หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 75-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (3)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 75-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (3)
ตอนที่ 75-2 ชาติกำเนิดกับความจริง (3)
เฉียวเวยไม่สนใจกล่องเหล็กของอวิ๋นชิงนัก นางสนใจชาติกำเนิดของอวิ๋นซู่มากกว่า คิดไม่ถึงว่ามารร้ายคนนี้จะเป็นบุตรชายแท้ๆ ของผู้พิทักษ์เหลียน ว่ากันว่าในตระกูลใหญ่มักจะมีเรื่องน้ำเน่าเกิดขึ้นมากมาย ลัทธิศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็ไม่แพ้ผู้ใดทั้งสิ้น
หากเป็นเช่นนี้ยิ่นอ๋องไยไม่ใช่หลานชายแท้ๆ ของผู้พิทักษ์เหลียนด้วย
เฉียวเวยหนาวสะท้าน “หนแรกที่ข้าพบนางในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ นางปล่อยพวกเราหนีมา ข้าคิดว่านางเป็นคนดีเสียอีก คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ! ลัทธิศักดิ์สิทธิ์รู้ชาติกำเนิดของอวิ๋นซู่หรือยัง”
จีหมิงซิวตอบว่า “ยังไม่รู้ ตอนนี้ข้ากำลังคิดหาวิธีพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับอวิ๋นชิงอยู่”
เฉียวเวยว่าอย่างคับแค้น “อืม ต้องพิสูจน์ให้จงได้! นางรักอวิ๋นชิงจึงริษยาท่านยาย แย่งชิงทุกสิ่งของท่านยายไป”
นิ้วชี้ของจีหมิงซิวเคาะบนโต๊ะเบาๆ “เบาะแสถูกกำจัดเกลี้ยงเกลานัก ตอนนี้ยังหาพยานมาชี้ตัวนางไม่ได้”
เฉียวเวยครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ความจริง…หากนางเคยคลอดบุตร จะมีพยานพิสูจน์หรือไม่ก็มีหลักฐานอยู่ดีไม่ใช่หรือ เพียงหาหมอตำแยสักคนมาตรวจร่างกายนางก็พิสูจน์ได้แล้วว่านางเคยคลอดบุตรมาก่อน”
จีหมิงซิวดวงตาเป็นประกาย “หมอตำแย…เหตุไฉนข้าจึงคิดไม่ถึง”
เฉียวเวยหันไปมองจีหมิงซิวอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
จีหมิงซิวเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ พลางยกมือขึ้นมาหยิกดวงหน้าของนาง “รอข่าวดีจากข้า!”
เฉียวเวยมองแผ่นหลังที่ผละออกไปอย่างรวดเร็วของเขาแล้วตะโกนเสียงดัง “นี่ ท่านจะไปที่ใดกัน ข้าเองก็เป็นหมอนะ! ข้าก็ตรวจได้ว่านางเคยมีบุตรหรือไม่!”
…
จีหมิงซิวเดินทางไปหากงซุนฉางหลีที่เมืองอวิ๋นจง ไม่รู้เพราะเหตุใดการป้องกันของลัทธิศักดิ์สิทธิ์จึงแน่นหนาขึ้นมาก จีหมิงซิวไม่เสี่ยงอันตรายบุกเข้าไปในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แต่ให้กงซุนฉางหลีแวะไปคุกใต้ดินเพียงลำพัง
“สิ่งที่ข้าสมควรพูด ข้าล้วนพูดไปหมดแล้ว เจ้ายังจะถามสิ่งใดอีก” ผู้พิทักษ์เจิงถามอย่างจนปัญญา
กงซุนฉางหลีถามขึ้นมาว่า “ผู้พิทักษ์เจิง ครานั้นอดีตฮูหยินให้กำเนิดเจ้าลัทธิอวิ๋นซู่ที่ใด ใช่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
ผู้พิทักษ์เจิงตอบว่า “ไม่ใช่ เจ้าลัทธิเกิดที่เมืองเยี่ยเหลียง”
กงซุนฉางหลีถามอย่างประหลาดใจ “เมืองเยี่ยเหลียงหรือ เหตุไฉนจึงไปคลอดที่นั่นเล่า” โ
