หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 78-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 78-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (2)
ตอนที่ 78-1 ความจริง จิ่งอวิ๋นน้อยผู้เกรียงไกร (2)
เฉียวเวยกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยตาโตอ้าปากค้าง กล่องเหล็กที่พวกเขาสองคนวิเคราะห์กันมาตลอดทั้งบ่ายก็ยังจับทางอันใดไม่ได้ กลับถูกเจ้าตัวน้อยคนนี้เขี่ยสองสามทีก็เปิดออกแล้ว
อักขระอันซับซ้อนเหล่านี้ เขาจับคู่ถูกได้อย่างไรกัน
เฉียวเวย “ลูกชายยย”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ย “จิ่งอวิ๋นนน”
จิ่งอวิ๋นเล่นกล่องเหล็กในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา เขามองมารดากับท่านปู่เยี่ยนที่ทำตาหยีแล้วพลันรับรู้ถึงไอสังหารอันเข้นข้น เข้มข้นมากๆ!
กล่องเหล็กใบนี้ไม่ใหญ่มาก มันเป็นทรงสี่เหลี่ยม ด้านนอกขนาดความกว้าง ความยาวและความไม่ต่างกันนัก ทั้งหมดไม่เกินหนึ่งฉื่อ อาจเพราะกลไกกินพื้นที่ไปไม่น้อย ด้านในกล่องจึงมีพื้นที่เล็กกว่า แต่อย่าเห็นว่ามันเล็กเชียว ของที่บรรจุอยู่ด้านในเหมือนจะมีไม่น้อย
“โอ๊ะ นี่คือสิ่งใดกัน” จิ่งอวิ๋นเบิกตาโตหยิบผ้าสีแดงสดชิ้นหนึ่งขึ้นมา
ผ้าผืนนี้สีสันสดยิ่งนัก ฝีมือตัดเย็บก็ดีเยี่ยมอย่างยิ่ง ยามถืออยู่ในมือประหนึ่งเมฆหมอกเคลื่อนคล้อย เพียงแต่ว่ารูปแบบของมันดูตกยุคแล้ว ไม่ใช่แบบที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้
อวิ๋นชิงจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ย่อมมีอายุพอสมควร เพียงแต่ต่อให้เป็นเนื้อผ้าเมื่อหลายปีก่อน แต่มันกลับเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเสมือนของใหม่
“เสื้อของน้องเล็กนี่นา” จิ่งอวิ๋นคลี่เสื้อออกดู เห็นชัดว่าเป็นเอี๊ยมตัวน้อยของเด็กทารกที่งดงามและประณีตชุดหนึ่ง เสื้อผ้าเล็กขนาดนี้มีแต่น้องสาวคนเล็กเท่านั้นที่สวมได้ ดูจากขนาดเอี๊ยมแล้ว น่าจะเป็นขนาดของเด็กทารกอายุน้อยกว่าสามเดือน
นอกจากเอี๊ยม พวกเขาก็ยังพบจี้มงคลสีม่วงอีกชิ้นหนึ่ง เฉียวเวยเคยเห็นจี้มงคลมาไม่น้อย ส่วนมากทำจากหยกอ่อนหรือหยกเขียว จี้ที่ทำจากหยกสีม่วงชั้นเยี่ยมเช่นนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นหนแรก
เฉียวเวยพลิกมาพลิกไปครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่าสลักนามอันใดไว้จึงส่งให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยท่องอยู่ในยุทธภพมาหลายปี เขาเคยพบเห็นสิ่งต่างๆ มาไม่น้อย หยกสีม่วงที่ใสเช่นนี้เขาก็เพิ่งเคยพบเป็นหนแรกเช่นกัน
จี้ชิ้นนี้มองแวบแรกเป็นสีม่วงหม่น ทว่าเมื่อต้องแสงกลับมีสีชมพูอ่อนๆ ปนอยู่ด้วย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพึมพำอย่างฉงน “เหตุไฉนจึงมีคนใช้หยกม่วงมาทำจี้มงคลเล่า”
“หยกม่วงนำมาทำจี้มงคลไม่ได้หรือไร” เฉียวเวยยังไม่คุ้นเคยกับความพิถีพิถันเรื่องเครื่องหยกของสมัยโบราณมากนัก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่ายหน้า เขามองจี้หยกมงคลที่ทำจากหยกม่วงในมือแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก บางร้านก็ขายจี้มงคลทำจากหยกม่วงเช่นกัน แต่มีน้อยนัก ในต้าเหลียงพบเห็นไม่บ่อย หยกม่วงคุณภาพระดับนี้ข้ายิ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
เฉียวเวยหยิบจี้มงคลชิ้นนั้นมาอย่างเนียนๆ “เจ้าสิ่งนี้ข้าจะเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน!”
ดวงตาตี่ๆ ของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยตวัดฉับ ท่านคิดจะฮุบไว้คนเดียวใช่หรือไม่ โ
“แม่กุญแจเงิน” ตอนนั้นเองจิ่งอวิ๋นก็หยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งขึ้นมา บนสร้อยห้อยจี้แม่กุญแจอายุยืนที่เล็กจิ๋วและประณีตชิ้นหนึ่งอยู่
จี้แม่กุญแจอายุยืนเป็นของที่ผู้อาวุโสในบ้านจะมอบให้แก่เด็กน้อยอยู่แล้ว ปฏิกิริยาแรกของเฉียวเวยจึงเป็นการถามว่า “เหตุไฉนจึงไม่ใช่ทองคำ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแค่นเสียงดังเหอะ “เรื่องนี้ท่านก็ไม่รู้หรือ เด็กน้อยเกิดมาจะให้สวมทองคำไม่ได้ ต้องสวมเงินก่อน ค่อยสวมทอง”
“เหตุใดเล่า” เฉียวเวยถามอย่างไม่เข้าใจ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตอบว่า “ผู้เฒ่าผู้แก่ว่ากันมาอย่างนี้! ร้อยวันแรกใส่เงิน หลังหนึ่งขวบใส่ทอง”
เฉียวเวยร้องอ้อแล้วพูดว่า “หาดูซิว่ามีทองหรือไม่!”
จิ่งอวิ๋นเทของในกล่องเหล็กออกมาวางบนโต๊ะ ผลปรากฏว่านอกจากเสื้อผ้าของเด็กทารกสองสามชุดกับเทียบยาที่มีรอยพับยับย่นสองสามใบก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เฉียวเวยเรียงของลงบนโต๊ะทีละอย่าง เสื้อผ้าของทารก เทียบยาบำรุงเลือดและปราณ จี้มงคลหยกม่วง กุญแจอายุยืนที่ทำจากเงิน
ตอนที่จับจี้กุญแจอายุยืน นางค้นพบโดยบังเอิญว่าด้านหลังกุญแจอายุยืนมีอักษรสลักอยู่ แต่มันดันเป็นอักษรเยี่ยหลัว นางกลอกตาอย่างจนปัญญาแล้วถามจิ่งอวิ๋นว่า “ลูกชาย บนนี้เขียนอะไรไว้หรือ”
จิ่งอวิ๋นหยิบกุญแจอายุยืนขึ้นมาอ่านทีละคำ “ปีซินเหม่า[1] เดือนสิบ วันที่สิบเก้า กลางยามอิ๋น[2]”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว “เวลาตกฟากหรือ”
…
พลบค่ำ จีหมิงซิวเดินทางจากเมืองอวิ๋นจงกลับมาที่จวนอ๋อง สิ่งแรกที่เขาทำก็คือถามไถ่ว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเปิดกล่องของอวิ๋นชิงออกแล้วหรือยัง
ฝ่ายเยี่ยนเฟยเจวี๋ยสะเทือนใจอยางรุนแรงกลับไปฝึกฝนวิชาลับที่ห้องนานแล้ว
ตอนที่จีหมิงซิวกลับมาถึงเรือน เฉียวเวยก็ส่งบุตรชายไปที่ห้องของฮองเฮาเยี่ยหลัวเรียบร้อย นางนั่งอยู่เพียงลำพังในห้อง มองสิ่งของที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างเหม่อลอย
เมื่อจีหมิงซิวเห็นกล่องที่เปิดอยู่บนโต๊ะ เขาก็เดาได้แล้วว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่อวิ๋นชิงทิ้งเอาไว้
“เปิดออกแล้วหรือ” เขาถาม
เฉียวเวยเลิกคิ้วบอกว่า “ลูกชายท่านเป็นคนเปิดได้”
จีหมิงซิวอึ้งไปชั่วครู่ แต่จากนั้นก็หัวเราะอย่างเข้าใจ “ไม่เสียทีเป็นลูกของข้า พยัคฆ์ไม่ออกลูกเป็นสุนัข”
เฉียวเวยมองเขาอย่างหมดคำจะพูด “โถ แปะทองบนหน้าตนเองเก่งจริงนะ”
จีหมิงซิวนั่งลงข้างนางแล้วขยับม้านั่งเข้าไปชิดนางมากขึ้นอีก เรือนร่างนุ่มนิ่มของนางเหมือนหยกอ่อนชั้นดีส่งกลิ่นหอมรวยรินทำให้คนอยากจะโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอย่างห้ามตนเองไม่ได้
เขาโอบเอวบางอ้อนแอ้นของนาง ลูบเอวน้อยไร้ไขมันส่วนเกินของนางเบาๆ พลางคิดว่าตั้งครรภ์แล้วแท้ๆ เหตุไฉนยังผอมเช่นนี้อยู่อีก จากนั้นก็ลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมานิดๆ ของนางต่อ มีแต่ตรงนี้กลมขึ้นไม่น้อย เขาไม่กล้าออกแรง กลัวว่าจะทำเจ้าสามเจ็บตัว จึงเพียงลูบเบาๆ แล้วรั้งมือกลับ
หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองของที่อยู่บนโต๊ะ “พวกนี้คือของๆ อวิ๋นชิงหรือ”
เฉียวเวยตอบอย่างคับแค้น “ใช่แล้ว มีแต่ข้าวของของทารกนิดหน่อยกับเทียบยาที่ข้าก็ออกได้สองสามแผ่น ไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว เหตุใดเขาต้องใช้กล่องสลักพันกลไกใส่เอาไว้ด้วย ทำเอาข้าคิดว่าจะมีความลับใหญ่หลวงอันใดซ่อนไว้เสียอีก!”
จีหมิงซิวจึงเอ่ยว่า “ความลับย่อมมีอยู่แล้ว เพียงแต่จะมองออกหรือไม่เท่านั้น”
เฉียวเวยกะพริบตาปริบๆ “เช่นนั้นหรือ”
จีหมิงซิวมองเสื้อผ้าเหล่านั้นก่อน พวกนี้ไม่มีสิ่งใดพิเศษ อวิ๋นชิงเป็นบิดาคนหนึ่ง จะเก็บข้าวของของลูกน้อยเอาไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ต่อมาจีหมิงซิวก็หันไปมองจี้มงคลหยกม่วงชิ้นนั้นบ้าง หยกม่วงชนิดนี้มีค่าครองเมือง นับเป็นสมบัติชั้นเลิศชิ้นหนึ่ง
ส่วนเทียบยา…ตอนนี้จีหมิงซิวเลือกมองผ่านมันไปก่อน สายตาเขาไปจับอยู่บนจี้แม่กุญแจอายุยืนชิ้นนั้น ด้านหลังของจี้แม่กุญแจมีเวลาตกฟากเขียนอยู่
ปีซินเหม่า เดือนสิบ วันที่สิบเก้า กลางยามอิ๋น
“ของพวกนี้เป็นของใช้ตอนอวิ๋นซู่ยังเล็กกระมัง” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า
“ไม่ใช่หรือ” เฉียวเวยเบิกตาโตถาม
จีหมิงซิวทำหน้าครุ่นคิด “เวลาตกฟากของอวิ๋นซู่คือเดือนสิบวันที่สิบเจ็ด”
“ท่านแน่ใจหรือ” เฉียวเวยถาม
“อืม” จีหมิงซิวพยักหน้า หลังจากยืนยันเรื่องที่อวิ๋นซู่ถือกำนิดในโรงหมอกับฮูหยินผู้นั้นแล้ว จีหมิงซิวก็ให้ฮูหยินนางนั้นหาบันทึกของโรงหมอเมื่อสมัยก่อนออกมา ดูบันทึกการใช้สมุนไพรก็พอจะคาดคะเนวันเวลาเกิดของอวิ๋นซู่ได้ว่าเป็นวันที่สิบเจ็ดเดือนสิบ “เวลาตกฟากของอวิ๋นซู่ไม่ใช่ความลับอะไร ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็มีคนรู้อยู่ไม่น้อย”
เฉียวเวยไม่เข้าใจแล้ว “ในเมื่ออวิ๋นซู่เกิดวันที่สิบเจ็ดเดือนสิบ เหตุไฉนบนแม่กุญแจอายุยืนกลับสลักไว้ว่าเดือนสิบวันที่สิบเก้า สลักผิด…หรือว่านี่ไม่ใช่ของเขากันแน่”
เพียงชั่วสะเก็ดไฟแลบ เฉียวเวยก็พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ดวงตาของนางเบิกโต ถามขึ้นมาว่า “นี่คงจะ…คงจะไม่ใช่ของลูกชายของผู้พิทักษ์เหลียนกระมัง”
จีหมิงซิวขานอืมตอบคำหนึ่ง “เป็นไปได้อย่างยิ่ง”
เฉียวเวยมองกางเกงตัวน้อยกับเอี๊ยมตัวจ้อยบนโต๊ะ “ถ้าเช่นนั้น…เสื้อผ้าพวกนี้ก็คงจะเป็นของเด็กคนนั้นเหมือนกันสินะ”
จีหมิงซิวพยักหน้าอีกครั้ง “น่าจะใช่” ข้าวของของอวิ๋นซู่ย่อมเก็บรักษาอยู่ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่จำเป็นต้องซุกๆ ซ่อนๆ ไว้เช่นนี้
เฉียวเวยถอนหายใจ “ของเหล่านี้จะต้องสำคัญกับอวิ๋นชิงมากแน่ เขาจึงใช้กล่องสลักพันกลไกเก็บไว้ คิดไม่ถึงว่าเขาไม่ชอบผู้พิทักษ์เหลียนขนาดนั้น แต่กลับปล่อยวางเด็กคนนี้ไม่ลงถึงเพียงนี้”
จีหมิงซิวลูบเวลาตกฟากที่สลักอยู่บนแม่กุญแจอายุยืน “เสือร้ายไม่กินลูกตนเอง เด็กคนนี้ไม่ได้เติบใหญ่อยู่ข้างกายเขา ในใจเขาคงละอายใจต่อลูก มากเสียยิ่งกว่าที่เขารู้สึกกับอวิ๋นจู”
“บุรุษคนนี้ทำอะไรไม่เด็ดขาดสักนิด” เฉียวเวยเท้าข้อศอกบนโต๊ะ มือเท้าแก้ม “ถ้าเช่นนั้นท่านว่า…เด็กน้อยคนนี้ไปอยู่เสียที่ใดแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
จีหมิงซิวเงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่รู้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้ หากเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ อวิ๋นชิงไม่มีทางไม่เคยแวะไปหาเขา”
เฉียวเวยดวงตาเป็นประกาย “หากตามหาเด็กน้อยคนนี้พบก็จะหาความเกี่ยวข้องกับอวิ๋นชิงพบ”
จีหมิงซิวพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว อวิ๋นชิงไม่ใช่คนที่ลบร่องรอยได้หมดจด ดูจากของที่เขาเก็บเอาไว้ก็รู้แล้ว เขาชมชอบมองดูข้าวของระลึกถึงคน ทางฝั่งนี้เขาเก็บข้าวของของเด็กน้อยไว้ ทางฝั่งเด็กคนนั้นก็ย่อมมีข้าวของของตนเองเก็บเอาไว้เช่นกัน”
เฉียวเวยลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอย่างตื่นเต้น “ขอเพียงตามหาเด็กน้อยคนนี้พบก็จะพิสูจน์ความสัมพันธ์ลับระหว่างผู้พิทักษ์เหลียนกับอวิ๋นชิงได้!”
…
[1] ปีซินเหม่า ปีกระต่าย ปีที่ 28 ในการนับรอบ 60 ปีตามแผนภูมิฟ้า
[2] ยามอิ๋น คือเวลา 15.00-17.00น. กลางยามอิ๋นหมายถึง 16.00 น.