หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 77-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 77-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (1)
ตอนที่ 77-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (1)
ทุกคนถูกเรื่องราวที่ดำเนินไปฉากแล้วฉากเล่าทำให้ตกตะลึงนิ่งอึ้ง ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้พิทักษ์เหลียนกับเจ้าลัทธิอวิ๋นชิงจะมีอยู่จริงหรือไม่ มีเรื่องหนึ่งที่เหมือนจะแน่ใจได้แล้ว นั่นก็คือผู้พิทักษ์เหลียนเคยให้กำเนิดบุตรมาแล้วจริงๆ
นี่ทำให้คนตกตะลึงมากเกินไปแล้ว
นางครองตนบริสุทธิ์เฝ้าพิทักษ์เกาะอิ๋นหูมาชั่วชีวิต ทุกคนจึงมองนางเสมือนหนึ่งเป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์สักองค์ คิดไม่ถึงว่านางกลับแอบไปมีลูกกับบุรุษข้างนอกคนหนึ่ง
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่ห้ามคนในลัทธิแต่งงาน ทั้งยังไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับคู่แต่งงานมากมายนัก เหตุใดนางต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยเล่า นอกเสียจากว่าอวิ๋นจูพูดถูกแล้ว คู่รักที่นางคบหาจนตั้งท้องด้วยคือเจ้าลัทธิอวิ๋นชิง
ทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบหัวข้อใหม่
ทว่าผู้พิทักษ์เหลียนไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น สมองของนางขาวโพลน สองหูมีเสียงวิ้งดังอื้ออึง ‘บุตรของเจ้าไปอยู่เสียที่ใดแล้ว’ ประโยคนี้ของจีหมิงซิวราวกับมีดเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจนางอย่างที่นางไม่ทันป้องกัน
จีหมิงซิวกลับไม่ยอมเลิกรา เขาเดินเชื่องช้าไปหยุดข้างกายนางแล้วผินหน้ามาเอ่ยริมหูอย่างหยอกล้อ “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าอวิ๋นชิงจะให้ผู้หญิงใจอสรพิษเช่นเจ้าให้กำเนิดผู้สืบทอดของเขา”
ผู้พิทักษ์เหลียนกำไม้เท้าแน่น สองตาวาวโรจน์ดุจคบไฟ ร่างกายสั่นเทิ้ม
จีหมิงซิวยิ้มอย่างเย็นชา “สำเหนียกตัวเสียบ้างเถิด ผู้พิทักษ์เหลียน”
อวิ๋นจูหันไปมองผู้พิทักษ์เหลียน ในดวงตาไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะสตรีนางนี้ตอนนี้ตนก็คงยังเป็นคุณหนูของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่ง บิดาของนาง ครอบครัวของนาง สหายของนาง ทุกคนล้วนไม่จำเป็นต้องทนทุกข์เพราะการพลัดพราก
อวิ๋นจูเอ่ยขึ้นมาว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มิใช่ว่ากรรมมิตามสนอง เพียงแต่เวลายังมาไม่ถึงเท่านั้น เหลียนซิน กรรมของเจ้าเริ่มตามสนองเจ้าแล้ว”
ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีลงดาบซ้ำ “เริ่มมานานแล้ว แต่ผู้อื่นถูกปิดหูปิดตามาตลอดเท่านั้น”
คำโบราณว่าไว้ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นจับจ้องอยู่ด้านหลัง ผู้พิทักษ์เหลียนทำร้ายครอบครัวของอวิ๋นจูโดยคิดว่าตนเองเป็นนกขมิ้นที่ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดตัวนั้น แต่นางไม่รู้เลยว่านกขมิ้นตัวนี้หาใช่นกขมิ้น ส่วนตั๊กแตนก็หาใช่ตั๊กแตนจริงๆ
เลือดลมพลุ่งพล่านจู่โจมหัวใจของผู้พิทักษ์เหลียน นางกดพิษกับปราณมารที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างไม่อยู่อีกต่อไป หน้าอกพลันเจ็บแปลบ กระอักโลหิตออกมาทันใด!
หลังจากนั้นนางก็เหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนสิ้น คนล้มตึงท้องฟ้าพลิกกลับหัวกลับหาง
ศิษย์หญิงสองคนที่ติดตามมารีบปรี่เข้ามาหา “ผู้พิทักษ์เหลียน! ผู้พิทักษ์เหลียน! ผู้พิทักษ์เหลียน!”
เย่ว์หวาขมวดคิ้ว ทุบกำปั้นลงบนพนักแขนของรถเข็น
ยิ่นอ๋องมองผู้พิทักษ์เหลียนที่หมดสติอยู่บนพื้น แล้วพรูลมหายใจออกมาเงียบๆ ตอนอวิ๋นจูกล่าวหาว่าผู้พิทักษ์เหลียนกับอวิ๋นชิงลักลอบมีความสัมพันธ์กัน คนอื่นอาจไม่เชื่อแต่เขาเชื่อในทันที เพราะเขาเห็นผู้พิทักษ์เหลียนปกป้องอวิ๋นซู่มาด้วยตาตนเอง แล้วก็สงสัยอยู่ในใจอยู่ก่อนแล้ว
เขายังคิดว่านางปีศาจเฒ่าคนนี้ถูกตาต้องใจอวิ๋นซู่เสียด้วยซ้ำ ที่แท้อวิ๋นซู่ก็เป็นบุตรชายของนาง
เขายอมรับว่าอวิ๋นจูเป็นท่านยายของเขาได้ แต่เขาไม่มีวันยอมรับว่าผู้พิทักษ์เหลียนเป็นท่านย่าของเขาเด็ดขาด โชคดีที่หากฟังจากที่จีหมิงซิวพูด อวิ๋นซู่…เหมือนจะไม่ใช่เด็กที่นางให้กำเนิดออกมา
จีหมิงซิวเอ่ยกับอวิ๋นจูว่า “ท่านยายพวกเรากลับกันเถิด วันหน้าค่อยมาใหม่”
อวิ๋นจูพยักหน้า
จีหมิงซิวอมยิ้มหันไปมองผู้คนที่ยังคงตาค้างอยู่ในตำหนัก แล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “พวกเราจะกลับมาใหม่ ถึงเวลานั้นจะมีหลักฐานมากกว่านี้”
ในใจของทุกคนขนลุกซู่ รู้สึกว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
จีหมิงซิวจูงมืออวิ๋นจูเดินออกไปจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ จีหมิงซิวดีต่ออวิ๋นจูยิ่งนัก ราวกับว่าจะชดเชยความอบอุ่นที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาหลายสิบปีคืนให้นาง
ยิ่นอ๋องมองเงาแผ่นหลังของทั้งสองคนเดินจากไป เขามุ่นคิ้วนิดๆ หงุดหงิดอยู่เล็กน้อย แต่เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังหงุดหงิดอะไร
ฮูหยินคนนั้นก็ตามทั้งสองคนจากไปด้วย
หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถม้า จีหมิงซิวก็ปลดผ้าคลุมกันลมให้อวิ๋นจูแล้วรินชาร้อนถ้วยหนึ่งส่งให้นาง “ท่านยาย”
หากใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีใส่ใจขึ้นมา เขาก็สามารถเอาใจคนผู้หนึ่งจนเหมือนกลายเป็นเจ้าหญิงได้
อวิ๋นจูรับถ้วยชาร้อน กลางฝ่ามือรู้สึกอบอุ่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ นางรู้สึกถึงโลหิตที่ไหลพลุ่งพล่าน นั่นเป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่นางไม่ได้สัมผัสมานานนักแล้ว
การเดินทางมาเยือนวันนี้ประสบความสำเร็จกว่าที่จินตนาการไว้มากนัก แต่เดิมอยากจะบีบให้ผู้พิทักษ์เหลียนยอมรับว่าลักลอบคบหากับอวิ๋นชิงเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่ากลับขุดความลับใหญ่หลวงออกมาได้อีกหนึ่งอย่าง
ความลับประการนี้ ทำให้คนเบิกบานใจยิ่งนักจริงๆ
จีหมิงซิวเหลือบเห็นนางสีหน้าอารมณ์ดีจึงยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “กลับจวนอ๋องดี หรือว่าจะไปเที่ยวเล่นในเมืองก่อนดีขอรับ”
อวิ๋นจูจิบชาร้อนหนึ่งคำ “ไม่ต้องไปเที่ยวเล่นแล้ว กลับจวนเถิด จริงสิ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าฮูหยินในโรงหมอไม่ใช่เหลียนซิน”
จีหมิงซิวตอบว่า “ข้าไม่รู้หรอก ข้าเพียงเดาส่งเดชเท่านั้น”
อวิ๋นจูบื้อใบ้
จีหมิงซิวส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ทายถูก เฮ้อ คนมันฉลาดเกินไป ไม่ดีเลย ไม่ดีจริงๆ!”
อวิ๋นจูหลุดหัวเราะ
…
ผู้พิทักษ์เหลียนสลบไปแล้ว
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ราวกับหม้อที่ระเบิด
เรื่องที่อวิ๋นซู่บาดเจ็บหนักยังถูกปิดบังอยู่ ทุกคนต่างขอร้องให้อวิ๋นซู่ออกหน้ามาคุมสถานการณ์ แต่จนปัญญาที่อวิ๋นซู่ไม่ยอมออกหน้า สุดท้ายยิ่นอ๋องจึงก้าวออกมาบอกว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด ทวงความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์และความจริงให้กับผู้ที่ถูกทำร้าย
ไม่เสียทีที่อยู่ในวงขุนนางมาก่อน เมื่อคำพูดอันสง่าผ่าเผยนี้ถูกเอ่ยออกมา ทุกคนก็สงบลงชั่วคราวจริงๆ
แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น หากพิสูจน์ ‘ความบริสุทธิ์’ ของผู้พิทักษ์เหลียนกับอวิ๋นชิงได้ไม่ทันกาล ถ้าเช่นนั้นเรื่องของมารโลหิต เรื่องของจักรพรรดิอสูร เรื่องของอวิ๋นจูล้วนแต่จะถูกลากออกมาเป็นยวง ความจริงจะถูกผู้คนค้นหาออกมาทีละเรื่องๆ
ผู้พิทักษ์เหลียนได้ศิษย์หญิงพากลับไปที่เกาะอิ๋นหู เย่ว์หวากับปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ก็ตามไปด้วย เย่ว์หวาให้ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์คนใหม่รออยู่ด้านนอก ส่วนตัวเขาเดินเข้าไปในห้องของผู้พิทักษ์เหลียน
ผู้พิทักษ์เหลียนแลกเลือดกับอวิ๋นซู่ ถ่ายพิษในร่างอวิ๋นซู่ทั้งหมดมาไว้ในร่างตนเอง จะช่วยอวิ๋นซู่ได้หรือไม่ยังไม่แน่ชัด แต่ตัวผู้พิทักษ์เหลียนเองบาดเจ็บไม่เบา อาการที่อันตรายถึงชีวิตเหล่านี้ไม่รู้ว่ามาจากการถูกพิษจนธาตุไฟเข้าแทรกเพียงอย่างเดียว หรือเกิดจากการที่เลือดไม่เข้ากันด้วย
เย่ว์หวาไม่ใช่หมอสักหน่อย!
เย่ว์หวารอคอยอยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ผู้พิทักษ์เหลียนถึงฟื้นสติขึ้นมาอย่างเงียบๆ หลังจากนางลืมตาตื่นก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงมองด้านบนของมุ้งอย่างเหม่อลอย แววตาว่างเปล่า
แต่เย่ว์หวาร้อนใจจะตายแล้ว
หากก่อนหน้านี้เขาฉงนงงงวยว่าเหตุใดผู้พิทักษ์เหลียนจึงดีต่อเจ้าลัทธิราวกับควักหัวใจทั้งดวงออกมาให้ได้ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เขาก็นับว่าเข้าใจทุกสิ่งแล้ว
เขาหันไปมองผู้พิทักษ์เหลียน แล้วเอ่ยอย่างร้อนใจดั่งเพลิงผลาญ “เจ้าบอกความจริงกับข้า ตอนนั้นเจ้าไปเก็บตัวฝึกวิชาจริงหรือไม่ แล้วเจ้าเปลี่ยนตัวตนไปแต่งงงานกับเจ้าลัทธิอวิ๋นชิงจริงหรือไม่”
ผู้พิทักษ์เหลียนไม่สนใจเขา
เย่ว์หวาร้อนใจจนเกือบจะลุกขึ้นมาจากรถเข็น “นี่เวลาใดแล้ว เจ้ายังจะปิดบังข้าอีกหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์มีข้าเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างเจ้า เจ้ายังจะไม่พูดความจริงกับข้าอีก! เจ้าระวังเถิดหากไล่ต้อนข้าจนร้อนใจขึ้นมา ข้าจะไม่สนความเป็นความตายของเจ้าแล้ว…เจ้าพูดมาดีกว่า! ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าแต่งงานกับเจ้าลัทธิอวิ๋นชิงจริงหรือไม่ แล้วเจ้าลัทธิอวิ๋นซู่เป็นลูกของผู้ใดกันแน่!”
