หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 74-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 74-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (2)
ตอนที่ 74-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (2)
เย่ว์หวาร้องอ้อแล้วตอบว่า “เจ้าหมายถึงเม็ดโลหิตของมารโลหิตสินะ ไม่ผิดจากที่คิด สาวน้อยแซ่เฉียวคนนั้นกินลงไปแล้ว หลังจากกินลงไปก็หายสนิท”
“เด็กเล่า” ผู้พิทักษ์เหลียนแววตาทอประกายลุ่มลึกถาม
เย่ว์หวายกมุมปากยิ้ม “ยังรอด”
ผู้พิทักษ์เหลียนกำไม้เท้าในมือแน่น
เย่ว์หวาว่าอย่างเสียดาย “เม็ดโลหิตเป็นของดีจริงๆ บาดเจ็บถึงขั้นนั้นแล้วยังช่วยให้รอดได้ หากตอนนั้นพวกเราไม่ปล่อยมารโลหิตไป แต่ควักเม็ดโลหิตของเขาออกมาเสียก็คงมีหนทางช่วยเจ้าลัทธิแล้วใช่หรือไม่”
แววตาของผู้พิทักษ์เหลียนถมึงทึง “ไปจับตัวสาวน้อยคนนั้นมา”
เย่ว์หวาอึ้งไปทันที “เจ้าล้อเล่นแล้วกระมัง ตอนนี้เฮ่อหลันชิงเฝ้านางไม่ยอมห่างสักก้าว เจ้าจะให้ใครไปจับตัวนาง จักรพรรดิอสูรหรือ”
ผู้พิทักษ์เหลียนหลับตาลงบอกว่า “นางกินเม็ดโลหิตของมารโลหิตลงไปแล้ว เลือดของนาง…ช่วยเจ้าลัทธิได้”
เย่ว์หวาแค่นเสียงหยัน “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ส่งคนไปจับเองเถิด ข้าอับจนหนทาง”
ตอนนั้นเองผู้พิทักษ์เหลียนก็พูดขึ้นมาช้าๆ “เจ้าไปเรียกเจ้าลัทธิน้อยมา”
เย่ว์หวากลอกตา ส่งศิษย์ไปมากมายขนาดนั้นยังไร้ประโยชน์ ดันจะส่งเจ้าคนพิการอ่อนแอคนนั้นไป เป็นคนที่เจ้าลัทธิไว้ใจแล้วสุดยอดนักหรือ เป็นแค่ผู้พิทักษ์แท้ๆ แต่กลับกล้าชี้นิ้วสั่งเขาที่เป็นถึงท่านประมุข!
ในใจเย่ว์หวาต่อว่าต่อขานแต่ก็ยังไปทำตามคำสั่ง
ยิ่นอ๋องคิดไม่ถึงว่าผู้พิทักษ์เหลียนจะเป็นฝ่าย ‘เรียก’ ตนเองไปพบ นับตั้งแต่มารโลหิตถูกยอดหญิงงามพาตัวออกไปจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์โดยพลการ เกาะอิ๋นหูก็ยิ่งคุมเข้ม เขาไม่มีโอกาสขึ้นไปบนเกาะอีกต่อไป เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเสียสละตนเองสักหนเพื่อให้ยอดหญิงงามขโมยตัวอวิ๋นซู่ออกมาดีหรือไม่ ตอนนั้นเองผู้พิทักษ์เหลียนก็เรียกพบเขาพอดี
แม้ยิ่นอ๋องจะไม่รู้ว่านางปีศาจเฒ่าคนนั้นซ่อนสิ่งใดไว้ในน้ำเต้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ตัวเขาเป็นถึงเจ้าลัทธิน้อยของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงไม่คิดว่านางปีศาจเฒ่าคนนั้นจะกล้าเล่นอะไรนอกกฎกับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางไปหาอย่างไม่กลัวเกรง
หลังจากขึ้นไปบนเกาะเขาก็ถูกศิษย์หญิงนางหนึ่งนำทางเข้าไปในตำหนักบรรทมอันประดับประดาด้วยหยกและทองคำจนสว่างไสวเรืองรองที่เขาเคยมา ‘เยี่ยมเยือน’ แล้วหนหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าสถานที่เช่นนี้หากให้อวิ๋นจูอยู่ยังพอว่า แต่ให้นางปีศาจเฒ่าคนนั้นอยู่ ช่างเสียของอย่างแท้จริง
“เจ้าลัทธิน้อย เชิญ” ศิษย์หญิงเปิดประตูห้องด้านข้าง
“อืม” ยิ่นอ๋องเดินเข้าไปอย่างวางมาด
ผู้พิทักษ์เหลียนนั่งจิบน้ำชาอย่างอ้อยอิ่งอยู่ตรงตำแหน่งเจ้าบ้าน
ยิ่นอ๋องโมโหขึ้นมาทันใด นางปีศาจเฒ่าคนนี้ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมหรือไร เห็นเขาแล้วยังไม่คำนับอีก!
