หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 71-2 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 71-2 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
ตอนที่ 71-2 ผู้พิทักษ์เหลียนใจสลาย
ภายในห้องศิลาที่มืดสลัว อวิ๋นซู่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็ง
ตรงหน้าเตียงน้ำแข็งมีผู้พิทักษ์เหลียน เย่ว์หวารวมถึงปรมาจารย์เวทคนใหม่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าประหลาด
สายตาทั้งสามนิ่งมองไปที่อวิ๋นซู่
อาการของอวิ๋นซู่เลวร้ายกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เสียอีก ในแต่ละวันช่วงเวลาที่เขามีสติมีอยู่ไม่นาน โดยมากมันอยู่ในอาการสะลึมสะลือเพราะความเจ็บปวด
ติดตามอวิ๋นซู่มานานเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้
หากไม่ใช่มีผู้พิทักษ์เหลียนคอยยืนยันอยู่ข้างๆ เย่ว์หวากับปรมาจารย์คนใหม่น่ากลัวว่าคงเริ่มเตรียมการงานศพของอวิ๋นซู่กันแล้ว
“ข้าได้ยินว่าเจ้าจับผู้พิทักษ์เจิงไปขัง” เย่ว์หวาเอ่ย
ผู้พิทักษ์เหลียนปรายตามองอีกฝ่ายเรียบๆ “เวลานี้ใช่เวลาเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้หรือ”
เย่ว์หวายักไหล่ “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าไม่อยากตอบก็แล้วไปเถิด ข้าไม่ได้บังคับเสียหน่อย”
ผู้พิทักษ์เหลียนตีหน้าขรึม “อีกเดี๋ยวต้องให้พวกเจ้าสร้างค่ายปราการให้เจ้าสำนัก จำไว้ ห้ามเกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด”
เย่ว์หวากระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “มั่นใจหรือว่าจะทำเช่นนี้”
ผู้พิทักษ์เหลียน “ไม่มีวิธีอื่นแล้ว หากยังชักช้าต่อไปอีก คงรักษาชีวิตเจ้าสำนักเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
เย่ว์หวายังคงไม่วางใจ “แต่ว่า…”
ผู้พิทักษ์เหลียนเชิดคางขึ้น “มีอะไรต้องแต่อีก เพียงต้องมีชีวิตต่อไปเท่านั้น จึงคิดหาทางอื่นต่อไปได้”
หากเจ้ามีวิธีการอื่น คงไม่ต้องถึงขั้นสะกดมารโลหิตเอาไว้นานเพียงนั้นแล้วยังหาทางกำจัดเขาไม่ได้อีกหรอก โ
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เย่ว์หวาแค่คิดในใจก็พอแล้ว เวลานี้ยัยเฒ่าผู้นี้กลายเป็นตัวแทนเจ้าสำนักไปครึ่งตัวแล้ว จึงไม่ใช่คนที่ประมุขอย่างเขาสามารถทำให้ไม่พอใจได้อีก
เย่ว์หวานิ่งคิดก่อนจะเอ่ยเตือนคำหนึ่งว่า “ที่เจ้าทำเป็นการดื่มยาพิษแก้กระหาย”
ผู้พิทักษ์เหลียนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน “ความหมายของเจ้าคือจะคอยมองเจ้าสำนักตายไปงั้นหรือ”
เย่ว์หวามองฟ้าด้วยความจนใจ “ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้น”
“เอ่อคือ…” ปรมารจารย์เวทคนใหม่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อน “เรื่องสำคัญเพียงนี้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งแก่เจ้าสำนักน้อยหน่อยหรือ”
เย่ว์หวามองผู้พิทักษ์เหลียนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ผู้พิทักษ์เหลียนกำไม้เท้าแน่น เอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิมว่า “เจ้าสำนักน้อยได้รับบาดเจ็บระหว่างสู้กับมารโลหิต ให้เขามาก็ช่วยอะไรไม่ได้”
ปรมาจารย์เวทคนใหม่ “ความหมายของข้าคือไม่ต้องให้เขารับรู้…”
เย่ว์หวากำลังดูเรื่องสนุก มุมปากยกขึ้น ปล่อยให้ปรมาจารย์เวทคนใหม่แหย่รังแตนต่อไป
ปรมาจารย์เวทคนใหม่เอ่ยไปได้ครึ่งประโยคก็ได้รับสายตาดุคมเป็นรางวัล เขาหดคอปิดปากเงียบ
ผู้พิทักษ์เหลียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จุดเทียนทั้งหมดภายในห้อง “เอาล่ะ ข้าต้องเตรียมเริ่มแล้ว เย่ว์หวาเจ้าใช้กำลังภายในรักษาชีพจรหัวใจของเจ้าสำนักไว้ อีกเดียวหลังจากไขเลือดเข้าสู่ร่างกายแล้ว อาจจะเกิดไอมารขึ้นอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ต้องรบกวนปรมาจารย์เวทแล้ว”
วิชาที่ปรมาจารย์เวทฝึก อันที่จริงไม่เพียงพอจะกับมือไอมารโลหิตที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้
ผู้พิทักษ์เหลียนประคองอวิ๋นซู่ขึ้นนั่งบนเตียงน้ำแข็ง แล้วให้เย่ว์หวานั่งข้างหลังเขา
เย่ว์หวาใช้มือขวาที่ขยับได้เดินกำลังภายในแล้วเอาวางลงบนหลังของอวิ๋นซู่ ก่อนจะค่อยๆ ถ่ายกำลังภายในเข้าร่างเขา
ผู้พิทักษ์เหลียนเอาไขเลือดที่อยู่ในไหเล็กๆ ออกมา ค่อยๆ เปิดออก กลิ่นเลือดคละคลุ้งค่อยๆ กระจายไปทั่วห้อง
ผู้พิทักษ์เหลียนเอ่ยเตือนว่า “พวกเจ้ารีบปิดปราณ อย่าให้ไอมารเข้าสู่ร่างกายเด็ดขาด”
เย่ว์หวากับปรมารจารย์เวทรีบปิดปราณ
ผู้พิทักษ์เหลียนอุ้มเพียงพอนหิมะตัวน้อยเข้ามา วางมันลงบนตำแหน่งตันเถียนของอวิ๋นซู่ ที่นี่จะเป็นจุดที่ไอมารรวมตัวกันอยู่มากที่สุด เจ้าตัวน้อยนี้สามารถดูดเอาไปได้บ้าง
เพียงพอนหิมะเบิกตาโตด้วยความงุนงง
ผู้พิทักษ์เหลียนหยิบมีดที่คมกริบออกมา
ผู้พิทักษ์เหลียนเริ่มช่วยอวิ๋นซู่ดูดซับไขเลือดของมารโลหิต
ในไหเล็กๆ อันนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ไอเลือดทั้งหมด วรยุทธ์ของมารโลหิตกล้าแกร่งเกินไป ด้วยสภาพร่างกายของอวิ๋นซูในเวลานี้ทนรับจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้ ผู้พิทักษ์เหลียนจึงเอามาเพียงหนึ่งในสิบส่วน
แต่แค่หนึ่งในสิบส่วนนี้ก็ยากมากแล้วที่อวิ๋นซู่จะได้รับไป
ในที่สุดไขเลือดก็เข้าสู่ร่างกายจนหมด
ในตอนนั้น รอบตัวอวิ๋นซู่มีไอสีดำพวยพุ่งขึ้นมาทันตาเห็น
ผู้พิทักษ์เหลียนรีบเอ่ยว่า “รักษาชีพจรหัวใจเจ้าสำนักไว้!”
เย่ว์หวาใส่กำลังภายในที่หนาแน่นมากขึ้นเข้าไปอีก พยายามรักษาชีพจรหัวใจของอวิ๋นซู่ไว้เต็มที่ ไม่ให้ไอมารเล็ดรอดออกมา และไม่มีกำลังภายในที่มากเกินไปทำชีพจรของอวิ๋นซู่ต้องแตกสลาย
ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์เวทคนใหม่ก็เดินวรยุทธ์ พยายามข่มไอมารในตัวอวิ๋นซู่เอาไว้
เพียงพอนตัวน้อยก็คอยช่วยเลียไอมารที่ลอยออกมานอกจุดตันเถียน
ไอมารค่อยๆ ถูกคุมไว้ได้ อาการของอวิ๋นซู่เริ่มดูดีขึ้น สีหน้าที่ซีดขาวจนแทบจะโปร่งใสของเขาค่อยๆ มองเห็นสีเลือด
ผู้พิทักษ์เหลียนลูบใบหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ใช่ว่าดีขึ้นมากแล้วหรือไม่”
พอสิ้นเสียงนาง อวิ๋นซู่ก็ลืมตาขึ้น
เขาเบิกตาโต นัยน์ตาเป็นสีแดงฉาน ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ปรมาจารย์เวทคนใหม่เหลือบมองทีหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นไม่เหมือนดวงตาของคนแล้ว ปรมาจารย์เวทคนใหม่ตกใจจนตัวโงนเงน
พอตัวเขาโงนเงน ไอพิษในกายอวิ๋นซู่ก็สูญเสียการควบคุม และเริ่มปั่นป่วนอยู่ในร่างกาย
สัญชาตญาณของเพียงพอนหิมะรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงกระโดดออกไปก่อน!