…
ณ เมืองอวิ๋นจง ด้านหลังเรือนของร้านเครื่องหอมแห่งหนึ่ง หญิงรับใช้ยิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปหาอวิ๋นชิง “ศิษย์พี่ วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแต่งงานแล้ว ท่านไม่ดีใจหรือ”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” อวิ๋นชิงหันกลับมา “ลมแรงขนาดนี้ เหตุใดเจ้าจึงสวมอาภรณ์บางเช่นนี้เล่า”
“ข้าคิดถึงศิษย์พี่” หญิงรับใช้กล่าวอย่างขัดเขินผสมเอียงอาย โ
อวิ๋นชิงยิ้มน้อยๆ “เดี๋ยวก็จะวันงานแต่งแล้ว หลังจากนี้ก็จะได้พบหน้ากันทุกวัน”
หญิงรับใช้เอนกายเข้ามาในอ้อมแขนของอวิ๋นชิงอย่างแผ่วเบา จึงไม่เห็นแววตาเดียวดายที่ฉายวาบผ่านดวงตาของเขา “ศิษย์พี่ ตั้งแต่หนแรกที่เหลียนเอ๋อร์พบหน้าท่านก็ตั้งใจว่าจะแต่งงานกับท่าน แต่ข้ารู้ว่าตัวข้ามิคู่ควรกับท่าน”
อวิ๋นชิงปลอบว่า “เจ้าอย่าได้พูดเช่นนี้”
หญิงรับใช้เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ศิษย์พี่ท่านวางใจเถิด ข้าจะช่วยท่านเอง ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เป็นของท่าน ใต้หล้าก็จะเป็นของท่าน มิว่าท่านต้องการสิ่งใด เหลียนเอ๋อร์จะคว้ามาให้เอง!”
อวิ๋นชิงตอบว่า “เจ้าไม่ต้องลำบากเช่นนั้นหรอก เจ้าเพียง…เป็นภรรยาของข้าเฉยๆ ก็พอแล้ว”
…
“เจ้าหูหนวกหรือว่าบ้าไปแล้ว ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ไม่ได้ยินหรือ” เย่ว์หวาคว้าคอเสื้อของผู้พิทักษ์เหลียน “เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดวันนี้มันอย่างไรกันแน่ โรงหมอที่นางพูดถึงคือเรื่องอะไร เจ้าให้กำเนิดบุตรมาแล้วหรือไม่กันแน่ แล้วไปคลอดที่ใด!”
…
“ฮูหยิน!”
ศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าตระหนกลนลาน
หญิงรับใช้วางเข็มกับด้ายในมือลง นางลูบหน้าท้องนูนป่องแล้วหันไปมองศิษย์คนนั้น “ผู้ดูแลเจิงนี่เอง เจ้าลงเขาไปกับเจ้าลัทธิไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงกลับมาแล้ว เจ้าลัทธิเล่า”
ศิษย์ผู้นั้นหอบหายใจหนักๆ เอ่ยตอบว่า “เจ้าลัทธิเขา…เจ้าลัทธิเขาอาการเก่ากำเริบ!”
