หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 84-1 ค้นพบชาติกำเนิด (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 84-1 ค้นพบชาติกำเนิด (1)
ตอนที่ 84-1 ค้นพบชาติกำเนิด (1)
ตกกลางคืนรถม้าสองคันค่อยๆ จอดหน้าเรือนอันเงียบสงบหลังหนึ่ง อวิ๋นฮูหยินกับเฉียวเวยลงจากรถม้า อวิ๋นฮูหยินเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนจะส่งป้ายวิญญาณกับเถ้ากระดูกของอวิ๋นอวี้ให้เฉียวเวย แล้วคำนับด้วยความจริงใจ “ต้องฝากจีฮูหยินด้วย”
จากนั้นอวิ๋นฮูหยินก็เดินไปที่รถม้าอีกคันหนึ่งแล้วคำนับกงซุนฉางหลีเนิ่นนาน “ขอบคุณคุณชายยิ่งนัก” กงซุนฉางหลีผงกศีรษะให้เล็กน้อย อวิ๋นฮูหยินจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน
เฉียวเวยเดินมาหน้ารถม้าแล้วหันไปมองกงซุนฉางหลี “นางขอบคุณเจ้าเรื่องอะไร เจ้าไม่ได้เลี้ยงอาหารดีๆ พวกเราเสียหน่อย แล้วข้ายังเป็นคนจ่ายเงินด้วย!”
“อ้อ จริงสิ” อวิ๋นฮูหยินที่เพิ่งจะก้าวเข้าประตูไปย้อนกลับมาอีกหน “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าลืมบอกพวกท่าน ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับพวกท่านหรือไม่”
“อะไรหรือ” เฉียวเวยถาม
อวิ๋นฮูหยินเปรยขึ้นมาว่า “พ่อสามีของข้าเขา…เหมือนจะไม่ได้แซ่อวิ๋น”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “ถูกต้องแล้ว เขาเป็นบุตรชายบุญธรรม”
อวิ๋นฮูหยินทบทวนความทรงจำ “หลังจากสามีของข้าจากไป พ่อสามีของข้าเคยมาเซ่นไหว้เขาหนหนึ่ง ข้าเห็นชื่อบนกระดาษเงินที่พ่อสามีข้าเผาให้สามีข้า มันเขียนว่า…มู่อวิ๋นอวี้”
เฉียวเวยลูบคางอย่างฉงน “มู่หรือ แซ่นี้เหตุไฉนจึงฟังดูคุ้นหูเช่นนี้นะ”
กงซุนฉางหลีถามขึ้นเรียบๆ “เจ้าพักอยู่ที่จวนอะไรล่ะ”
“จวนมู่อ๋องอย่างไรเล่า” เฉียวเวยเอ่ยตอบ ฉับพลันดวงตาก็เบิกถลน “แซ่ของราชวงศ์เยี่ยหลัว!”
อวิ๋นชิงเป็นเด็กที่ถูกเก็บมา ตอนที่ถูกเก็บมาเขาสวมใส่หนังสัตว์ พูดจาไม่ได้ ทุกคนจึงคิดว่าเขาเป็นคนป่าตัวน้อยที่เติบโตขึ้นมาในภูเขาสักแห่ง…แต่ตอนนี้ดูท่าจะไม่ใช่แล้ว
เฉียวเวยกอดของในอ้อมแขนแน่น แล้วบอกกงซุนฉางหลีว่า “ข้าขอตัวกลับก่อน ไม่ส่งเจ้าแล้ว เจ้าเดินทางปลอดภัย!”
กงซุนฉางหลีปลดม่านลงอย่างเฉยเมย
เฉียวเวยเบ้ปาก ต้องวางท่าหยิ่งยโสเช่นนี้เชียว นางก็แค่จะไปแล้ว ต้องทำสีหน้าเช่นนี้ใส่นางด้วยหรือ
หลังจากเฉียวเวยจากไปแล้ว กงซุนฉางหลีก็ให้องครักษ์หนุ่มขับรถม้ากลับเมืองอวิ๋นจง องครักษ์หนุ่มป้อนอาหารให้อาชาร่างกำยำที่ระหกระเหินเดินทางมาทั้งวันเล็กน้อย ป้อนเสร็จก็กระโดดขึ้นรถม้าเตรียมตัวออกเดินทาง
องครักษ์หนุ่มหันกลับมามองด้านในผ้าม่านอย่างไม่คิดอะไร แล้วก็เห็นกงซุนฉางหลีนั่งอยู่ในตัวรถ ข้างมือมีตำราฉบับคัดลอกเล่มหนึ่งวางอยู่
ตำราเล่มนี้เริ่มมีเก่าแล้ว องครักษ์หนุ่มอยู่กับเขามานานถึงขนาดนี้ ย่อมจดจำสิ่งนี้ได้
องครักษ์หนุ่มพองลมที่แก้ม แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “นั่นเป็นตำราของ…โหราจารย์อะไรนั่นใช่หรือไม่ ท่านอ่านให้น้อยหน่อยก็ดี ขนาดตัวจีหมิงซิวเองยังไม่อ่านเลย! ท่านดูสิโหราจารย์พวกนั้นมีใครอายุยืนบ้าง ลอบสอดส่องชะตาฟ้าย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ”
กงซุนฉางหลีไม่ตอบคำใด ภายใต้แสงจากไข่มุกอันเลือนรางเย็นเยียบ สีหน้าของเขาซีดเผือดยิ่งนัก
