หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 82-1 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 82-1 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
ตอนที่ 82-1 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงจนตาค้าง
ที่แท้ผู้พิทักษ์เหลียนก็ลักลอบมีความสัมพันธ์กับอวิ๋นชิงจริงๆ แล้วก็เคยมีลูกชายกับอวิ๋นชิงจริงๆ ศิษย์นามอวิ๋นอวี้ที่ถูกทารุณเมื่อตอนนั้นไม่อยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์นานแล้ว แต่เรื่องนั้นยังถูกคนโจษจันเป็นเรื่องเล่ายามจิบชาจากรุ่นสู่รุ่น
เรื่องที่พวกเขาเล่าย่อมไม่ใช่ความเป็นความตายของศิษย์ใหม่คนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่เจ้าลัทธิได้เม็ดยาพิษของราชันอสูรมาหนึ่งเม็ด ศิษย์ที่ถูกส่งไปอารักขาเม็ดยาพิษทุกคนต่างรู้สึกมีเกียรติยิ่งนัก ในขณะที่พวกเขาคุยโวก็ไม่ลืมเล่าถึงเจ้าคนเคราะห์ร้ายที่เดินมาชนเม็ดยาพิษคนนั้นด้วย
บางคนถึงขั้นหัวเราะเล่าว่า “เจ้าหมอนั้นดันไปขอร้องผู้พิทักษ์เหลียน เขาไม่รู้เสียบ้างว่าทั้งลัทธิคนที่รักเจ้าลัทธิที่สุดก็คือผู้พิทักษ์เหลียน! เขาชนของล้ำค่าของเจ้าลัทธิร่วงตกพื้น ผู้พิทักษ์เหลียนจะอภัยให้เขาได้หรือ”
ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าคนเคราะห์ร้ายเมื่อตอนนั้นแท้จริงแล้วคือบุตรชายแท้ๆ ของผู้พิทักษ์เหลียน บุตรชายแท้ๆ ของตนอยู่ตรงหน้า แต่กลับถูกผู้อื่นทุบตีจนตายด้วยความยินยอมของตนเอง…เพียงคิดก็รู้สึกเลวร้ายยากจะทานทน ไม่แปลกที่นางจะแตกสลายในพริบตา
ถ้าหากยามนั้นนางมีความเวทนาแม้เพียงน้อยนิด ผลลัพธ์อาจต่างออกไปใช่หรือไม่
ทว่าบนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก สุดท้ายทุกคนต้องรับผลจากการกระทำของตนเอง
เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ควรรู้ สิ่งที่ไม่ควรรู้ ทุกคนต่างได้รับรู้จนกระจ่างพอประมาณแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่าผู้พิทักษ์เหลียนเคยลักลอบคบหากับอวิ๋นชิงและเคยให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งแก่อวิ๋นชิง แต่ลูกชายคนนั้นถูกคนสลับตัวไป ผู้ใดเป็นคนสลับตัวเขา ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว
สรุปแล้วสาเหตุที่ผู้พิทักษ์เหลียนรักอวิ๋นซู่มากเป็นพิเศษ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคิดว่าอวิ๋นซู่เป็นลูกชายที่ตนเองให้กำเนิดมา แต่ความจริงแล้วลูกชายแท้ๆ ของนางถูกซ่อนไว้ที่อื่น
ลูกแท้ๆ ของตนไม่เคยได้เลี้ยงแม้แต่วันเดียว แต่กลับประคองลูกชายของผู้อื่นประหนึ่งแก้วกลางฝ่ามือ
กล่าวไปแล้วนางก็เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง ทว่าถึงแม้จะน่าสงสาร แต่นางก็มีเรื่องที่น่าชังชิงเช่นกัน เมื่อลองสืบสาวดูแล้วความตายของอวิ๋นอวี้ก็เป็นผลมาจากบาปที่อวิ๋นชิงสร้าง ส่วนนางก็เป็นคนยื่นดาบ
การลักลอบคบหากันระหว่างผู้พิทักษ์เหลียนกับอวิ๋นชิงได้รับการพิสูจน์แล้ว ถ้าเช่นนั้นเรื่องราวหลังจากนั้นก็ย่อมคลี่คลายตามไปด้วย
ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ว่าตอนยังหนุ่มอวิ๋นชิงเคยสู่ขออวิ๋นจูอย่างเปิดเผยอยู่หลายครั้ง ถ้าเช่นนั้นผู้พิทักษ์เหลียนที่เป็นหญิงรับใช้ของอวิ๋นจูย่อมต้องเห็นบุรุษที่ตนเองพึงใจสู่ขอสตรีคนอื่นหนแล้วหนเล่า หัวใจของนางจะรู้สึกเช่นไร
นางจะไม่ริษยาได้หรือ
ภาพลักษณ์สตรีผู้วางเฉยต่อลาภยศของนางพังทลายลงแล้ว ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนในตอนนี้มีเพียงสตรีใจอสรพิษไร้เมตตาต่อศิษย์ใหม่คนหนึ่ง
ลองตั้งคำถามดูว่าคนเช่นนี้หากริษยาขึ้นมาจะลงมือทำเรื่องบ้าคลั่งอันใดไม่ได้บ้าง
อวิ๋นจูเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าไม่เคยมีความรักฉันท์ชายหญิงให้อวิ๋นชิงอยู่แล้ว หากตอนนั้นเจ้ายอมบอกข้าตามตรง บางทีข้าอาจช่วยให้พวกเจ้าสมหวังก็ได้”
เสียงร่ำไห้ของผู้พิทักษ์เหลียนค่อยๆ เงียบหายไป นางกอดป้ายวิญญาณลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ น้ำตาคลอหันไปมองอวิ๋นจู แล้วหัวเราะหยัน “ช่วยให้สมหวังหรือ เจ้าพูดง่ายเชียวนะ เจ้าน่ะหรือจะทนเห็นสาวใช้ของตนเองบินข้ามหัวตนเองไปเป็นนางหงส์ได้”
อวิ๋นจูพูดอย่างผิดหวัง “เพียงเพราะกังวลเรื่องนี้ เจ้าจึงทำเรื่องผิดต่อสวรรค์มากมายปานนั้นหรือ” โ
ผู้พิทักษ์เหลียนปาดน้ำตา ถามอย่างเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง “ข้าทำสิ่งใด”
อวิ๋นจูเอ่ยว่า “เจ้าลบความทรงจำของข้า ใส่ความมารโลหิต ยุแยงให้มารโลหิตกับบิดาของข้าแตกคอกัน ให้พวกเขาต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย”
ผู้พิทักษ์เหลียนยืนกราน “ข้าไม่ได้ทำ”
อวิ๋นจูขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องมารโลหิตอย่างไร มารโลหิตถูกบิดาของข้าสะกดไว้ เหตุใดทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์จึงไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนั้นผู้ที่เห็นการเข่นฆ่าหนนั้นกับตาตนเอง ไม่ตายก็จำสิ่งใดไม่ได้ เจ้ากล้าพูดหรือว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ”
ผู้พิทักษ์เหลียนตอบอย่างปากแข็ง “ข้าเคยบอกแล้วว่าเรื่องมารโลหิต บิดาของเจ้าเป็นคนไม่ยอมให้ข้าบอกผู้อื่น”
อวิ๋นจูแย้งเสียงเย็นชา “เขามีเหตุผลอันใดต้องบอกเรื่องสำคัญเช่นนี้กับเจ้า แล้วมีเหตุผลอันใดจึงไม่ให้เจ้าบอกกับผู้อื่น”
ผู้พิทักษ์เหลียนสะอึก
อวิ๋นจูเดินไปหานางทีละก้าว “นับประสาอะไรกับเมื่อตอนนั้นเขาธาตุไฟเข้าแทรกสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว เขาจำไม่ได้แม้แต่ตนเองเป็นผู้ใด เขาจะจำสาวใช้อย่างเจ้าได้หรือ เขาจะกำชับอะไรกับเจ้าดีๆ ได้อย่างไร”
ผู้พิทักษ์เหลียนร้อนรนชั่วขณะจึงหลุดปากออกมาว่า “เขาธาตุไฟเข้าแทรกหลังจากถูกขังในคุกใต้ดินต่างหาก!”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที
ผู้พิทักษ์เหลียนตกใจนิ่งไป
มือของอวิ๋นจูกำเป็นหมัด “ในเมื่อเขาไม่ได้ธาตุไฟเข้าแทรก ถ้าเช่นนั้นเขาจะเข่นฆ่าศิษย์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกัน!”