ผู้พิทักษ์เจิงตอบว่า “ไม่ได้ตั้งใจไปคลอดที่นั่นหรอก หนนั้นเจ้าลัทธิอวิ๋นชิงเดินทางไปเมืองเยี่ยเหลียงเพื่อทำภารกิจบางอย่าง ระหว่างทางอาการบาดเจ็บภายในกำเริบ อดีตฮูหยินทราบข่าวจึงไม่สนใจคำห้ามปราม ออกเดินทางไปเมืองเยี่ยเหลียง ยามนั้นอดีตฮูหยินใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว ผลสุดท้ายคืนที่เดินทางถึงเมืองเยี่ยเหลียงก็คลอดเด็กออกมา”
กงซุนฉางหลีแววตาเป็นประกายระยับ “ตอนนั้นเจ้าก็อยู่ด้วยหรือ”
ผู้พิทักษ์เจิงพยักหน้า “ข้ากับเจ้าลัทธิไปทำภารกิจด้วยกัน เจ้าถามเรื่องนี้ทำอะไร”
กงซุนฉางหลีแววตาทอประกาย ตอบว่า “ข้าสงสัยว่าการตายของอดีตฮูหยินมีเงื่อนงำ”
“ใช่ฝีมือสตรีนางนั้นหรือไม่” ผู้พิทักษ์เจิงขยับเข้ามาหากงซุนฉางหลีแล้วกระซิบเสียงเบา “ข้าสงสัยสตรีนางนั้นเหมือนกัน นางมีพิรุธหลายอย่าง เรื่องมารโลหิต เรื่องจักรพรรดิอสูร แล้วยังมีเรื่องที่ต่อสู้กับคุณหนูอวิ๋นจูหนนี้อีก…สตรีนางนั้นคิดจะยึดครองลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจะได้กลายเป็นเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่”
กงซุนฉางหลีตอบอย่างไม่เผยสีหน้าสักนิด “เรื่องนี้…ข้ากำลังสืบอยู่ หากมีข่าวจะแจ้งเจ้าทันที จริงสิ เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่ายามนั้นพวกเจ้าพักค้างแรมกันที่ใด แล้วเชิญหมอตำแยมาจากที่ใด”
ผู้พิทักษ์เจิงนึกย้อนความทรงจำแล้วตอบว่า “พวกเราค้างแรมกันที่ร้านยาแห่งหนึ่ง ร้านยาแห่งนั้นไม่อยู่แล้ว หมอตำแยก็เป็นคนของร้านยาแห่งนั้นเหมือนกัน”
กงซุนฉางหลีถามว่า “ร้านยาแห่งนั้นมีนามว่าอะไร”
…
บนถนนหนานเถิงรถม้าวิ่งเรียงรายเป็นทิวแถวดุจสายธารา โ
รถม้าที่ภายนอกดูไม่สะดุดตาคันหนึ่งหยุดจอดนอกบ่อนแห่งหนึ่ง หากเฉียวเวยกับฮองเฮาเยี่ยหลัวอยู่ที่นี่จะต้องจำได้แน่นอนว่านี่เป็นบ่อนที่พวกนางเคยมาเยือนเมื่อตอนนั้น
จีหมิงซิวเปิดม่านรถ “แน่ใจหรือว่าเป็นที่นี่”
กงซุนฉางหลีพยักหน้า “หากผู้พิทักษ์เจิงจำไม่ผิด ย่อมเป็นที่นี่”
ทั้งสองคนก้าวลงจากรถม้า
ลูกจ้างที่เฝ้าประตูไม่เคยเห็นคุณชายชนชั้นสูงที่งามสง่าดั่งต้นหยกเล่นลมเช่นนี้มาก่อน แล้วยังมาทีเดียวสองคนอีกด้วย โบราณว่าไว้ ‘ผ่านทางพบคนงามดั่งหยก บุรุษเก่งกาจเป็นหนึ่งมิมีสอง’ แต่วันนี้กลับมีคุณชายผู้งามประหนึ่งหยกเช่นนี้อยู่ถึงสองคน
“คุณชายทั้งสองมาเล่นพนันหรือขอรับ” ลูกจ้างยิ้มถาม
กงซุนฉางหลีตอบว่า “ข้ามาพบเถ้าแก่ของพวกเจ้า”
ลูกจ้างชะงักไปวูบหนึ่ง
กงซุนฉางหลีหยิบเงินถุงหนึ่งออกมาส่งให้ลูกจ้าง
ลูกจ้างมองเงินในมืออย่างละโมบพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เขาปรารถนามันยิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าเขาลังเลอะไร สุดท้ายจึงคืนเงินให้กงซุนฉางหลี
กงซุนฉางหลีถามขึ้นมาว่า “น้อยไปหรือ”
ลูกจ้างตอบอย่างลำบากใจ “เรื่องนี้…พวกท่าน…”
ตอนนั้นเองจีหมิงซิวก็ดีดนิ้ว ในตรอกพลันมีทหารรักษาพระองค์กองหนึ่งตบเท้าเดินออกมา อันธพาลแซ่จีสั่งการทันที “พังให้ราบ”
ทหารรักษาพระองค์บุกเข้าไปอย่างน่าครั่นคร้าม ลูกจ้างรีบร้องว่า “ข้าจะไปหาเถ้าแก่เดี๋ยวนี้! ข้าจะไปหาเดี๋ยวนี้! คุณชายโปรดรอประเดี๋ยว!”
