกฎแล้วต้องตัดสินให้เฮ่อหลันชิงเป็นฝ่ายแพ้
เคยเห็นคนไร้ยางอาย แต่ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเพียงนี้
กระทั่งเอามารโลหิตออกมาใช้แล้ว ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิดกฎ
จีหมิงซิวใช้มือข้างหนึ่งกระชับอุ้มตัวเฉียวเวยไว้ ส่วนมืออีกข้างเลิกผ้าม่านพลางหันไปมองลูกศิษย์หญิงที่เข้ามาประกาศแจ้ง
ลูกศิษย์สตรีนางนั้นเคยพบเห็นบุรุษที่งดงามประหนึ่งหยกเช่นนี้เมื่อไรกัน จึงถึงกับมองจนเพ้อไป
ริมฝีปากบางเฉียบของจีหมิงซิวยกยิ้มมุมปาก “กลับไปบอกผู้พิทักษ์ของพวกเจ้า การประลองเมื่อวาน พวกเราชนะแล้ว หากรู้ว่าอะไรควรไม่ควรก็ส่งมอบลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาแต่โดยดี อย่าบังคับให้พวกเขาต้องขุดคุ้ยนางออกมา นางเก็บซ่อนความลับไว้ไม่น้อย ทนให้ใครขุดคุ้ยไม่ได้หรอก”
เสียงเขาไม่ใหญ่ เสียงแหบพร่ายิ่งมีมนต์เสน่ห์ น่าฟังจนจิตใจปั่นปวน
แต่บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด ลูกศิษย์หญิงนางนั้นรู้สึกถึงไอสังหารที่พาให้สั่นสะท้าน นางคล้ายตกลงในบ่อน้ำแข็ง ชะงักงันไปทั้งตัว
…
เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ อันที่จริงไม่ได้อยู่แค่ว่าชนะการประลองหรือไม่แล้ว การจะเอาชนะแล้วได้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์กับเมืองเหนือยอดเมฆมานั้นสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความบริสุทธิ์ของจักรพรรดิอสูร
บุรุษผู้นี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับต้องแบกรับคำกล่าวโทษมานานปีเพียงนั้น บัญชีแค้นนี้จะปล่อยให้ผ่านไปเช่นนี้ไม่ได้
คนเหล่านั้นที่ติดค้างจักรพรรดิอสูรกับอวิ๋นจู ถึงเวลาใช้คืนพวกนางได้แล้ว
…
รถม้าเคลื่อนตัวกลับจวน
ระหว่างทางเฉียวเวยไม่ตื่นขึ้นมาเลย
จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูยกเก้าอี้มานั่งรอท่านแม่อยู่หน้าประตู ตัวโค้งงอ สองมือเท้าคาง ข้อศอกวางอยู่บนต้นขา มองไปทางประตูใหญ่กันตาแป๋ว
ท่าทางเช่นนั้นช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก
อินทรีทองกับเจ้าสัตว์น้อยทั้งสามก็นั่งตาแป๋วอยู่ข้างทั้งสอง ท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก
จีหมิงซิวอุ้มภรรยาที่ถูกห่อตัวจนดูราวกับบ๊ะจ่างเข้ามา จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูโผเข้าไปหาทันที
“ท่านพ่อ! ท่านแม่!”
จีหมิงซิวมองทั้งสองด้วยสายตาอ่อนโยน “ท่านแม่เจ้าเหนื่อยนิดหน่อย ให้นางนอนก่อนนะ อย่าเพิ่งไปกวนนาง”
ทั้งสองอึ้งมองบิดาที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัว แล้วจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
จีหมิงซิวอุ้มเฉียวเวยเข้าไปในห้อง โ
เด็กทั้งสองแทรกตัวเข้าไปในห้องก่อนเขาก้าวหนึ่ง
จิ่งอวิ๋นสลัดรองเท้าออก ปีนขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นให้อย่างใส่ใจ
วั่งซูหอบหมอนใบหนึ่งเข้ามา
ทั้งสองทำทุกอย่างอย่างเบามือ ปากน้อยๆ ปิดสนิท สองตาเบิกกว้าง
จีหมิงซิวระบายยิ้มอบอุ่น เอาผ้านวมที่ห่อตัวเฉียวเวยอยู่ออก ถอดเสื้อนอกให้นางก่อนจะค่อยๆ วางตัวนางลงบนฟูกที่อ่อนนุ่ม
จิ่งอวิ๋นห่มผ้าผ่มให้ท่านแม่อย่างดี แล้วยังเอาอย่างท่านแม่ที่จะเหน็บชายผ้าห่มให้พวกเขาทุกครั้งด้วยการเหน็บชายผ้าห่มเข้าไปที่ละน้อย
ตัวเขาเล็ก แขนขาสั้น เรื่องที่ทำสำหรับผู้ใหญ่เป็นเรื่องง่ายแสนง่าย หลังจากเขาปีนไปปีนมาจนทำเสร็จ ก็เหนื่อยจนหอบแฮ่กเลยทีเดียว