วินาทีต่อมา อวิ๋นซู่อ้าปากคำราม กางแขนที่เส้นเลือดเต้นตุบๆ มือคว้าโต๊ะที่อยู่ข้างๆ แล้วทุ่มลงกับพื้นโดยแรง
หลังจากนั้นเขาชกหมัดหนึ่งใส่เย่ว์หวาที่อยู่ด้านหลังจนล้มคว่ำ
เย่ว์หวากำลังถ่ายกำลังถ่ายวรยุทธ์ให้เขาอยู่ เมื่อจู่ๆขาดตอน จึงสะท้อนกลับอย่างรุนแรง เขารู้สึกเจ็บที่หน้าอก ก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต
เท่านั้นยังไม่พอ เขาหันไปคว้าปรมาจารย์เวท แล้วโยนไปชนกำแพง ถูกกระแทกจนเป็นรูใหญ่
เขาเดินเข้าไปหาผู้พิทักษ์เหลียนต่อ
ผู้พิทักษ์เหลียนมองอีกฝ่ายด้วยความตระหนกและเป็นห่วง “เจ้าสำนัก ท่านเป็นอะไร ข้าคือผู้พิทักษ์เหลียนอย่างไร ท่านตั้งสติหน่อย ตั้งสติหน่อย!”
อวิ๋นซู่ชกหมัดใส่นาง!
ผู้พิทักษ์เหลียนรีบคว้าไม้เท้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมากัน
ไม้เท้าถูกหมัดของอวิ๋นซู่ชกจนหัก
ผู้พิทักษ์เหลียนมองอวิ๋นซู่ที่สติกระเจิงอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าสำนัก นี่ข้าเอง! นี่ข้าเอง!”
อวิ๋นซู่ที่สองตาแดงฉานยกมือสองข้างขึ้นบีบคอผู้พิทักษ์เหลียน
ผู้พิทักษ์เหลียนถูกบีบคอจนหายใจไม่สะดวก ใบหน้ากลายเป็นสีเลือดหมูอย่างรวดเร็ว
นางลองพยายามดึงมืออวิ๋นซู่ออก แต่ฝ่ามือใหญ่ของอวิ๋นซู่คล้ายติดแน่นอยู่กับลำคอของนาง
นางเอ่ยเรียกอย่างยากลำบาก “อวิ๋น… อวิ๋น… อวิ๋นซู่…”
เสียงโครมดังสนั่นขึ้น เย่ว์หวาเงื้อเก้าอี้มาฟาดอวิ๋นซู่จนสลบไป
พออวิ๋นซู่สลบล้มลงกับพื้น ไอเลือดของมารโลหิตในตัวก็ไหลออกมาเอง
ไม่เพียงแค่ไขเลือด กระทั่งเลือดของตัวเขาเองก็เริ่มทะลักออกมาไม่หยุด
“ยาห้ามเลือด!”
“ยาให้เลือดแข็งตัว!”
“ยาจินชวง!”
“น้ำอมฤต!”
เย่ว์หวาส่งมาให้นางทีละอย่าง
แต่ปากแผลก็ยังไร้หนทางสมาน
ผู้พิทักษ์เหลียนใช้ผ้าป่านกดปากแผลไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย กรีดร้องออกมาแทบขาดใจ “ไม่…ไม่…ไม่…”
…
ในฟางชุ่ยหยวน เฉียวเวยนั่งพักผ่อนอยู่อย่างเบื่อหน่าย
เฉียวเจิงเข้ามาทุกหนึ่งเค่อ คอยดูไม่ให้นางไปซุกซนที่ไหน
เฉียวเวยอยู่เฉยๆ จนหญ้าแทบจะขึ้นอยู่แล้ว
นางผลักเปิดหน้าต่าง ซบลงกับขอบหน้าต่าง จับดอกไห่ถางสีแดงเล่นแก้เบื่อ
ต้นไห่ถางกระถางนี้มีดอกอยู่ทั้งหมดสิบแปดดอก แต่ละดอกมีกี่กลีบนางนับอย่างละเอียด
ชีวิตคนหนอชีวิตคน เหตุใดถึงว่างได้ขนาดนี้
เฉียวเวยใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง จะออกไปคงไม่มีทาง แต่จะให้หมกตัวอยู่แต่ในนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง
หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เฉียวเวยก็ตัดสินใจทำเสื้อผ้าให้บุตรคนที่สาม
เฉียวเวยเอาตะกร้าเครื่องเย็นปักมา จะไปปิดหน้าต่าง ตรงหน้าต่างที่จุดหนึ่งที่ปริแตก เฉียวเวยไม่ทันเห็น นิ้วชี้ของมือขวาเลยถูกบาดจนได้แผล
แผลนั้นลึกพอสมควร แทบจะเห็นเนื้ออยู่แล้ว
นางกุมนิ้วไปหายาจินชวง
แต่พอนางหายาจินชวงเจอ กำลังจะใส่ยาให้ตนเอง กลับต้องตกใจที่พบว่าแผลที่นิ้วของตนหายไปแล้ว
เฉียวเวยตาโตอ้าปากค้าง “ข้าตาฝาดไปหรือ”