องครักษ์หนุ่มพึมพำอย่างปวดใจ “ท่านบอกให้ผู้อื่นปล่อยวาง แล้วตัวท่านเองเล่า”
…
ตอนที่เฉียวเวยมาถึงจวนอ๋อง จีหมิงซิวกับอวิ๋นจูก็มาถึงนานแล้ว ทั้งสองคนทราบว่าอวิ๋นฮูหยินถูกกงซุนฉางหลีเชิญไป เฉียวเวยที่อยู่บนรถม้าของอวิ๋นฮูหยินย่อมต้องเดินทางไปด้วย แม้ทั้งสองคนจะไม่รู้ว่ากงซุนฉางหลีมาพบอวิ๋นฮูหยินด้วยเรื่องอันใด แต่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำร้ายอวิ๋นฮูหยินอย่างแน่นอน
ตอนที่เฉียวเวยกลับมาฟ้ามืดแล้วแต่ก็ยังไม่ดึกนัก เวลากำลังพอดี เด็กน้อยทั้งสองถูกฮองเฮาเยี่ยหลัวกล่อมจนหลับไปแล้ว จีหมิงซิวเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เขานั่งวิเคราะห์สิ่งของที่เหลืออยู่ของอวิ๋นชิงอยู่ในห้อง
แม้ความจริงเรื่องที่จักรพรรดิอสูรสังหารหมู่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์จะกระจ่างแล้ว แต่อวิ๋นชิงผู้นี้ยังคงเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกเรื่องหนึ่ง
“ท่านอยู่นี่เองหรือ พอดีเลย ข้ามีเรื่องต้องบอกท่าน” เฉียวเวยผลักประตูเดินเข้ามา โ
จีหมิงซิวเงยหน้ามองป้ายวิญญาณกับกล่องเก็บเถ้ากระดูกในอ้อมแขนของนางแล้วเอ่ยเสียงเบา “อวิ๋นฮูหยินยอมให้พาอวิ๋นอวี้กลับไปฝังที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ”
เฉียวเวยพยักหน้า บนใบหน้าปรากฏสีหน้าโล่งใจจางๆ
จีหมิงซิวลุกขึ้นมารับของในมือเฉียวเวย จากนั้นก็หมุนตัวนำมันไปวางบนตู้ที่เด็กๆ แตะไม่ถึง แล้วถามว่า “เหตุไฉนจู่ๆ จึงคิดตกแล้วเล่า”
เฉียวเวยนึกทบทวนดู คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง “แน่นอนต้องเป็นเพราะถูกข้าเกลี้ยกล่อมน่ะสิ!”
ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรได้ จะบอกว่าถูกกงซุนฉางหลีเกลี้ยกล่อมมาหรือ เจ้าหมอนั้นไม่เห็นจะพูดอะไรสักนิด
จีหมิงซิวชะงักไปวูบหนึ่งแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “จัดการได้แล้วก็ดี เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับข้า เรื่องอะไรหรือ”
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับอวิ๋นชิงกับอวิ๋นอวี้” เฉียวเวยเล่าเรื่องกระดาษเงินที่อวิ๋นชิงเผาให้อวิ๋นอวี้ออกมา “กระดาษเงินที่พวกเราเผาที่โน่นไม่มีการเขียนนาม กระดาษเงินของพวกท่านที่นี่คงจะค่อนข้างเป็นของชั้นดี”
จีหมิงซิวแย้งว่า “ชนเผ่าลึกลับไม่เผากระดาษเงินสักหน่อย”
ชนเผ่าลึกลับเชื่อในองค์เทพ พวกเขาย่อมไม่กราบไหว้คนตายคนใด แม้จะไปเยี่ยมเยือนสุสาน แต่ก็เพียงเยี่ยมเยือนปกติเท่านั้น ไม่คุกเข่าโขกศีรษะหรือเผากระดาษเงิน
จีหมิงซิวมองเฉียวเวยด้วยท่าทางนิ่งสงบ
เฉียวเวยแววตาวูบไหว ตีหน้าขรึมบอกว่า “ข้าหมายถึงหมู่บ้านซีหนิวต่างหาก”
“เช่นนั้นหรือ” จีหมิงซิวยิ้มอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เฉียวเวยเบิกตาจนกลมบ๊อก ตีหน้านิ่งเอ่ยว่า “แน่นอนสิ หมู่บ้านยากจนปานนั้น มีไม่กี่คนที่อ่านหนังสือออก ใครจะเขียนนามบนกระดาษเงินกัน เฮ้อ…นี่ท่านจับจุดสำคัญผิดไปหน่อยหรือไม่ อวิ๋นอวี้กับอวิ๋นชิงแซ่มู่ นี่เป็นแซ่ของราชาเยี่ยหลัว ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือไร”
จีหมิงซิวตอบรับนิ่งๆ “อืม แปลกทีเดียว”
แต่เจ้าแปลกกว่า
จีหมิงซิวกะพริบตาหนหนึ่งก็เห็นเฉียวเวยขยับไปนั่งหน้าบึ้งอยู่อีกฟากของห้องแล้ว นางทำหน้าเหมือนอยากจะอยู่ให้ห่างเขาสักสิบหมื่นแปดพันลี้