ผู้พิทักษ์เหลียนพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ประมุขเฒ่าทั้งสองคนนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอย่างห้ามตนเองไม่ได้ พวกเขาสองคนออกไปฝึกวิชากลับมาก็ได้ยินว่าเจ้าลัทธิแสวงหาสุดยอดพลังยุทธ์จนฝึกตนเองเป็นนักรบมรณะอย่างไม่เสียดาย สุดท้ายเขาบรรลุเป็นจักรพรรดิอสูรอย่างราบรื่น แต่ไม่ทันระวังจนธาตุไฟเข้าแทรก กลายเป็นว่าจำไม่ได้แม้แต่ตนเองคือผู้ใดแล้วกระทำความผิดสังหารหมู่คนในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงถูกประมุขและผู้พิทักษ์ทั้งหลายร่วมแรงกันสะกดไว้ เพื่อที่จะสะกดเขา ยอดฝีมือเหล่านั้นต่างสังเวยชีวิตตนเอง
เดิมทีทุกคนเชื่อว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ ทว่าไม่นานก่อนหน้านี้หลังจากได้เห็นพลังของมารโลหิต ก็มีคนไม่น้อยเริ่มสงสัยว่ายอดฝีมือที่ตายไปเหล่านั้นมีพลังพอจะสะกดจักรพรรดิอสูรหรือไม่
หากจักรพรรดิอสูรไม่ต่อสู้กับมารโลหิตจนบาดเจ็บทั้งคู่ เขาจะถูกคนสะกดได้อย่างไรกัน
ตอนนี้ผู้พิทักษ์เหลียนยอมรับเองกับปากแล้วว่าจักรพรรดิอสูรธาตุไฟเข้าแทรกหลังจากถูกสะกดไปแล้ว นี่ยิ่งยืนยันข้อสันนิษฐานของทุกคนที่ว่าในตอนนั้นจักรพรรดิอสูรไม่ได้ฝึกตนเองกลายเป็นนักรบมรณะเพื่อแสวงหาสุดยอดพลังยุทธ์ แต่เขาทำเพื่อกำจัดมารโลหิต
เขาไม่เคยสังหารศิษย์คนใดของลัทธิศักดิ์สิทธิ์แม้แต่คนเดียว แม้แต่ช่วงเวลาสุดท้ายเขาก็ยังเอาแต่ขบคิดว่าจะปกป้องศิษย์ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์อย่างไร คนเช่นนี้ สุดท้ายกลับถูกสตรีเห็นแก่ตัวนางหนึ่งใส่ความ!
อวิ๋นจูจับคอเสื้อของผู้พิทักษ์เหลียน “เจ้าวางยาพิษบิดาของข้า! เจ้าทำให้เขาธาตุไฟเข้าแทรก! เจ้าโยนความผิดทุกอย่างใส่หัวเขา! เจ้าเป็นคนกระตุ้นมารโลหิต! เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายข้า! ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า…”
“เจ้ามีหลักฐานอะไร…”
ผู้พิทักษ์เหลียนพูดยังไม่ทันจบ อวิ๋นจูก็เงื้อฝ่ามือตบหน้านางฉาดหนึ่งอย่างไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย!
ผู้พิทักษ์เหลียนถูกตบจนล้มฟุบไปกับพื้น ป้ายวิญญาณในอ้อมแขนร่วงกระเด็นออกไป อวิ๋นฮูหยินโผไปเก็บป้ายวิญญาณขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง
ผู้พิทักษ์เหลียนรีบร้อนจะเข้าไปแย่ง ทว่าอวิ๋นฮูหยินถอยหลังหลบนางอย่างหวาดผวา จีหมิงซิวขยับตัวมาบังอวิ๋นฮูหยินไว้ด้านหลัง แล้วมองผู้พิทักษ์เหลียนด้วยสีหน้าเย็นชา
ผู้พิทักษ์เหลียนถูกคนตบหน้ากลางหมู่ธารกำนัล แต่กลับไม่มีใครสักคนก้าวออกมา แม้แต่ศิษย์หญิงแห่งเกาะอิ๋นหูด้านหลังนางก็สับสนไม่รู้จะทำเช่นไรดี
ผู้พิทักษ์เหลียนเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก นางลุกขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหยัน “ทุกอย่างล้วนแต่เป็นการคาดเดาของพวกเจ้า หลักฐานเล่า”
อวิ๋นจูโต้ “เจ้ายอมรับกับปากเองแล้วยังต้องการหลักฐานอะไรอีก”
เล็บของผู้พิทักษ์เหลียนจิกเข้าไปในเนื้อ อวิ๋นจูมองนางอย่างเจ็บปวด “อีกอย่างบาปที่เจ้าก่อไว้ก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังจำได้หรือไม่ว่ายามนั้นเจ้าหลอกล่อข้าไปปล้นนักโทษที่คุกใต้ดินอย่างไร เจ้าบอกข้าว่าหากเหลือขุนเขาเขียวอยู่ย่อมไม่กลัวไร้ฟืนเผา ใต้หล้ากว้างใหญ่ ไม่ว่าที่ใดล้วนดีกว่าถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ข้าทำให้ศิษย์สองคนสลบระหว่างไปปล้นนักโทษที่คุกใต้ดิน แต่วันต่อมาพวกเขากลับตายเสียแล้ว เจ้าเป็นคนรักษาพวกเขา ตอนนั้นเพราะมีอวิ๋นชิงเป็นพยานให้เจ้า จึงไม่มีผู้ใดสงสัยว่าเจ้าเป็นคนลงมือ…แต่เจ้ากับอวิ๋นชิงเป็นพวกเดียวกันมาตั้งแต่ต้น!”
ภายในห้องโถงใหญ่เกิดเสียงฮือฮาดังสนั่นขึ้นอีกหน ยิ่นอ๋องกุมหน้าผาก ผู้พิทักษ์เหลียนกลับเถียงเสียงเย็นชา “ไม่มีหลักฐาน เจ้าจะใส่ร้าอย่างไรก็ได้!”
อวิ๋นจูเอ่ยต่อว่า “เหตุใดจึงไม่มีหลักฐานเล่า ไม่ใช่เพราะเจ้ากำจัดไปหมดแล้วหรือไร แต่เจ้าอย่าคิดว่าเจ้ากำจัดทุกสิ่งหมดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็มีหลายเรื่องที่เจ้ามองข้ามไป”
“ข้ามองข้ามอะไรไปเล่า” ผู้พิทักษ์เหลียนถาม
อวิ๋นจูจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาง “มารโลหิตถูกขังไว้ก้นทะเลสาบมาหลายปีขนาดนั้น แต่หลังจากปรากฏตัวกำลังภายในกลับไม่ลดลง เจ้าคงเลี้ยงเขาดีมากสินะ”
ผู้พิทักษ์เหลียนผินหน้าหนีหลบสายตาของอวิ๋นจู นางหันไปมองที่อื่น “เลิกพูดล้อเล่นได้แล้ว ข้าจะไปเลี้ยงอะไรมารโลหิตได้ ข้าก็แค่ส่งอาหารธรรมดาจำนวนหนึ่งให้เขาเท่านั้น
“เช่นนั้นหรือ” อวิ๋นจูถามอย่างมีเลศนัย
ผู้พิทักษ์เหลียนเชิดคางขึ้น “ไม่เช่นนั้นจะอย่างไร ข้าจะเอาคนเป็นๆ ไปให้เขาอย่างนั้นหรือ หากข้าทำเช่นนั้น ศพเล่า ข้าเอาศพไปซ่อนไว้ที่ใด”
“ศพอยู่ที่ก้นทะเลสาบ!”
จู่ๆ เสียงใสกังวานของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นนอกห้องโถงใหญ่