หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 82-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 82-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
ตอนที่ 82-2 ทารุณฆาตดอกบัวขาว (1)
ฝูงชนหลีกทางให้อย่างไม่รู้ตัว เฉียวเวยสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีขาวของผู้ชันสูตรศพ สองมือไม่ทันถอดถุงมือจับปลาก็ย่างเท้าอย่างมั่นใจเข้ามาด้านใน นางหันไปมองจีหมิงซิว สองสามีภรรยาส่งสายตาให้กันเพียงหนเดียวก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเฉียวเวยจึงเอ่ยทักทายท่านยายคำหนึ่งแล้วเดินไปอยู่ข้างกายอวิ๋นจู นางมองผู้คนด้านในตำหนักแล้วบอกว่า “ศพถูกงมขึ้นมาได้ไม่น้อยแล้ว ขอเชิญทุกท่านย้ายที่ตามข้าไปที่ริมทะเลสาบสักหน”
ทุกคนเดินตามนางไปที่ทะเลสาบอิ๋นหู
ในทะเลสาบมีองครักษ์เกราะทมิฬสวมเกราะเหล็กชนิดพิเศษกำลังวุ่นวายลากอวนบางสิ่งขึ้นมาจากใต้น้ำ ส่วนศิษย์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์คอยคุมลำเรือและขนย้ายศพที่พวกเขางมขึ้นมาไปที่ริมฝั่ง
ศิษย์เอกที่คอยคุมสถานการณ์อยู่ตรงนั้นคนหนึ่งเห็นยิ่นอ๋องก็รีบวิ่งเหยาะๆเข้ามา “เจ้าลัทธิน้อย!”
ยิ่นอ๋องมองโครงกระดูกน่าขนลุกที่อยู่บนพื้น แล้วมุ่นคิ้วถามว่า “ผู้ใดอนุญาตให้พวกเขาออกไปงม เรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุจึงไม่รายงานข้าก่อน”
ศิษย์เอกงุนงง “ไม่ใช่เจ้าลัทธิน้อยเป็นคนสั่งให้งมหรือขอรับ”
ยิ่นอ๋องกำลังจะบอกว่าข้าอนุญาตให้งมตั้งแต่เมื่อไร ทว่าตอนที่คำพูดมาถึงริมฝีปากก็พลันเหลือบเห็นยอดหญิงงามยืนถือดาบเล่มโตอยู่บนเรือลำหนึ่ง นางบัญชาการเรือทั้งหลาย เอ่ยวาจาเยี่ยงคุณชายตระกูลใหญ่สักคน “พวกเจ้าตรงนั้น ขยับไปทางโน้นอีกหน่อย ถูกแล้วๆ ตรงนั้นแหละ! ทำดีมาก กลับไปจะให้เจ้าลัทธิน้อยตกรางวัลให้พวกเจ้า!”
ศิษย์ทั้งหลายทำงานกันอย่างไฟแรง!
ยิ่นอ๋องโมโหจนเจ็บหน้าอก…
เฉียวเจิงก็อยู่ตรงนั้นด้วย เขาตรวจสอบศพที่งมขึ้นมาอย่างละเอียด เพราะในทะเลสาบเลี้ยงปลากินคนเอาไว้ ดังนั้นขอเพียงมีศพตกลงไป ปกติแล้วมันก็จะถูกกัดกินจนเกลี้ยง จนสุดท้ายเหลือแต่โครงกระดูกขาวโพลน เฉียวเจิงตรวจดูโครงกระดูกมายี่สิบกว่าร่างแล้ว พบว่าผู้ตายล้วนเป็นสตรี อายุสิบกว่าปีไล่ไปจนถึงยี่สิบกว่าปี
ทุกคนมองดูโครงกระดูกเต็มพื้นด้วยสายตานิ่งค้าง
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดนะ องครักษ์เกราะทมิฬยังงมโครงกระดูกใหม่ๆ ขึ้นมาจากก้นทะเลสาบเป็นระยะ
ผู้พิทักษ์เจิงมองโครงกระดูกที่เหมือนจะวางเรียงรายจนเต็มพื้นหญ้าทั้งหมด ความหนาวยะเยือกแล่นปราดจากฝ่าเท้าขึ้นไปถึงกลางกระหม่อม ประมุขเฒ่าสูงอายุทั้งสองคนก็ตกใจจนพูดไม่ออก
เฉียวเวยหันไปมองกลุ่มคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่เข้าใจ “ข้าขอล่วงเกินถามสักคำ ปลากินคนในทะเลสาบแห่งนี้ผู้ใดเป็นคนเสนอให้เลี้ยงเอาไว้ ศพดีๆ ถูกปลาพวกนี้เหยียบย่ำหมดแล้ว!”
ทุกคนหันไปมองผู้พิทักษ์เหลียนพร้อมกันอย่างไม่ได้นัด ตอนนั้นสตรีนางนี้บอกว่าเพื่อปกป้องเกาะอิ๋นหู เพื่อป้องกันไม่ให้จักพรรริดอสูรหนีออกไป จึงหาปลากินคนมากมายมาย
เฉียวเวยหันไปมองผู้พิทักษ์เหลียน “ศพธรรมดาโยนทิ้งน้ำ สุดท้ายย่อมลอยขึ้นมา แต่หากถูกปลากินคนกัดกินจนเหลือแต่โครงกระดูกสีขาวย่อมนอนอยู่ที่ก้นทะเลสาบตลอดไป ผู้พิทักษ์เหลียน ข้าพูดถูกหรือไม่เล่า”
ในเมื่อตอนนี้หาศพเหล่านี้พบแล้ว ผู้พิทักษ์เหลียนอยากแก้ตัวอีกเท่าใดว่าตนเองไม่ได้เลี้ยงมารโลหิตก็เป็นไปไม่ได้
ความจริงมารโลหิตไม่สูบกินเลือดของคนก็ไม่มีทางเป็นอะไรไป เขาไม่มีทางตายเพราะเรื่องนั้น เพียงแต่กำลังภายในจะลดทอนลงก็เท่านั้น แต่นางกลับเลี้ยงดูมารโลหิตด้วยจิตใจอันวิปริต ความคิดของสตรีนางนี้โหดร้ายน่ากลัวอย่างแท้จริง!
ยิ่นอ๋องมองนางอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ รู้สึกโชคดีอีกหนที่ตนเองไม่ใช่หลานชายแท้ๆ ของสตรีใจอสรพิษคนนี้ ไม่เช่นนั้นเพียงคิดก็ทำให้คนสะอิดสะเอียนแล้ว
ยิ่นอ๋องเอ่ยเสียงเย็นชา “เด็กๆ จับนางไว้! ขังไว้ในคุกใต้ดิน!”
คนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์สองคนก้าวเท้าออกมาจับแขนของนางไว้อย่างไม่เกรงใจสักนิด
นางดิ้นรนเถียงว่า “พวกนางทุกคนคือร่างพิษ…หลังจากควักเม็ดยาพิษออกมาแล้ว ไม่ยกให้มารโลหิตก็ตายอยู่ดี ข้าทำอันใดผิด”
เฉียวเวยมองนางแล้วบอกว่า “ถูกหรือผิดเจ้ามิใช่คนตัดสิน เจ้าไม่มีสิทธิตัดสินความเป็นความตายของผู้ใดอีกแล้ว อีกอย่างเจ้าเคยคิดหรือไม่ ก็เพราะเจ้าเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเช่นนี้ เจ้าถึงสูญเสียบุตรชายของตนเองไป แต่เดิมเจ้ามีโอกาสมีลูกหลานห้อมล้อม แต่เจ้ามีวันนี้ทั้งหมดเพราะเจ้าทำตนเอง! น่าสงสารก็แต่อวิ๋นอวี้ที่ดันมีมารดาเช่นเจ้า!”
