หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 79-1 ที่อยู่ของเด็กน้อย
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 79-1 ที่อยู่ของเด็กน้อย
ตอนที่ 79-1 ที่อยู่ของเด็กน้อย
หลังอาหารเย็น จีหมิงซิวนั่งอยู่ในห้องพินิจแม่กุญแจอายุยืนที่อวิ๋นชิงทิ้งเอาไว้ ขณะที่เฉียวเวยพาวั่งซูไปอาบน้ำ เขาได้ยินเสียงน้ำจ๋อมแจ๋มกับเสียงแม่ลูกร้องเพลงดังกังวานจากด้านหลังม่านผืนหนา
เฉียวเวยร้องเพลงได้ไพเราะไม่เลว จะบอกว่าเหมือนเสียงจากสวรรค์ก็ไม่เกินไป เมื่อเฉียวเวยร้องเพลง วั่งซูย่อมร้องตามมารดาด้วย
เฉียวเวยจีบนิ้วกรีดกราย ขับร้องเสียงชวนใจสลาย “…ด่านเจี้ยนเหมินคือความคะนึงหาจากท่านถึงข้า ใต้เนินหม่าเหวยคนงามพลีวิญญาณเพื่อรักแท้ รักแค้นเพียงชั่วพริบตา ถือจอกร่ำสุรากับจันทราความรักดุจดั่งผืนนภา”
จีหมิงซิวโคลงศีรษะดื่มด่ำกับเสียงเพลง มือหนึ่งถือถ้วยชา อีกมือหนึ่งตบขาเป็นจังหวะ
จีหมิงซิวฟังมาถึงตรงนี้อย่างเพลิดเพลินยิ่งนัก จนกระทั่งลูกสาวสุดที่รักร้องเพลงเสียงหลงขึ้นมา “สองเรามัวเมาในความรักความแค้น เมื่อใดหนอท่านจะถึงที่ตายยย”
ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีกลั้นไม่ไหวสำลักน้ำชาออกมาหนึ่งคำ
…
หลังจากถูกเสียงเพลงของลูกสาว ‘รังแก’ มาเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดหูของจีหมิงซิวก็ได้พบกับความสงบ เขาไม่รู้ตัวว่าปกติเขาก็ข่มเหงรังแกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเช่นนี้เหมือนกัน เขายังฉงนอยู่ว่าลูกสาวสืบทอดลักษณะเช่นนี้มาจากผู้ใด ไม่ใช่เขาแน่ เพราะเขาร้องเพลงไพเราะถึงเพียงนั้น
วั่งซูก็คิดว่าตนเองร้องเพลงไพเราะมากเช่นกัน นางประทุษร้ายบิดาของตนเองเสร็จก็ไปสร้างหายนะให้ฮองเฮาเยี่ยหลัวต่อ เสียงเพลงของนางดังกังวานมากจริงๆ แม้แต่ราชันอสูรที่เก็บตัวฝึกฝนวิชาอยู่ในห้องลับก็ได้ยิน
ราชันอสูรสะดุ้งเฮือก เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรก!
ทว่าเสียงร้องเพลงของลูกสาวตน ถึงจะร่ำไห้ก็ต้องทนฟังต่อไป…
ว่ากันว่าค่ำคืนนี้เหล่าสกุณาในเรือนฟางชุ่ยหยวนล้มตายไปกันหลายตัว
…
จีหมิงซิวยังจำได้ว่าต้องไป ‘กินหญ้า’ ของหัวหน้าพรรคเฉียว หลังจากทั้งสองคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำเสร็จก็ดับโคม ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มนิ่ม
เขาคร่อมอยู่เหนือร่างของนาง โอบกอดจุมพิตนางแล้วทาบทับจนเรือนกายแนบสนิท นางก็จุมพิตตอบเขา เม็ดเหงื่อไหลรินลงมาตามขมับของเขาหยดแล้วหยดเล่า มันประดับโครงหน้าคมคายของเขาให้มีความเย้ายวนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน เฉียวเวยมองเขาอย่างหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
จีหมิงซิวอดกลั้นจนเริ่มทรมานเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่กำลังลุกโชนของนางจึงทาบกายลงไปอย่างเชื่องช้า
อัครมหาเสนาบดีน้อยอดกลั้นจนใกล้จะระเบิดออกมาตรงนี้แล้ว
หัวหน้าพรรคน้อยตะโกนบอกว่า ข้าก็ใกล้แล้วๆ! โ
ในตอนที่อัครมหาเสนาบดีน้อยกู่ร้องคำรามกำลังจะยกทัพออกศึกนั่นเอง จู่ๆ…เสียงอันเปี่ยมพลังทำลายล้างก็ดังขึ้น “สองเรามัวเมาในความรักความแค้น เมื่อใดหนอท่านจะถึงที่ตายยย”
อัครมหาเสนาบดีน้อยกองทัพแตกพ่ายในบัดดล!
