หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 70-1 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 70-1 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
ตอนที่ 70-1 อวิ๋นจูได้พบมารโลหิต
ไห่สือซานกับองครักษ์เกาะทมิฬสุดท้ายแล้วพาร่างมารโลหิตกลับมาไม่ได้ จึงเดินคอตกกันกลับจวนอ๋อง
จีหมิงซิวไม่ได้หลับอยู่นาน พอให้ความอบอุ่นแก่เฉียวเวยแล้วก็ลุกขึ้นมา
ตอนไห่สือซานรายงานเขา เขากำลังนั่งอยู่ในห้องของอวิ๋นจู
เขาไม่ว่าอะไร แค่เพียงหันไปมองอวิ๋นจูเงียบๆ
ท่าทางอวิ๋นจูดูเงียบขรึมมาก
ไห่สือซานเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “เป็นความผิดข้าเอง ที่เดินทางช้าเกินไป หากเร็วกว่านี้อีกนิดจะต้องพาตัวมารโลหิตกลับมาได้ก่อนหิมะถล่มแน่นอน”
ปากเขาเอ่ยเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงเขาเดินทางไม่ช้าแล้ว หิมะปกคลุมไปทั่วทิวเขา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยากเย็น แน่นอนว่าหากถามว่าเร็วกว่านี้ได้อีกสักหน่อยหรือไม่ คำตอบคือได้ แต่ถึงอย่างก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงไม่ได้เร่งเดินทางราวกับจะมีใครคลอดลูก
เขาก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตาอวิ๋นจู
อวิ๋นจูเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “ชะตากำหนดให้เป็นเช่นนี้ ไม่โทษเจ้าหรอก”
“เอ่อ…” ไห่สือซานเหลือบมองจีหมิงซิวด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วหันไปมองอวิ๋นจูอีกครั้ง “อวิ๋นฮูหยินอย่าได้เสียใจเกินไป คนตายไม่อาจฟื้นคืน เรื่องในครั้งนี้… จะว่าไปก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัย เขาถูกกักขังไว้หลายปีเพียงนั้น ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น พอออกมาได้ เห็นใครก็คิดแต่จะฆ่า…”
ไห่สือซานพูดไปพูดมาก็พูดต่อไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องการจะพูดอะไร
อวิ๋นจูเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “เจ้าไปทำงานเถิด”
ไห่สือซานยิ้มแหยๆ พลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ”
หลังจากไห่สือซานไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงอวิ๋นจูกับจีหมิงซิว
อวิ๋นจูบอกว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธแค้นที่เขาเกือบสังหารเสี่ยวเวย…”
จีหมิงซิวเอ่ยตัดบทนาง “เม็ดโลหิตนั้นเขาเป็นคนให้ข้าเอง” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
อวิ๋นจูอึ้งงัน
จีหมิงซิวนิ่งไปก่อนจะเอ่ยต่อว่า “กระบี่โหราจารย์แทงถูกเขาแล้ว เดิมทีเขาสามารถระเบิดตัวเองได้ เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีชีวิตรอดเช่นกัน ข้าบอกกับเขาว่าท่านเป็นท่านยายของข้า”
อวิ๋นจูชะงักค้าง
…
“อ๊า…”
ภายในห้องลับ ยิ่นอ๋องตกใจไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นที่เย็นเยียบ
นี่มันศพอะไรกัน
ไม่ใช่ว่าตายไปแล้วหรือ
เหตุใดถึงยังลืมตาได้อีก
หรือว่าเป็นตนเองที่ตาฝาด
เดิมทียิ่นอ๋องคิดจะเข้าไปดูให้มั่นใจอีกครั้ง ไหนเลยจะรู้ว่าอยู่ๆ จะได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก ด้วยความรีบร้อน ยิ่นอ๋องจึงจำต้องเลิกผ้าปูโต๊ะขึ้นแล้วมุดเข้าไปหลบข้างใน
เขาที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ต้าเหลียง เจ้าสำนักน้อยแห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ก็มีวันที่ต้องมุดเข้าไปแอบใต้โต๊ะเช่นกัน หากมีคนพูดออกไปจะไม่เป็นที่น่าหัวเราะเอาหรือ
ประตูเปิดออก สตรีหลายคนเดินเข้ามา
ยิ่นอ๋องเอาหน้าแนบพื้น มองผ่านช่องระหว่างผ้าปูโต๊ะกับพื้นไปยังบุคคลที่เข้ามาใหม่ แต่น่าเสียดายที่เห็นแค่เพียงรองเท้าปักหลายคู่เท่านั้น
“พวกเจ้าสองคนเฝ้าอยู่หน้าประตู อย่าให้ใครเข้ามา”
เป็นเสียงของผู้พิทักษ์เหลียน
“เจ้าค่ะ”