เขาไถลตัวลงจากเตียงเบาๆ สวมรองเท้าแล้วยืนเงียบๆ อยู่ข้างเตียงคู่กับน้องสาว
จีหมิงซิวเหลือบมองบุตรทั้งสองแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “เดี๋ยวท่านแม่ก็ตื่น หลับเดี๋ยวเดียวก็ตื่น”
จิ่งอวิ๋นจิ้มผ้านวมที่คลุมอยู่บนท้องเฉียวเวย “ท่านแม่มีน้องน้อยแล้วใช่หรือไม่”
จีหมิงซิวอึ้งไปเล็กน้อย เรื่องนี้พวกเขายังไม่ได้บอกแก่บุตรทั้งสอง
จิ่งอวิ๋นใช้มือลูบหน้าท้อง “ตอนในท้องพี่ฟู่มีน้องสาวอยู่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
จีหมิงซิวถึงนึกได้ว่ามือของเฉียวเวยมักจะวางอยู่บนหน้าท้องจริงๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมีเด็กตาไวสังเกตเห็น
ในเมื่อบุตรชายดูออกแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีก เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “ใช่แล้ว ในท้องท่านแม่เจ้ามีน้องสาวตัวน้อยอยู่”
เด็กทั้งสองพากันร้องว้าวออกมา
จีหมิงซิวลูบศีรษะทั้งสอง “พ่อกับแม่เจ้าขอพักสักเดี๋ยว พวกเจ้าไปฝึกเขียนอักษรที่ห้องหนังสือก่อนนะ”
ทั้งสองพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วจูงมือกันเดินออกไป
หลังจากจีหมิงซิวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาก็ลงนอนบนที่นอนที่เย็นเฉียบแล้วดึงตัวที่เย็นน้อยๆ ของเฉียวเวยเข้ามากอด เขาจูบริมฝีปากที่แห้งผากเล็กน้อยของนาง ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
พอคิดถึงสิ่งที่นางต้องเจอ เขาก็นึกโมโหจนปวดหัวใจ
โมโหที่นางไม่เป็นห่วงชีวิตตนเอง ถึงขั้นเอาร่างกายที่ตั้งครรภ์ซ้ำยังไม่มีกำลังภายในไปขวางมีดให้เฮ่อหลันชิง
นางไม่เป็นห่วงชีวิตตัวเองเลยจริงๆ หรือ
ชีวิตนี้ของนางไร้คุณค่าเช่นนั้นเชียวหรือ
นางไม่คิดบ้างหรือว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาจะเสียใจเพียงใด
นั่นเป็นท่านแม่ของนาง นางทำเช่นนี้ไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง เพียงแต่…
จีหมิงซิวออกแรงแขนเพิ่มขึ้น กอดนางให้แน่นขึ้นอีกนิดพลางกัดฟันเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงเพียงนี้ได้อย่างไร ข้าควรผูกเจ้าติดไว้กับตัวเลยดีหรือไม่”
เฉียวเวยถูกกอดแน่นเกินไป จึงส่งเสียงออกมาด้วยความอึดอัด
จีหมิงซิวรีบผ่อนแรง มองภรรยาด้วยสายตาจนใจและไม่ยินยอมทีหนึ่งแล้วจึงบดจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากนางเป็นการลงโทษอีกครั้ง จูบจนริมฝีปากนางบวมไปหมดถึงได้ลงกอดนางแล้วผล็อยหลับไป
กลับมาเอ่ยถึงฝั่งไห่สือซาน เวลานี้พอได้เห็นว่าสิ่งที่ลูกศิษย์หญิงของลัทธิศักดิ์สิทธิ์แบกออกมาเป็นศพของมารโลหิต เขาก็งุนงงขึ้นมาเล็กน้อย
คนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อยากได้ร่างของมารโลหิตไปทำอะไร
หากบอกว่าหมายในเม็ดโลหิตในตัวเขา แต่ของสิ่งนั้นก็ถูกควักออกไปแล้วนี่
แต่ต่อให้ยังไม่ถูกควักออกไป จุดตันเถียนภายในของคนที่ตายไปแล้วก็ไร้ซึ่งประโยชน์
ไห่สือซานคิดไม่ตกจึงไม่คิดมันเสียเลย วันนี้เขาได้รับคำสั่งให้มาจัดการซากศพของมารโลหิต ไม่ว่าอย่างไรจะให้อีกฝ่ายได้ศพของมารโลหิตไปไม่ได้
ไห่สือซานกับองครักษ์เกราะทมิฬแลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งสามชักกระบี่ยาวออกมา เตรียมจะเข้าโจมตีลูกศิษย์หญิงเหล่านั้น
แต่ในขณะที่ทั้งสามกำลังจะลงมือนั้น ยอดภูเขาหิมะที่อยู่ด้านข้างก็พังลงมา