“ในเมื่อเจ้าลัทธิน้อยมาแล้วก็เชิญนั่งเถิด” ผู้พิทักษ์เหลียนดื่มน้ำชาคำหนึ่งแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
ยิ่นอ๋องสะบัดแขนเสื้อนั่งลงอย่างเย็นชา “เจ้าเรียกหาข้ามีเรื่องอันใด เจ้าลัทธิเล่า เจ้าซ่อนเขาไว้ที่ใด”
ผู้พิทักษ์เหลียนตอบอย่างเชื่องช้า “เจ้าลัทธิอยู่ด้านในห้อง”
ยิ่นอ๋องรีบลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านเดินเข้าไปในห้อง เพียงครู่เดียวเขาก็เดินหน้าบึ้งออกมา เขาขมวดคิ้วมองผู้พิทักษ์เหลียนแล้วถามว่า “เจ้าทำสิ่งใดกับเจ้าลัทธิ เหตุใดเขาจึงมีสภาพเป็นเช่นนั้น!”
ผู้พิทักษ์เหลียนวางถ้วยลงแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ นางประสานสายตากับแววตาข่มขวัญของยิ่นอ๋องแล้วตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ก่อนหน้านี้เจ้าลัทธิถูกพิษ ธาตุไฟเข้าแทรกอยู่แล้ว ต่อมายังถูกตะปูสะกดวิญญาณทำร้ายจนเส้นเลือดในสมองแตก สุดท้ายก็ถูกจักรพรรดิอสูรเล่นงานไปอีกหนึ่งหน ท่านว่าข้ายังต้องทำอะไรกับเขาอีกอย่างนั้นหรือ” โ
ไม่ทำอะไร อวิ๋นซู่ก็คงได้แต่นอนรอความตาย…ยิ่นอ๋องสะอึกเงียบไปพลัน แต่ยิ่นอ๋องก็ยังรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องสักแห่ง “ในเมื่อเจ้าลัทธิบาดเจ็บก็สมควรเชิญหมอมา เหตุใดเจ้าจึงเอาเขามาขังไว้บนเกาะ”
ผู้พิทักษ์เหลียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ทั่วทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์มีหมอที่เก่งกาจกว่าข้าอีกหรือไร”
ยิ่นอ๋องถูกแม่เฒ่าคนนี้ทำให้สะอึกอีกหน เขากระแอมแล้วดันทุรังถามต่อว่า “ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องตามจับตัวมารโลหิต เจ้าคิดจะทำอันใดกับเจ้าลัทธิ”
ผู้พิทักษ์เหลียนตอบว่า “เจ้าลัทธิบาดเจ็บจนถึงขั้นนี้ มีแต่มารโลหิตที่ช่วยเขาได้ น่าเสียดายข้าช้าไปก้าวหนึ่ง เม็ดโลหิตของมารโลหิตถูกคนควักออกไปแล้ว แต่เดิมข้าคิดว่าไขเลือดจะใช้ได้ผลเหมือนกัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามันดันไม่เป็นเช่นนั้น”
ยิ่นอ๋องไม่ค่อยอยากจะเชื่อถือคำพูดของผู้พิทักษ์เหลียนนัก แต่สัญชาตญาณกลับบอกเขาว่าหนนี้นางไม่ได้พูดโกหก
ผู้พิทักษ์เหลียนเดินมาหายิ่นอ๋อง นางมองลึกลงไปในดวงตาของเขาอย่างไม่หลีกหลบแม้แต่น้อย “ท่านเชื่อข้าเถิด ข้าอยากให้บิดาของท่านมีชีวิตอยู่มากกว่าผู้ใดทั้งนั้น ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดใส่ใจเขาเท่ากับข้าอีกแล้ว…”
นางปีศาจเฒ่าคนนี้คงไม่ได้แอบรักอวิ๋นซู่ใช่หรือไม่
ยิ่นอ๋องถูกข้อสันนิษฐานของตนเองทำให้สะอิดสะเอียนอย่างรุนแรง แม้รูปโฉมของบิดาเขาจะไม่เลวร้าย แต่นางปีศาจเฒ่าคนนี้อายุเป็นแม่ของอวิ๋นซู่ได้แล้ว นางจะมีรสนิยมวิปริตเกินไปหรือไม่