“อะไรนะ” ดวงหน้างามของหญิงรับใช้ถอดสี นางแบกท้องกลมป่องลุกขึ้นยืน “เจ้าลัทธิอยู่ที่ใด บาดเจ็บสาหัสมากหรือไม่”
ศิษย์ผู้นั้นทุบหน้าอกที่ลมหายใจติดขัด เขาเงียบไปครู่หนึ่งรอให้ลมหายใจไหลคล่องขึ้นแล้วจึงตอบอย่างจนปัญญาว่า “แต่เดิมพวกเรากำลังไล่ล่าศิษย์ทรยศคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนั่นจะใช้กลลวง ใช้มุกอสนีบาตโยนระเบิดใส่ข้า เพื่อช่วยข้า เจ้าลัทธิจึงถูกมุกอสนีบาตระเบิดใส่เสียเอง หลังจากนั้น…อาการบาดเจ็บเก่าก็กำเริบ…”
หัวใจของหญิงรับใช้บีบรัด “หากเป็นเช่นนั้น…ก็ยิ่งสาหัสน่ะสิ” โ
ศิษย์ตอบอย่างปวดใจยิ่ง “ขอรับ หลายวันนี้คงกลับมาไม่ได้แล้ว ต้องพักอยู่ที่เมืองเยี่ยเหลียงเพื่อรักษาตัว เจ้าลัทธิให้ข้ามาส่งข่าวแก่ฮูหยิน เพื่อที่ฮูหยินจะได้ไม่ต้องกังวลใจ หลังจากอาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้วจึงจะกลับมา สิ่งที่สมควรนำมาบอก ข้าบอกกล่าวครบถ้วนแล้ว ยามนี้ข้าต้องไปตามสังหารเจ้าสารเลวคนนั้นต่อ ขอตัว!”
หญิงรับใช้มองเงาแผ่นหลังที่รีบร้อนจากไปของเขา แล้วตะเบ็งเสียงถามว่า “ผู้ดูแลเจิง เจ้ายังไม่ได้บอกว่าโรงหมอแห่งใด!”
ศิษย์ผู้นั้นตะโกนตอบมาหนึ่งประโยค หญิงรับใช้ได้ยินเพียงสามคำ…ถนนหนานเถิง
หญิงรับใช้รู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพนี้คงลงจากเขาไม่ได้แน่ ดังนั้นนางจึงเก็บข้าวของเล็กน้อยแล้วแอบออกจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์
จากเมืองอวิ๋นจงเดินทางไปเมืองเยี่ยเหลียงมีเส้นทางทั้งหมดสองเส้นทาง เส้นทางแรกคือบันไดสวรรค์ เส้นทางนี้นางเดินทางไปไม่ไหวแน่ ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือทางน้ำ แม้จะเดินทางไม่สะดวกนัก แต่สำหรับตัวนางในสภาพนี้มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หญิงรับใช้พายเรือพาตนเองข้ามลำน้ำ เดินตัดผ่านป่ารกร้างบนเทือกเขาหมั่งฮวง ตอนที่กำลังจะเดินพ้นแล้วนั่นเองนางก็พบสัตว์ร้ายหลายตัว
หญิงรับใช้ต่อสู้กับสัตว์ร้ายอย่างดุเดือด แม้จะสังหารสัตว์ร้ายได้อย่างปลอดภัย แต่เพราะออกแรงมากเกินไปจึงกระทบกระเทือนไปถึงครรภ์
“ตาเฒ่า ตรงนั้นมีคนอยู่!”
สามีภรรยาอายุมากคู่หนึ่งมาพบหญิงรับใช้เข้า ทั้งสองแบกหญิงรับใช้ที่เริ่มเจ็บท้องกลับไปที่กระท่อมน้อยของตนเอง
หญิงรับใช้ผลาญเรี่ยวแรงไประหว่างการต่อกรกับสัตว์ร้ายมากเกินไป เมื่อถึงตอนที่จะคลอดจริงๆ นางจึงเหลือเรี่ยวแรงไม่เท่าไรแล้ว สองสามีภรรยาเฒ่าจึงนำโสมอายุร้อยปีที่ตนเองเก็บรักษาอย่างทะนุถนอมไว้ออกมาต้มให้นางดื่ม สุดท้ายนางก็เค้นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายให้กำเนิดเด็กน้อยออกมาหนึ่งคน
“เป็นเด็กผู้ชาย! เป็นเด็กผู้ชาย” หญิงชราร้องบอกด้วยความดีใจ
นางอยากมองบุตรชายของตนเอง แต่นางไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไปแล้วจึงหมดสติไป
เมื่อหญิงรับใช้ได้สติกลับมาอีกครั้งนางก็อยู่ในโรงหมอแห่งหนึ่งที่เมืองเยี่ยเหลียงแล้ว นางนอนอยู่บนฟูกเตียงนุ่มนิ่ม อวิ๋นชิงอุ้มเด็กทารกนั่งอยู่ด้านข้าง
แววตาของอวิ๋นชิงอ่อนโยนราวกับจะทำให้คนละลาย
…