ผู้พิทักษ์เหลียนใจสะท้าน นางมองเฉียวเวย แล้วหันไปมองศิษย์รอบด้าน สีหน้าของทุกคนเย็นชาเสียยิ่งกว่าเฉียวเวย กล่าวกันว่าเรื่องดีงามเล่าลือไม่พ้นประตูบ้าน เรื่องเลวทรามเล่าลือไกลพันลี้ เห็นชัดว่าเรื่องที่ศิษย์ใหม่ในตอนนั้นคืออวิ๋นอวี้กระจายไปทั่วลัทธิศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วแล้ว โ
นางกลายเป็นเรื่องตลกที่น่าขำที่สุดของลัทธิศักดิ์สิทธิ์
ผู้พิทักษ์เหลียนเลือดลมพลุ่งพล่าน กระอักเลือดอย่างรุนแรงออกมาหนึ่งคำ นางดิ้นหลุดจากศิษย์สองคนที่จับตัวนางไว้แล้วเดินโซเซไปหาอวิ๋นฮูหยิน นางเดินไปพลางก็กระอักเลือดออกมาด้วย “คืนลูกชายให้ข้า…คืนลูกชายให้ข้า…”
ทว่าอวิ๋นฮูหยินกลับกอดป้ายวิญญาณของอวิ๋นอวี้ไว้แน่นพลางมองนางอย่างหวาดระแวง นางโผเข้ามาหาอวิ๋นฮูหยิน ฝ่ายอวิ๋นฮูหยินก็ก้าวเท้าหลบ
นางจับชายเสื้อของอวิ๋นฮูหยิน ดวงตาเบิกโพลง พร่ำพูดอย่างเพ้อคลั่ง “คืนลูกชายให้ข้า…คืนให้ข้า!”
อวิ๋นฮูหยินปกป้องป้ายวิญญาณไว้สุดกำลัง “เจ้าเป็นคนทำให้อวิ๋นอวี้ตาย…ข้าไม่ให้เจ้า…ไม่ให้เจ้า…ถึงตายก็ไม่ให้เจ้า…”
ผู้พิทักษ์เหลียนคำรามเสียงแหลม “เขาเป็นลูกชายของข้า…เจ้าคืนให้ข้า! เจ้าคืนเขาให้ข้า!”
อวิ๋นฮูหยินถูกผู้พิทักษ์เหลียนดันจนล้มไปกับพื้น แต่นางยังคงใช้ร่างกายปกป้องป้ายวิญญาณเอาไว้ประหนึ่งปกป้องลูกของตนเอง ปกป้องชีวิตของตนเอง
ผู้พิทักษ์เหลียนเงื้อมือขึ้นทำท่าจะฉีกร่างอวิ๋นฮูหยิน แต่เฉียวเวยชิงคว้าคอเสื้อนางดังหมับแล้วโยนนางไปที่พื้นด้านหน้า “เจ้าเป็นบ้าอะไร คิดว่าแสร้งเป็นบ้าแล้วจะหนีทุกสิ่งพ้นหรือ” ฐณษซฯื
ผู้พิทักษ์เหลียนถลึงตาใส่เฉียวเวยอย่างเคียดแค้น นางตะโกนอย่างคับแค้นราวกับได้รับความอยุติธรรม “ข้าเปล่า…ข้าไม่ได้ทำ…ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น! พวกเจ้าใส่ร้ายข้า! ข้าไม่ใช่คนสร้างร่างพิษขึ้นมาเสียหน่อย! ข้าเพียงนำศพของพวกนางไปให้มารโลหิตก็เท่านั้น! พวกเจ้าจะมาจับข้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!”
ยอดหญิงงามใช้วิชาตัวเบาเหินข้ามมาแล้วปัดมือเบาๆ นางมองผู้พิทักษ์เหลียนที่สภาพดูไม่จืดแล้วถามเฉียวเวยว่า “นางก็คือนางปีศาจเฒ่าคนนั้นหรือ”
เฉียวเวยบอกอย่างฉุนเฉียว “นางไม่ยอมรับผิด”
ยอดหญิงงามหัวเราะหยัน ท่อนขาหนาเท่าช้างก้าวมาตรงหน้าผู้พิทักษ์เหลียน ฝ่ามือใหญ่ที่ทั้งกว้างทั้งหนายื่นออกมาหิ้วผู้พิทักษ์เหลียนขึ้นมาประหนึ่งหิ้วลูกเจี๊ยบตัวน้อย
ผู้พิทักษ์เหลียนดิ้นรน “เจ้าจะทำอะไร เจ้าปล่อยข้านะ!”
