หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 71-1 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 71-1 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
ตอนที่ 71-1 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
ศพของมารโลหิตจัดการด้วยการเผา
การเผาศพพบเห็นได้ไม่บ่อยนักในเยี่ยหลัว แต่มีเพียงการเผาศพเท่านั้นถึงจะสามารถเก็บเถ้ากระดูกติดตัวได้ นี่น่าจะเป็นหนทางเดียวที่เขาจะได้อยู่ข้างกายอวิ๋นจู
อวิ๋นจูเอาอัฐิกับปิ่นเล่มนั้นที่ไม่ได้มอบให้นางวางไว้ด้วยกัน แล้ววางไว้ในจุดที่นางสามารถมองเห็นได้ทุกวัน
ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยมีชื่อมาก่อน ป้ายข้างหน้าจึงว่างโล่ง โ
อวิ๋นจูใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดป้ายเขาเบาๆ “เช่นนี้ได้หรือไม่”
ข้างหูมีเสียงลมพัดผ่าน คล้ายมีคนกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูว่า “อวิ๋น จู”
…
เฉียวเวยตื่นเต็มตาหลังจากนอนหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ สีหน้านางดูไม่เลวทีเดียว
ไม่รู้ว่าเป็นผลจากเม็ดโลหิตหรือเป็นผลจากยาบำรุงที่เฉียวเจิงตุ๋นมาให้ ร่างกายเฉียวเวยฟื้นตัวเร็วมาก มาถึงวันที่สาม ปากแผลสมานดี ก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว
ความเร็วในการฟื้นตัวนี้ เฉียวเวยเองยังรู้สึกตกใจ
ไม่เพียงเท่านั้น กระทั่งรอยแผลเป็นเก่าตรงท้ายทอยของนางก็หายไปด้วย
เฉียวเวยกางมือซ้ายออกอีกครั้ง มองดูรอยแผลที่อยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง มีครั้งหนึ่งนางเข้าป่าไปจับสัตว์ ไม่ทันระวังถูกหนามกรีดเข้า แผลลึกพอสมควร หลังจากนั้นจึงทิ้งแผลนี้ให้เห็น แต่เพราะแผลอยู่ระหว่างนิ้ว ค่อนข้างลับตา จึงไม่มีใครเห็น
เรื่องนี้นางไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน แต่จีหมิงซิวมีบ้างที่จะลูบรอยแผลเป็นเล็กๆ นี้ ดังนั้นนางเดาว่ามีจีหมิงซิวที่รู้
แต่เช้าวันนี้เอง รอยแผลเป็นนั้นก็ลูบไม่เจอ มองไม่เห็นอีก
เฉียวเวยมองมือตนเองด้วยความฉงน ใช่ว่าตนจำผิดไปรึเปล่า หรือว่าตรงนี้ไม่เคยมีแผลมาก่อน…
…
ระหว่างที่เฉียวเวยพักรักษาตัวในห้องด้วยความสบายใจนั้น คนอื่นๆ ที่เหลือไปรวมตัวกันอยู่ในห้องหนังสือ พูดคุยเรื่องมารโลหิต
ไห่สือซานเดิมทีคิดว่ามารโลหิตถูกฝังอยู่ใต้หิมะพร้อมกับสตรีกลุ่มนั้น แต่ในเมื่อมารโลหิตปรากฏตัวขึ้นแล้ว ก็หมายความว่าวันนั้นพวกเขาหนีไปได้
หนีไปที่ใดนั้นเป็นที่รู้กันดี
ในเมื่อมารโลหิตถูกคนพาตัวไปยังลัทธิศักดิ์สิทธิ์ คิดดูแล้วเลือดในตัวเขาก็คงถูกคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์สูบออกไปจนหมด