…
นี่คือเรื่องราวอันมิอาจบอกเล่าเมื่อคืนวาน หัวหน้าพรรคเฉียวนอนหลับอย่างคับแค้น จีหมิงซิวอยากจะหิ้วลูกสาวของตนเองโยนกลับต้าเหลียง
วั่งซูแรงดียิ่งนัก นางร้องเพลงไปครึ่งค่อนคืน ลำบากนักกว่านางจะหลับ แต่จีหมิงซิวกลับไม่มีความง่วงงุนแม้แต่น้อย เขาจิบน้ำชาเย็นเฉียบดับเพลิงร้อนรุ่มในร่าง รอจนกระทั่งมันสงบลงในที่สุด เขาก็ยังไม่ง่วงอยู่ดี
เขาตัดสินใจหยิบข้าวของของอวิ๋นชิงออกมาวิเคราะห์แม่กุญแจอายุยืนกับจี้มงคลหยกม่วงชิ้นนั้นต่อ เขามองจี้มงคลหยกม่วงอยู่เนิ่นนานก็มองสิ่งใดไม่ออก แต่เมื่อเขาหยิบแม่กุญแจอายุยืนขึ้นมาแกว่งสองสามหน เขากลับบังเอิญได้ยินเสียงขยับของบางสิ่งที่เบาจนเกือบไม่ได้ยิน หากไม่ใช่เพราะค่ำคืนดึกสงัด เกรงว่าคงจะไม่ได้ยินเป็นแน่
จีหมิงซิวหาใบมีดชิ้นหนึ่งมาแงะแม่กุญแจอายุยืนออกอย่างแผ่วเบา ด้านในแม่กุญแจอายุยืนมีแก้วนิลกาฬชั้นเยี่ยมอยู่หนึ่งชิ้น แก้วนิลกาฬหรืออีกนามหนึ่งคือผลึกมังกร เป็นสิ่งที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าใช้ขจัดปีศาจได้ คหบดีจำนวนไม่น้อยมีอัญมณีชนิดนี้เป็นเครื่องรางคุ้มภัย
ภายในแม่กุญแจอายุยืนใส่เจ้าสิ่งนี้เอาไว้ย่อมไม่แปลกอันใด สิ่งที่แปลกก็คือนี่ดูเหมือนจะไม่ใช่แก้วนิลกาฬธรรมดา แต่เป็นแก้วนิลกาฬสีรุ้งที่หายากอย่างยิ่งในหมู่แก้วนิลกาฬ
บนแก้วนิลกาฬสีรุ้งมักจะมีสีสันปรากฏเป็นลวดลายอยู่ อย่างน้อยก็มีสีเดียวหรือสองสี อย่างมากอาจมีถึงเจ็ดแปดสี ทว่าแก้วนิลกาฬก้อนนี้กลับมีถึงหลายสิบสี สายรุ้งที่มันสะท้อนออกมางดงามจนทำให้คนต้องอุทานอย่างตกตะลึง
จีหมิงซิวตัดสินใจออกเดินทางไปเมืองอวิ๋นจงทั้งที่เป็นเวลากลางคืน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดขายอัญมณีชนิดนี้” ในห้องส่วนตัวบนโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จีหมิงซิววางแก้วนิลกาฬไว้บนโต๊ะตรงหน้า
กงซุนฉางหลีหยิบแก้วนิลกาฬบนโต๊ะขึ้นมาจ่อกับไส้โคม ส่องกับแสง “แก้วนิลกาฬสีรุ้งหรือ เจ้าหามาจากที่ใดกัน”
จีหมิงซิวตอบว่า “ในข้าวของของอวิ๋นชิงมีแม่กุญแจอายุยืนอยู่ชิ้นหนึ่ง เจ้าสิ่งนี้อยู่ในแม่กุญแจอายุยืน”
กงซุนฉางหลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้นว่า “ชาวเยี่ยหลัวชอบใส่แก้วนิลกาฬไว้ในแม่กุญแจอายุยืน แต่สีรุ้งที่หายากเช่นนี้ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก”
จีหมิงซิวมองเขาแล้วถามว่า “สถานที่ที่ขายแก้วนิลกาฬเช่นนี้ได้คงมีไม่มากกระมัง”
“มีไม่มากจริงๆ ใกล้ๆ แถวนี้ก็มีร้านอัญมณีเก่าแก่อยู่ร้านหนึ่ง…” กงซุนฉางหลีเอ่ยขึ้นมาแล้วมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว รอฟ้าสว่างแล้วค่อยไปสอบถามก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องกว่าครึ่งชั่วยาม เมื่อฟ้าสว่างก็มุ่งหน้าไปร้านอัญมณีร้านที่อยู่ใกล้ๆ นั่นทันที
ร้านแห่งนี้เปิดร้านแต่เช้า ทั้งสองคนไม่ต้องรอนานเท่าใดก็ได้เข้าไปด้านใน หลังจากเข้าไปแล้วก็พบว่าร้านแห่งนี้ขายเครื่องเงิน เครื่องทองและเครื่องหยกเป็นหลัก แก้วนิลกาฬมีไม่มากและคุณภาพก็ไม่ดีมากนัก
แต่คุณภาพในตอนนี้ไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าในอดีตไม่ดีไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าในช่วงหลายสิบปีนี้ร้านแห่งนี้ขายสิ่งใดไปบ้าง
“ผู้ดูแล” กงซุนฉางหลีเดินไปหน้าโต๊ะ จากนั้นล้วงกุญแจอายุยืนกับแก้วนิลกาฬออกมาจากอกเสื้อ “ร้านของพวกเจ้ามีของที่เหมือนกับชิ้นนี้หรือไม่ หากมีข้าอยากจะซื้อสักชุด”
แม่กุญแจอายุยืนทำจากเงินชิ้นนั้นไม่มีสิ่งใดพิเศษ แม้ฝีมือในการทำจะดีมาก รูปแบบก็แปลกใหม่ ทว่าด้วยฝีมือของพวกเขาก็ใช่ว่าจะทำออกมาไม่ได้ แต่แก้วนิลกาฬชิ้นนั้น ดูแล้วไม่เหมือนอัญมณีธรรมดา
ผู้ดูแลหยิบแก้วนิลกาฬขึ้นมาส่องกับแสงตะวัน แล้วอุทานอย่างตกใจว่า “โอ๊ะ เจ้าสิ่งนี้พวกเราคงไม่มีขายให้หรอก”
“เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น” กงซุนฉางหลีถาม
ผู้ดูแลหัวเราะแล้วบอกว่า “ไม่มีปัญญาซื้อของมาขายน่ะสิขอรับ อัญมณีดีเช่นนี้มีค่าครองเมืองเชียวนา”
กงซุนฉางหลีเอี้ยวศีรษะไปมองจีหมิงซิว จีหมิงซิวผงกศีรษะให้ กงซุนฉางหลีเข้าใจความหมายจึงหันไปถามผู้ดูแลต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น…เจ้ารู้หรือไม่ว่าร้านใดมีขาย”
ผู้ดูแลร้านถอนหายใจ “บรรพบุรุษของข้าขายอัญมณี ตัวข้าเองก็ขายมันมาหลายสิบปี ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการให้ท่านไปซื้อที่ร้านอื่นหรอกนะ แต่อัญมณีชนิดนี้น่ะ ในเมืองอวิ๋นจงไม่มีหรอก ไม่เชื่อท่านลองไปสอบถามดูได้ แม้แต่ร้านจวี้เป่าไจก็ไม่มีของดีขนาดนี้!”