กงซุนฉางหลีหันไปมองจีหมิงซิวอย่างแค้นเคือง
จีหมิงซิวชั่งน้ำหนักถุงเงินในมืออย่างไม่ใสใจ พ่อค้าหรือคิดจะมาสู้ขุนนาง สู้ได้เสียที่ไหนเล่า
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จีหมิงซิวกับกงซุนฉางหลีก็ได้ลูกจ้างพาไปที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่งบนชั้นสอง เถ้าแก่รออยู่ในห้องแล้ว เขาเป็นบุรุษอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างอ้วนท้วนเล็กน้อย ใบหน้าอวบอิ่มแดงระเรื่อ ดูโหงวเฮ้งแล้วเป็นคนมีบุญคนหนึ่ง
ใครไม่รู้บ้างว่าทหารรักษาพระองค์อยู่ใต้บัญชาของมู่อ๋อง คนที่สั่งการทหารรักษาพระองค์ให้เคลื่อนไหวได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนสนิทของมู่อ๋อง
เถ้าแก่เชิญทั้งสองคนนั่งลงแล้วรินชาส่งให้อย่างมีมารยาท ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ไม่ทราบว่าคุณชายทั้งสองให้เกียรติมาเยือน มีธุระประการใดหรือ”
จีหมิงซิวจิบชาไม่พูดอะไร
กงซุนฉางหลีเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า “บ่อนพนันแห่งนี้ของเจ้าเปิดมากี่ปีแล้ว”
เถ้าแก่เห็นภาพนี้ก็รู้แล้วว่าผู้ใดเป็นเจ้านาย เขารั้งสายตากลับมาจากร่างจีหมิงซิว แล้วยิ้มแย้มตอบกงซุนฉางหลีว่า “ยี่สิบปีแล้วขอรับ”
กงซุนฉางหลีถามต่อว่า “ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้เป็นร้านยาแห่งหนึ่ง ข้าจำไม่ผิดใช่หรือไม่”
เถ้าแก่รีบตอบว่า “ขอรับ ขอรับ คุณชายความจำดียิ่งนัก มันเคยเป็นร้านยาแห่งหนึ่ง!”
กงซุนฉางหลีถามต่ออีก “เถ้าแก่ของร้านยาแห่งนั้นไปที่ใดแล้ว”
เถ้าแก่แววตาวูบไหว “เอ่อ..คุณชายถามเรื่องนี้ทำไมหรือขอรับ”
ทันใดนั้นจีหมิงซิวก็ปักมีดสั้นลงบนโต๊ะ!
เถ้าแก่ตกใจกลัวจนตัวสั่น ลนลานตอบว่า “เถ้าแก่ของร้านยาคือลุงใหญ่ฝั่งมารดาของข้าเองขอรับ!”
สมัยก่อนกิจการของร้านยาแห่งนี้ค่อนข้างดีทีเดียว ต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ จึงปิดกิจการ เถ้าแก่ได้ข่าวจึงเดินทางมาซื้ออาคารของพวกเขา ไหนเลยจะคิดว่าดันไปถูกตาต้องใจลูกสาวของร้านยาเข้า
อดีตเถ้าแก่ของร้านยาเสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งพี่ชายกับน้องสาวไว้แค่สองคน คนพี่นับว่ามีคุณธรรม หลังจากขายร้านยาให้เถ้าแก่ก็แบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งให้น้อง ให้น้องสาวตบแต่งกับเถ้าแก่อย่างมีหน้ามีตา
เถ้าแก่มองมีดสั้นวาววับเล่มนั้นแล้วกำมือที่ชื้นเหงื่อตอบว่า “หากพวกท่านต้องการตามหาลุงใหญ่ของข้า เขาเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนลูกชายของเขาย้ายไปอยู่ที่อื่น”
“ฮูหยินบ้านเจ้าเล่า” จีหมิงซิวเอ่ยปากขึ้นมา
“ผู้ใดตามหาข้า”
ฮูหยินเฒ่าผู้แต่งตัวงดงามเพริศพริ้งคนหนึ่งเดินนวยนาดเข้ามา นางนับว่าหน้าตาดีทีเดียว เพียงแต่โหนกแก้มสูงเกินไปหน่อย คางแหลมเกินไปนิดจึงแลดูเป็นคนเข้มงวดเล็กน้อย
นางมองปราดแรกก็เห็นกงซุนฉางหลีกับจีหมิงซิวที่อยู่ในห้อง ดวงตาเป็นประกายวิบวันทันใด!