แต่นี่น่าแปลกมากมิใช่หรือ
เหตุใดพวกเขาต้องสูบเลือดมารโลหิตไป หรือว่าเลือดในกายมารโลหิตมีสรรพคุณอะไรพิเศษพิสดารงั้นหรือ
ไม่แปลกที่ทุกคนจะครุ่นคิดกันเช่นนี้ เพราะบันทึกที่เกี่ยวกับมารโลหิตมีอยู่น้อยเกินไป น้อยกว่าราชันอสูรกับจักรพรรดิอสูรเสียอีก ไม่มีใครรู้ว่าจะฝึกให้เป็นมารโลหิตได้อย่างไร เขามีลักษณะพิเศษที่ตรงไหนบ้าง กระทั่งที่ว่าเม็ดโลหิตของเขาสามารถรักษาบาดแผลได้ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเฮ่อหลันชิงเท่านั้น
ที่โชคดีก็คือ เฮ่อหลันชิงเดาถูก
“หรือไม่จั๋วหม่าลองเดาดูดีหรือไม่ว่าเลือดของเขาสามารถทำอะไรได้อีก” ไห่สือซานหันไปมองเฮ่อหลันชิง
ในห้องนอกจากพวกเขาสองคนแล้ว พี่น้องจีหมิงซิวกับฟู่เสวี่ยเยียนและเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็อยู่ด้วย
เฉียวเจิงไปต้มยาให้เฉียวเวย
เดิมทีอวิ๋นจูถูกฮองเฮาเยี่ยหลัวลากไปเดินเล่นพักผ่อนจิตใจที่ริมทะเลสาบ แต่เดินไปได้ครึ่งทาง นางก็เดินกลับมาเอง
เฮ่อหลันชิงเหลือบมองนางทีหนึ่งพลางถามว่า “เลือดของจักรพรรดิอสูรมีสรรพคุณอะไรหรือไม่”
อวิ๋นจูส่ายหน้า “เท่าที่ข้ารู้ ไม่มี”
เฮ่อหลันชิงลูบคางใช้ความคิด
มารโลหิตเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิอสูร ในเวลาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของมารโลหิต มากน้อยอย่างไรก็ต้องใช้คุณสมบัติของจักรพรรดิอสูรมาเป็นตัวเปรียบเทียบ แต่ถึงอย่างไรคนหนึ่งก็เป็นนักรบมรณะ อีกคนหนึ่งเป็นมารโลหิต ถึงอย่างไรก็ต้องมีจุดที่ต่างไป เลือดของจักรพรรดิอสูรไม่มีสรรพคุณอะไรพิเศษ ไม่ได้หมายความว่าเลือดของมารโลหิตก็จะไม่มี
หาไม่แล้วคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนั้นจะกินอิ่มไม่มีอะไรทำ ไปแบกตัวเขากลับมาเล่นๆ หรือ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคิดแล้วขมวดคิ้วเอ่ยว่า “จะใช่ว่า… อันที่จริงจะใช่ว่าพวกเขาต้องการเม็ดโลหิตของมารโลหิต แต่เม็ดโลหิตไม่อยู่แล้วจึงสูบเลือดไปแทนหรือไม่”
ไห่สือซานส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เม็ดโลหิตสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้ หรือว่าเลือดของเขาก็ทำเช่นนั้นได้ด้วยเหมือนกัน”
“ถ่ายเลือดทดแทน” เฮ่อหลันชิงพึมพำ
จีหมิงซิวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “พวกเขาอยากฝึกมารโลหิตคนที่สอง”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตกใจมาก “อะ อะไรนะ มารโลหิตคนที่สอง? มารโลหิตไม่ได้ได้มาจากการฝึกวิชาหรือ ยังสามารถ… ใช้เลือดได้… นี่อะไรกัน”
จีหมิงซิวเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าแค่เพียงเดาเท่านั้น นอกจากเรื่องนี้ ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าพวกเขายังมีจุดประสงค์ใดอีก”
เฮ่อหลันชิงส่งเสียงอืมทีหนึ่ง “ข้าคิดว่าการคาดเดาของหมิงซิวมีเหตุผล เม็ดโลหิตที่หมิงซิวเอากลับมาไม่มีไอมารและวรยุทธ์ของมารโลหิตอยู่เลย โดยหลักการแล้วไม่น่าเป็นไปได้ ขอเพียงเป็นคนฝึกวรยุทธ์ หลังจากได้รับกำลังภายในที่เหมาะสมจะไปหลอมรวมกันอยู่ในจุดตันเถียน นี่คือปราณแท้ที่พวกเราเอ่ยถึงกัน และยอดฝีมืออย่างราชันอสูร จักรพรรดิอสูรรวมถึงมารโลหิต ปราณแท้มีแต่จะยิ่งหนาแน่น กลายเป็นเม็ดเน่ยตัน ในเม็ดเน่ยตันจะมีวรยุทธ์ ไอพิษรวมถึงไอมารของเจ้าตัวแฝงอยู่ แต่เม็ดเน่ยตันที่หมิงซิวเอากลับมานั้น ไม่มีอะไรเหล่านั้นเลย เช่นนั้นสิ่งเหล่านั้นหายไปไหน จุดนี้ไม่น่าสงสารหรือ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
อวิ๋นจู “ไขเลือด”
เฮ่อหลันชิง “ถูกต้อง มันอยู่ในไขเลือด หากไขเลือดยังไม่สลาย มารโลหิตก็มีโอกาสกลั่นเม็ดโลหิตเม็ดที่สองขึ้นมาใหม่ได้”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยสูดหายใจเบาๆ ด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสราชันอสูรเคยถูกควักเม็ดเน่ยตันออกไป ใช่ว่าอาศัยวรยุทธ์ในไขกระดูกทำให้มีชีวิตต่อมาได้หรือไม่”
เฮ่อหลันชิงส่ายหน้า “สถานการณ์ของทั้งสองไม่เหมือนกัน”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยร้องอ้อทีหนึ่ง
เฮ่อหลันชิงหันไปมองจีหมิงซิว “เจ้าบอกว่าเม็ดโลหิตเม็ดนั้นมารโลหิตเป็นคนให้เจ้าเองใช่หรือไม่”
จีหมิงซิวพยักหน้า
เช่นนั้นเฮ่อหลันชิงก็เข้าใจแล้ว “ก่อนหน้านั้นเขาชำระล้างเม็ดโลหิต เอาวรยุทธ์กับไอมารทั้งหมดบีบไปไว้ในไขกระดูก แล้วให้เม็ดโลหิตที่สะอาดบริสุทธิ์กับหมิงซิวมา”
ถึงอย่างไรเม็ดโลหิตก็คือของจากตัวมารโลหิต หากภายในมีไอมารอยู่เพียงน้อยนิดก็ไม่อาจปิดบังจากเขาได้ ดังนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้เม็ดโลหิตสะอาดหมดจดจริงๆ
แต่การจะทำถึงขั้นนี้ได้นั้นไม่ง่าย เพราะถึงอย่างไรความเจ็ดปวดจากการขจัดไอมารกับกำลังภายในนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทานทนได้
และหลังจากเสียเม็ดโลหิตไปแล้ว ความเจ็บปวดที่ทิ้งเอาไว้มีแต่จะทบเป็นเท่าทวีคูณ เขาที่เคยไม่รู้สึกอะไรกับความเจ็บปวด เวลานี้มีแต่จะยิ่งอ่อนไหวกับความเจ็บปวดมากขึ้น
แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่ความเจ็บปวดสูงสุด ที่เจ็บปวดที่สุดคือการสูบเอาไขเลือดออกไป
ในเวลาที่ไม่มียาชา ด้วยบาดแผลของมารโลหิตกับความไวต่อความรู้สึกเจ็บปวดในเวลานั้น สามารถทำให้คนตายทั้งเป็นได้เลยทีเดียว
เพล้ง!
อวิ๋นจูบีบถ้วยในมือแตก
ทุกคนหันไปมองทางนาง
นางเอ่ยถามด้วยสีหน้าดำคล้ำว่า “มั่นใจใช่หรือไม่ว่าเป็นลูกศิษย์หญิงจากเกาะอิ๋นหูที่พาตัวเขาไป”
ไห่สือซานจึงตอบว่า “มั่นใจ ไม่เพียงแค่ข้า ยังมีองครักษ์เกราะทมิฬอีกสามคนที่เห็นพร้อมกัน การแต่งกายเช่นนั้นดูออกชัดว่าเป็นลูกน้องของยัยเฒ่านั่น”
ก๊อกๆๆ
มีคนมาเคาะประตู
“ข้าเอง” ปิงเอ๋อร์เอ่ย
ฟู่เสวี่ยเยียนลุกไปเปิดประตูให้ปิงเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง “เด็กคนหนึ่งเอามาส่งไว้ บอกว่าต้องให้ถึงมือใต้เท้าเสนาบดีให้ได้”
ฟู่เสวี่ยนเยียนจับซองจดหมายดู เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอาวุธลับซ่อนไว้ ถึงได้ส่งให้จีหมิงซิว
จีหมิงซิวแกะออกอ่าน เป็นลายมือของกงซุนฉางหลี
ตัวอักษรสี่ตัวง่ายๆ … อวิ๋นซู่เจ็บหนัก
นี่ถือเป็นข่าวที่สะเทือนเลื่อนลั่นเลยทีเดียว อวิ๋นซู่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกมาให้ใครเห็นหน้ามาหลายวัน ทุกคนยังคิดว่าเขาลอบวางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่เสียอีก ใครจะคิดว่าเขากำลังเจ็บหนัก
บาดเจ็บได้อย่างไร ในจดหมายไม่ได้บอก
จีหมิงซิววางจดหมายลง เอ่ยช้าๆ ว่า “ดูท่าพวกเขาคิดอยากจะเปลี่ยนอวิ๋นซู่ให้เป็นมารโลหิตคนที่สอง”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ยัยแก่นั่นบ้าไปแล้วหรือ”
มารโลหิตใช่ของดีอะไร มันต้องสูบเลือดคนเป็นอาหารไปตลอดชีวิต ไม่เกินไปเลยที่จะเอ่ยว่านั้นก็คือสัตว์ประหลาดดีๆ นี่เอง!
ไม่มีใครยินดีกลายเป็นมารโลหิต
ยิ่งเป็นถึงเจ้าสำนักลัทธิศักดิ์สิทธิ์ยิ่งไม่อยากเป็น
“นอกเสียจากว่า…” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเผยอปาก
จีหมิงซิว “นอกเสียจากเขาไม่มีทางเลือก”
มารโลหิตไม่อยากตาย ตอนนั้นคนผู้นั้นถูกตอกตะปูสะกดวิญญาณเข้าที่หัวใจ เพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้ถึงได้ฝึกจนเองจนกลายเป็นมารโลหิต
เฮ่อหลันชิงเป่าเล็บสีแดงของตนอย่างไม่สนใจ “ดูท่าอวิ๋นซู่จะเจ็บหนักมากจริงๆ หากไม่กลายเป็นมารโลหิตเขาคงต้องตาย”
แต่มารโลหิตอยากเป็นก็จะเป็นได้งั้นหรือ มีบางคนที่มีองค์เทพคอยประทานอาหารให้กิน ตัวอย่างเช่นเฮ่อหลันชิง นางเป็นคนที่ไม่ต้องฝึกอะไรก็สามารถบุกน้ำลุยไฟได้ ส่วนเนื้อแท้ของอวิ๋นซู่ผู้นี้ เอาเข้าจริงไม่นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์ด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเขาจำเป็นต้องสูบวรยุทธ์จากผู้อื่นหรือ
คอยดูไปแล้วกัน มารโลหิตเป็นไม่ได้ง่ายๆ เพียงนั้นหรอก
…