ยอดหญิงงามหิ้วนางเดินไปที่ริมทะเลสาบ แล้วเหยียดแขนออกไปให้นางห้อยต่องแต่งอยู่เหนือผิวทะลสาบสีครามที่ไหวเป็นระลอกคลื่น
เลือดบนร่างนางหยดลงในน้ำ
โลหิตเข้มข้นล่อปลากินคนเป็นฝูงมาในพริบตา
ยอดหญิงงามถามว่า “ยอมรับผิดหรือไม่ หากไม่ยอมรับผิดข้าจะโยนเจ้าลงไปแล้วนะ”
ผู้พิทักษ์เหลียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าไม่ผิด! ข้าไม่ได้สังหารใคร! ข้าไม่…อ้ากกก”
ตู้ม!
ยอดหญิงงามปล่อยมือ ทิ้งให้นางร่วงลงไปในน้ำทะเลสาบเย็นเฉียบทั้งตัว ปลากินคนที่หิวโหยจนตาลายรุมเข้ามาขย้ำเนื้อหนังของนาง ใต้ระลอกคลื่นเกิดเสียงขย้ำเนื้อดังกร้วมๆ ผิวน้ำกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วชนิดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นภาพนองเลือดขนาดนี้ พวกเขาตัวสั่นระริกอย่างห้ามตนเองไม่ได้
ผู้พิทักษ์เหลียนทะลึ่งตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ นางชูแขนตะโกนว่า “ช่วยข้าด้วย…”
ยอดหญิงงามหิ้วนางขึ้นมา ปลากินคนที่กัดร่างของนางยึดร่างของตนเองไว้ไม่ไหวจึงร่วงลงไปด้านล่างทีละตัวๆ ทว่าทุกตัวที่ร่วงลงไปต่างฉีกเนื้อหนังก้อนหนึ่งของนางลงไปด้วย
“ยอมรับผิดแล้วหรือ” ยอดหญิงงามถาม
ผู้พิทักษ์เหลียนเจ็บปวดจนสั่นระริกไปทั้งตัว “ข้าไม่…อ้ากกก”
ยอดหญิงงามกดนางลงไปอีกครั้ง เหนือผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นสีแดงสด เมื่อยอดหญิงงามดึงนางขึ้นมาอีกหน บนร่างของนางก็ไม่มีตรงไหนอยู่ในสภาพดีอีกต่อไป
ความจริงนางแลกเลือดกับอวิ๋นซู่ไปแล้ว ดังนั้นแต่เดิมนางก็คงไม่รอดอยู่แล้ว ทว่าความเจ็บปวดและความน่ากลัววของการถูกปลากินคนขย้ำกินทีละคำๆ เช่นนี้น่ากลัวว่าตายสบายๆ มากเหลือเกิน นางเป็นสตรีที่ต่อให้ต้องตายก็ขอตายจากไปอย่างสง่างาม นางไม่ต้องการถูกกัดกินจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้!
“ยอมรับผิดแล้วหรือไม่” ยอดหญิงงามถาม
ผู้พิทักษ์เหลียนตัวสั่นเทา “ยอม ยอมรับผิดแล้ว”
ริมฝีปากที่เม้มแน้นของเฉียวเวยบิดขึ้นเป็นเส้นโค้ง
“ยอมรับผิดข้อไหนเล่า” ยอดหญิงงามจี้ถามต่อ
ร่างกายของผู้พิทักษ์เหลียนไม่ฟังคำสั่งแล้ว แม้แต่พูดก็ยังไม่ชัด “ยอม…ยอมรับทุกอย่าง…เจ้า …เจ้าดึงข้าขึ้นไป…”
“ยอมรับผิดแล้วยังอยากจะขึ้นมาอีกหรือ ฝันไปแล้ว” ยอดหญิงงามกดผู้พิทักษ์เหลียนกลับลงไปในน้ำอย่างไร้ความเมตตา “ปลาที่เจ้าเลี้ยง เจ้าก็ไปเป็นอาหารของมันเองแล้วกัน!”