ร้านจวี้เป่าไจเป็นร้านอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอวิ๋นจงแล้ว
กงซุนฉางหลีถามอีกว่า “ร้านของพวกเจ้าไม่เคยขายเลย หรือว่าก่อนหน้านี้มีขาย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
ผู้ดูแลตอบอย่างเกรงใจ “ไม่เคยขายมาก่อนเลยขอรับ”
กงซุนฉางหลีหันไปมองจีหมิงซิว จีหมิงซิวผงกศีรษะตอบ กงซุนฉางหลีจึงเอ่ยกับผู้ดูแลว่า “ขอบคุณมาก”
ผู้ดูแลแย้มรอยยิ้มให้ “เดินทางปลอดภัยขอรับท่านลูกค้า”
…
หลังจากทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านแห่งนั้นก็มุ่งหน้าไปที่ร้านจวี้เป่าไจทันที เป็นดังเช่นนี้ที่ผู้ดูแลคนนั้นกล่าว ร้านจวี้เป่าไจก็ไม่เคยขายแก้วนิลกาฬระดับนี้เช่นกัน ร้านจวี้เป่าไจมีศักดิ์ศรีเป็นลูกพี่ใหญ่ในหมู่ร้านอัญมณีที่เมืองอวิ๋นจง หากแม้แต่ร้านนี้ยังไม่เคยขาย ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีทางมีผู้อื่นเคยขายมัน
กงซุนฉางหลีถามว่า “ยังจะค้นหาต่อหรือไม่ ร้านอัญมณีในเมืองอวิ๋นจงมีจำนวนไม่น้อย หากนับรวมตลาดมืดด้วย พวกเราสองคนใช้เวลาหลายวันก็คงยังหาไม่ครบ”
จีหมิงซิวครุ่นคิด “อาจจะไม่ใช่ที่เมืองอวิ๋นจง”
กงซุนฉางหลีถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้”
จีหมิงซิวครุ่นคิด “เด็กเกิดที่เมืองเยี่ยเหลียงไม่ใช่หรือ เมืองอวิ๋นจงเป็นอาณาเขตของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ หากปล่อยเด็กไว้ที่นี่ วันใดผู้พิทักษ์เหลียนบังเอิญมาเจอเข้า จะเล่นละครต่อไปเช่นไร เมืองเยี่ยเหลียงอยู่ห่างจากเมืองอวิ๋นจงไม่ไกล สะดวกให้อวิ๋นชิงเดินทางไปกลับ แล้วก็ไม่ถูกผู้พิทักษ์เหลียนพบโดยง่าย อวิ๋นชิงปิดฟ้าบังมหาสมุทรมาได้เนิ่นนานถึงเพียงนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนที่รอบคอบอย่างยิ่งคนหนึ่ง แม่กุญแจอายุยืนชิ้นนี้มีโอกาสแปดเก้าในสิบส่วนที่จะสั่งทำในเมืองเยี่ยเหลียง”
ทั้งสองคนออกเดินทางไปเมืองเยี่ยเหลียงทันที จีหมิงซิวไม่ได้หลับตานอนดีๆ มาหลายคืนแล้ว ส่วนกงซุนฉางหลีก็วิ่งไปนู่นมานี่เป็นเพื่อนเขาไม่ได้นอนหลับสบายๆ มากเท่าไรนักเช่นกัน รถม้าที่วิ่งโคลงเคลงเริ่มทำให้กงซุนฉางหลีง่วงงุน
จีหมิงซิวกำลังพินิจแม่กุญแจอายุยืนชิ้นนั้นอยู่ แต่แล้วจู่ๆ หัวไหล่ขวาก็หนักอึ้ง เขาหันหน้าไปดูก็พบว่ากงซุนฉางหลีเหนื่อยจนหลับไปแล้ว