ลูกศิษย์หญิงสองคนตอบรับแล้วออกไป
ผู้พิทักษ์เหลียนพูดต่อว่า “พวกเจ้าจับเขามัดไว้ให้ดี”
ลูกศิษย์หญิงสองคนใช้โซ่หาดมังกรมัดตัวมารโลหิตไว้กับเตียงหลังเล็ก
จากมุมที่ยิ่นอ๋องอยู่ เขาไม่เห็นเลยว่าผู้พิทักษ์เหลียนทำอะไรกับมารโลหิต แต่เขาได้ยินเสียงเครื่องมือกับเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดและเสียงดิ้นสู้ของมารโลหิต
“จับไว้แน่นๆ!” ผู้พิทักษ์เหลียนเอ่ยเสียงขรึม
ลูกศิษย์สองคนคนหนึ่งอยู่หัว คนหนึ่งอยู่เท้า กดตัวมารโลหิตที่พยายามดิ้นสู้ไม่หยุด
มารโลหิตเมื่อไม่มีเม็ดโลหิตก็สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้เหมือนคนทั่วไป เขาเจ็บจนเส้นเลือดเต้นไปหมด
ยิ่นอ๋องเลิกแง้มผ้าปูโต๊ะขึ้นเล็กน้อย เดิมทีคิดอยากดูว่ายัยเฒ่านั่นกำลังทำอะไรอยู่ กลับกลายเป็นว่ายัยเฒ่านั่นหันหลังให้เขา จึงบังทุกอย่างเอาไว้จนหมดสิ้น โ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร มารโลหิตที่อยู่บนเตียงไม่ได้ดิ้นสู้อีก
ผู้พิทักษ์เหลียนจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยก็พาศิษย์สตรีออกไป
เมื่อมั่นใจว่าพวกนางไปกันไกลแล้ว ยิ่นอ๋องถึงได้คลานออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมเหงื่อที่ออกท่วมตัว
เขาเดินไปที่เตียง มองสภาพย่ำแย่ของมารโลหิตที่คล้ายถูกล้างไว้ด้วยเลือด สองมือสองเท้าของมารโลหิตยังคงถูกโซ่หาดมังกรล่ามเอาไว้ เมื่อครู่เขาดิ้นแรงเกินไป เนื้อตัวตรงข้อมือกับข้อเท้าถูกสีจนได้แผลลึกลงไปถึงกระดูก
แต่ในตัวมารโลหิตไม่มีเม็ดโลหิตอยู่ จึงไม่อาจฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้อีก
“นี่” ยิ่นอ๋องทำใจกล้าเอ่ยเรียกคนบนเตียง เขายื่นมือออกไปอังที่จมูกมารโลหิต ไม่มีลม
ยิ่นอ๋องตั้งสติ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งแล้วหมุนตัวออกจากห้องไป
เขาไม่ได้ตามหาอวิ๋นซู่ต่อ แต่กลับไปยังที่พักของตน มองยอดหญิงงามที่กำลังกินเนื้อชิ้นโตกับสุราชามใหญ่พลางเอ่ยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งสิ”
ยอดหญิงงามวางหมูตุ๋นน้ำแดงที่คีบอยู่ลง ยิ้มตาหยีพลางเอ่ยว่า “เจ้าจูบข้าทีหนึ่งแล้วข้าจะช่วยเจ้า”
ยิ่นอ๋องใจกระตุกแรง “เจ้ายังไม่ได้ถามเลยว่าเรื่องอะไร”
ยอดหญิงงามลูบเส้นผมหยาบยาวของตน “เรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ยิ่นอ๋องก็ปากบวม ขาดอากาศ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สายตาเหม่อลอย นอนอยู่บนเตียงที่เกือบจะพังครืน
ยอดหญิงงามเดินออกจากเรือนอย่างอิ่มหนำครึ่งกระเพาะ นางพายเรือลำเล็กข้ามแม่น้ำ ก้าวขึ้นเกาะยิ๋นหูไปอย่างเปิดเผย
ลูกศิษย์หญิงบนเกาะไม่รู้ว่านางเป็นใคร แต่ไม่มีใครเข้ามาขวางนางทั้งสิ้น
คนขับเรืออีกลำหนึ่งกำลังลำเลียงเอาของลงอยู่ เดิมทีเขาขนลงมาแค่หีบเดียว แต่พอได้เห็นยอดหญิงงามเขาก็ตัดสินใจเพิ่มเข้าไปอีกหีบหนึ่งทันที!
กุลีตัวใหญ่ล้ำบึ๊กขนาดนี้ หากตนยังไม่ทุ่มเท น่ากลัวเดี๋ยวจะไม่มีกินเอา!
ยอดหญิงงามแอบเข้าไปในห้องลับที่มารโลหิตถูกล่ามโซ่อยู่ นางดึงโซ่หาดมังกรจนขาด จับมารโลหิตที่อาการร่อแร่ใส่ลงในหีบแล้วยกขึ้นเรือไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากยอดหญิงงามขโมยตัวมารโลหิตออกจากเกาะอิ๋นหูแล้ว นางไม่ได้เอาไปส่งให้ยิ่นอ๋องตามที่นัดแนะกันไว้ แต่หันเท้าเปลี่ยนทิศลงจากเขาแทน
นางแบกหีบลงภูเขา ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูอยู่ไม่ได้ขวางนางไว้สักนิด
ยอดหญิงงามเช่ารถม้าคันหนึ่งที่ในเมือง แล้วขนเอาหีบใบนั้นไปส่งที่จวนอ๋อง
หลังจากได้พบอวิ๋นจู นางเอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่นว่า “ท่านยาย ท่านอ๋องให้ข้าส่งมาให้ท่านด้วยความยากลำบาก ในหีบนี้มีอะไรอยู่ข้าไม่แน่ใจ เขาเพียงให้ข้านำมาส่งให้ถึงมือท่านเท่านั้น”
อวิ๋นจูค่อยๆ แง้มหีบเปิด พอเพ่งสายตามองก็ถึงกับตาค้างไปเลยทีเดียว
…