“ฮูหยิน” เถ้าแก่เรียกเสียงเข้ม
ฮูหยินยิ้มหยดย้อย “โอ๊ะ เมืองเยี่ยเหลียงของพวกเรามีคุณชายที่สง่างามถึงเพียงนี้มาเยือนตั้งแต่เมื่อใด แล้วยังมาตามหาข้าอีก ทั้งสองท่านมาหาข้าด้วยเหตุใดหรือ”
นางน่าจะอายุราวห้าสิบปีแล้ว ตอนอวิ๋นซู่เกิด อย่างน้อยนางก็ต้องอายุสิบสองสิบสามปี เด็กน้อยอายุเท่านั้นน่าจะจดจำเรื่องราวได้บ้าง
กงซุนฉางหลีหยิบม้วนภาพวาดสามม้วนออกมาจากแขนเสื้อกว้าง แล้วคลี่หนึ่งในนั้นออกมาถามว่า “เจ้าเคยเห็นสตรีนางนี้หรือไม่”
นี่คือภาพวาดของผู้พิทักษ์เหลียนสมัยยังสาว
ฮูหยินส่ายหน้า
“แล้วบุรุษผู้นี้เล่า” กงซุนฉางหลีหยิบภาพวาดของผู้พิทักษ์เจิงสมัยยังหนุ่มออกมากางต่อ
ฮูหยินยังคงส่ายหน้า
“เจ้าดูให้ดีๆ” กงซุนฉางหลีเอ่ยเสียงเย็นชา
ฮูหยินถูกแววตาที่เหมือนคำเตือนของกงซุนฉางหลีทำเอาในใจขนลุกซู่ นางตั้งใจมองอยู่นานแต่ก็ส่ายหน้าอีก
“เจ้าความจำแย่หรือไม่” จีหมิงซิวถาม
ฮูหยินถลึงตาใส่จีหมิงซิวแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาตบหน้าอกบอกว่า “คุณชายท่านนี้ ไม่เชื่อท่านลองไปถามคนบนถนนเส้นนี้ดูว่าเม่ยเหนียงคนนี้โด่งดังเรื่องความจำดีหรือไม่”
เถ้าแก่รีบบอกว่า “ฮูหยินของข้าความจำยอดเยี่ยมมาก บัญชีของร้านเรา นางจดจำได้ทุกเล่ม”
จีหมิงซิวเอ่ยขึ้นมาว่า “บางทีนางอาจไม่เคยเห็นหน้าผู้พิทักษ์เจิง”
“แล้วคนผู้นี้เล่า” กงซุนฉางหลีคลี่ม้วนภาพวาดม้วนสุดท้ายออกมา ชิ้นนี้คือภาพวาดของอวิ๋นชิง หากแม้แต่อวิ๋นชิงยังไม่เคยพบ ถ้าเช่นนั้นเงื่อนงำนี้ก็หมดหวังแล้ว
คิดไม่ถึงว่าพอฮูหยินเห็นภาพวาดนี้ก็เบิกตาโตทันใด “อ้อ อ้อ คุณชายคนนี้หรือ”
กงซุนฉางหลีตาเป็นประกาย “เจ้าเคยเห็นเขาหรือ”
ฮูหยินใช่เพียงเคยเห็นเสียที่ไหน นางยังเคยแอบวาดภาพเขาเก็บไว้ด้วย!
ตั้งแต่นางโตมาจนอายุเท่านั้น นางไม่เคยพบคุณชายคนใดสง่างามเท่านี้มาก่อน นางมองเขาจนตาค้าง แต่น่าเสียดายคุณชายคนนั้นมีครอบครัวแล้ว แล้วภรรยาของเขายังให้กำเนิดลูกชายหน้าตางดงามออกมาอีก ดวงใจของนางแหลกสลายได้แต่กรีดร้องไม่นะ ไม่นะอยู่ในใจ!