ผู้พิทักษ์เหลียนจับแขนของยิ่นอ๋องอย่างแผ่วเบา แล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนทำเพื่อบิดาของท่าน ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เป็นของบิดาท่าน ในอนาคตก็ย่อมเป็นของท่าน ท่านก็เห็นพวกอวิ๋นจูแล้ว พวกเขาอยากแย่งชิงลัทธิศักดิ์สิทธิ์กลับไปอย่างไม่ยอมรามือ…ข้ารู้ว่าอวิ๋นจูเป็นท่านยายของท่าน แต่นางไม่ใช่ท่านยายของท่านเพียงคนเดียว จีหมิงซิวกตัญญูต่อนางเช่นไร ท่านวางแผนเล่นงานนางเช่นไร ท่านคิดว่านางจะยกลัทธิศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านหรือ ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ต้องอยู่ในมือบิดาของท่านเท่านั้น ท่านจึงจะได้สืบทอดลัทธิศักดิ์สิทธิ์ หากบิดาของท่านตาย ท่านก็จะไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น”
ยิ่นอ๋องกำหมัดแน่น
ผู้พิทักษ์เหลียนเอ่ยต่อว่า “เม็ดโลหิตถูกจั๋วหม่าน้อยกินเข้าไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงเลือดของจั๋วหม่าน้อยที่ช่วยบิดาของท่านได้”
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้ว “เจ้าอยากให้ข้าไปสังหารเฉียวซื่อหรือ”
ผู้พิทักษ์เหลียนส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าท่านทำไม่ลง ข้าจะไม่บังคับให้ท่านทำเช่นนั้น ความจริงขอเพียงเอาเลือดของนางมาได้นิดเดียวก็เพียงพอ เลือดของนางเพียงเล็กน้อยผสมกับไขเลือดของมารโลหิต บิดาของท่านก็จะรอด…
…คุณหนูน้อยทั้งสามคนน่ารักยิ่งนัก ตอนนี้ข้าจะส่งพวกนางคืนให้ท่าน”
…
เมื่อยิ่นอ๋องกลับมาถึงที่พักของตนก็พบว่าแม่ชีน้อยทั้งสามคนกลับมาแล้วจริงๆ คนหนึ่งกำลังปีนต้นไม้ อีกคนกำลังกลิ้งไปกับผืนหิมะ ส่วนอีกคนหนึ่งไม่รู้ทำอีท่าไหนจึงปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วกระโดดลงมา!
ยิ่นอ๋องตกใจจนหัวใจขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ เขาพุ่งตัวเข้าไปรับเจ้าสามไว้ในอ้อมแขน
ฝั่งนี้เพิ่งรับตัวเจ้าสามได้สำเร็จ อีกฝั่งหนึ่งเจ้าสองที่ปีนขึ้นไปถึงยอดของต้นไม้ก็กระโดดลงมาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงบ้าง
ยิ่นอ๋องวิ่งไปรับเจ้าสองต่อ
แต่แล้วเจ้าใหญ่ที่ปีนขึ้นไปบนโอ่งน้ำใบหนึ่งก็หงายหลังร่วงตู้มลงไปด้านใน
ตอนที่ยิ่นอ๋องหิ้วเจ้าใหญ่ที่เนื้อตัวเปียกโชกขึ้นมาจากโอ่งน้ำ เจ้าสองกับเจ้าสามก็วิ่งหนีหายไปไม่เห็นเงาแล้ว
ปล่อยทิ้งไว้ที่เรือนของอวิ๋นซู่เสียดีกว่ากระมัง…
ตกกลางคืนคนทั้งครอบครัวก็ทานอาหารเย็นด้วยกัน แม่ชีน้อยทั้งสามยืนเรียงแถวกระโดดลงไปในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะเริ่มแช่น้ำ
ยิ่นอ๋องเอ่ยเรื่องเลือดกับยอดหญิงงาม
ยิ่นอ๋องคิดมาแล้ว ดูจากความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเฉียวซื่อ ไม่ต้องพูดถึงเลือดสักหยด น่ากลัวว่าแม้แต่ผมสักเส้นเฉียวซื่อก็คงไม่ยอมมอบให้ตน
แต่ยอดหญิงงามต่างกัน ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นสหาย
ยิ่นอ๋องกระแอมด้วยท่าทางขึงขังอย่างยิ่ง “หนก่อนให้เจ้าพามารโลหิตมาไว้ที่ห้องของข้า ผู้ใดให้เจ้าพาเขาออกไป เห็นแก่…ลูกทั้งสามคน เรื่องนี้ข้าจะไม่ถือสาหาความกับเจ้า”
ยอดหญิงงามยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบนหน้าตัก “พูดภาษาคน”
ยิ่นอ๋องเหลือบเห็นท่าทางเถื่อนถ่อยของนาง มุมปากก็กระตุกอย่างแรง แต่วันนี้มีเรื่องจะขอร้องนาง เขาจึงกดเพลิงโทสะลงไป “ข้าอยากขอให้เจ้า…ช่วยข้าอีกสักเรื่อง”
ยอดหญิงงามมองเขายิ้มๆ “เจ้ารู้กฎใช่หรือไม่”
แพขนตาของยิ่นอ๋องกระพือไหวผิดจังหวะ เรือนร่างเล็กสั่นเทาเขยิบเข้าไปข้างกายนาง
ยอดหญิงงามเชยคางคมสันของเขาขึ้นมาแล้วอมยิ้มถามว่า “หนนี้ต้องการสิ่งใดเล่า”
ยิ่นอ๋องเอ่ยตอบ “เลือดของเฉียวซื่อ”
ยอดหญิงงามยิ้ม “เลือดของเสี่ยวเวยหรือ”
“อืม”
“ต้องการเท่าไร”
ยิ่นอ๋องถามอย่างคลางแคลง “เจ้าไม่ถามข้าหรือว่าต้องการเลือดของนางไปทำสิ่งใด”
ยอดหญิงงามมองใบหน้าของเขาอย่างหลงใหลแล้วตอบอย่างยั่วเย้า “ทำสิ่งใดล้วนไม่สำคัญ ข้าเคยบอกแล้วว่าขอเพียงเจ้ายอมจุมพิตข้า ไม่ว่าสิ่งใดข้าก็ช่วยเจ้าทำได้ทั้งนั้น ต้องการเท่าใดเล่า”
ยิ่นอ๋องส่งขวดใบน้อยให้นาง “ครึ่งขวดก็พอแล้ว“
ยอดหญิงงามรับขวดมา “โอ๊ะ ปริมาณเท่านี้ไม่น้อยนะ จุมพิตหนเดียวคงไม่พอ ต้องให้ข้านอนด้วยสักรอบ”
ยิ่นอ๋องพองขน “เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปทำเอง!” ยอดหญิงงามโยนขวดกลับไปในอ้อมแขนของเขา
ยิ่นอ๋องกัดฟัน “เจ้า…เจ้า…เจ้ารับประกันได้หรือไม่ว่าจะเอามาได้”
ยอดหญิงงามคลี่ยิ้มดูลึกลับ
ยิ่นอ๋องถูกรอยยิ้มของนางเล่นงานจนมึนงง เขาผินหน้าหลบ ฟังนางเอ่ยชัดๆ ทีละคำ “ไม่ใช่แค่เลือดของเสี่ยวเวยหรือ เจ้าต้องการเท่าใด ข้าก็เอามาให้เจ้าได้เท่านั้น!”
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้นยิ่นอ๋องก็มีสภาพประหนึ่งบุปผางามชอกช้ำเพราะถูกพายุฝนกระหน่ำ สองขาของเขาสั่นระริก เนื้อตัวสั่นเทานอนอยู่บนเตียงนอนอันเละเทะ
ยอดหญิงงามถือขวดเดินออกไปจากเรือน แล้วหาสถานที่ลับตาคนแห่งหนึ่งกรีดข้อมือของตนเอง “ไม่ใช่แค่เลือดของเสี่ยวเวย[1]หรอกหรือ เจ้าต้องการเท่าไร ข้าก็เอามาให้เจ้าได้เท่านั้น!”
[1] เสี่ยวเวย ชื่อเล่นของเฉียวเวยกับยอดหญิงงามออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนคนละตัวอักษร