หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 86-2 ค้นพบชาติกำเนิด (3)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 86-2 ค้นพบชาติกำเนิด (3)
ตอนที่ 86-2 ค้นพบชาติกำเนิด (3)
จะว่าไปแล้วดูจากจำนวนคนก็สู้ไม่ได้จริงๆ แต่หากนับกำลังทหารของเยี่ยหลัวไปด้วยก็อาจจะมีโอกาสชนะอยู่เล็กน้อย แต่ปัญหาก็คืออวิ๋นซู่ยังไม่ได้ทวงตำแหน่งราชาเยี่ยหลัวกลับมาเสียหน่อย ราชลัญจกรหยกก็ยังอยู่ในมือโหราจารย์กับจั๋วหม่าน้อย เขาจะเอาสิ่งใดไปเรียกรวมพลเยี่ยหลัวเล่า
จีหมิงซิวแววตาทอประกายเย็นยะเยือก “มีสถานที่หนึ่ง ขอเพียงเขาเข้าไปได้ ต่อให้ไม่มีราชลัญจกรหยกก็สั่งการทั้งแคว้นเยี่ยหลัวได้”
ผู้พิทักษ์เจิงกับยิ่นอ๋องถามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน “ที่ใด”
จีหมิงซิวกับเฉียวเวยตอบเป็นเสียงเดียวกัน “พระราชวังใต้ดิน”
…
ถึงความลับของพระราชวังใต้ดินจะถูกเก็บซ่อนไปเก็บซ่อนมา แต่ในที่สุดก็ยังถูกอวิ๋นซู่ล่วงรู้จนได้ เขารู้ได้อย่างไรไม่อาจตรวจสอบได้ แต่จากที่ทหารรักษาประตูเมืองเยี่ยหลัวรายงาน ช่วงนี้มีคนออกจากเมืองจำนวนเพิ่มขึ้นมากจริงๆ
คำว่าช่วงนี้บ่งบอกว่าอวิ๋นซู่แอบหมายตาพระราชวังใต้ดินอย่างลับๆ มาไม่ใช่แค่วันสองวัน สาเหตุที่เขาอยู่ที่นี่ต่อเพราะต้องการครอบครองลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แต่วันนี้ครอบครองลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ตกบ่ายจีหมิงซิวกับเฉียวเวยกลับไปที่จวนอ๋อง บอกข่าวที่อวิ๋นซู่หลบหนีไปแล้วกับทุกคน
หลักฐานทุกอย่างล้วนได้มาอยู่ในมือแล้ว ขาดก็แต่เจ้าหมอนั่นที่ต้องถูกคุมตัวไปขึ้นศาล นี่นับว่าพลาดก้าวสุดท้ายจริงๆ!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยทุบกำปั้นบนโต๊ะ!
ในขณะที่คนทั้งหลายกำลังคับแค้น อวิ๋นจูกลับโศกเศร้าเสียใจยิ่งกว่าผู้ใด ไม่ว่าอย่างไรอวิ๋นซู่ก็ไม่ได้หนีไปลำพัง แต่เขาพาร่างของเจาหมิงหนีไปด้วย
สีหน้าของอวิ๋นจูเย็นชาจนน่ากลัวเล็กน้อย
แม้แต่ราชันอสูรก็ไม่กินถั่วเคลือบน้ำตาลแล้ว เขานั่งบนม้านั่งอย่างเงียบๆ เป็นเด็กดียิ่งนัก
ฟู่เสวี่ยเยียนถามว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องนำร่างขององค์หญิงไปด้วย เขาเดินทางไปคนเดียวไม่รวดเร็วกว่าหรือ”
คำพูดนี้ไม่มีตรงไหนผิด ขนโลงศพเดินทางไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สะดวกอยู่บ้าง
เฮ่อหลันชิงแค่นเสียงดังเหอะ “นั่นก็เพราะว่ามีเหตุผลที่ต้องขนไปน่ะสิ พระราชวังใต้ดินอะไรนั่นที่เขาจะไปตามหา ขาดสิ่งใดอยู่เล่า”
ฟู่เสวี่ยเยียนนิ่งไปครู่หนึ่งก็พึมพำว่า “กุญแจ”
การจะเปิดพระราชวังใต้ดินต้องใช้กุญแจสี่ดอกได้แก่ ธนูจันทร์โลหิต กริชเฟิ่นเทียน กระบี่โหราจารย์กับโล่วารีสวรรค์
นอกจากโล่วารีสวรรค์ที่อยู่ในมือเย่ว์หวา สามสิ่งที่เหลือล้วนอยู่ในมือพวกเขา ไม่เห็นว่าอวิ๋นซู่จะมาหลอกเอากุญแจไป….
เฉียวเวยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “หรือว่า…โลงศกหยกขององค์หญิงก็เปิดพระราชวังใต้ดินได้”
…
พลบค่ำ จีหมิงซิวส่งวิหคส่งสารนำจดหมายไปให้กงซุนฉางหลี แต่วิหคบินไปเมืองอวิ๋นจงแล้วก็บินกลับมาในสภาพเดิม
จีหมิงซิวเพ่งมองแถบกระดาษที่ผูกติดอยู่กับขานก
“มีอันใดหรือ” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวแกะแถบกระดาษออกมา “ฉางหลีไม่อยู่ที่เมืองอวิ๋นจงแล้ว”
…
คืนนั้นทุกคนเริ่มเก็บข้าวของ หลังจากเดินทางมาอยู่ที่เยี่ยหลัวเนิ่นนาน เรื่องที่สมควรทำล้วนทำสำเร็จพอประมาณแล้ว สาเหตุการตายขององค์หญิงเจาหมิงก็กระจ่างแล้ว ได้อยู่พร้อมหน้ากับอวิ๋นจูแล้ว ความจริงเกี่ยวกับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเปิดเผยแล้ว เพียงสิ่งเดียวที่เหมือนก้างปลาทิ่มคอทุกคนอยู่ก็คือเจ้าก้อนเนื้อร้ายที่มีนามว่าอวิ๋นซู่
เรื่องครานั้นที่ราชาเยี่ยหลัวออกคำสั่งให้สังหารเจาหมิงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพราะถูกเหยาจวิ้นใช้วิชาสะกด แม้ไม่คิดจะอภัยให้เขากับมู่อ๋อง แต่เมื่อเทียบกับเพวกเขาแล้ว อวิ๋นซู่ต่างหากที่เป็นศัตรูที่แท้จริง
หากเวลานี้ต้าเหลียงกับเยี่ยหลัวสู้รบกันขึ้นมา ต่อให้หลับฝันอยู่อวิ๋นซู่ก็คงตื่นขึ้นมาหัวเราะ
ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้อวิ๋นซู่เข้าไปในพระราชวังใต้ดินไม่ได้
เมื่อได้ยินว่าจะกลับต้าเหลียง คนที่เบิกบานใจที่สุดก็คือเด็กน้อยทั้งสองคน พวกเขาจากบ้านมานานถึงเพียงนี้ย่อมคิดถึงสหายตัวน้อยในตระกูลแล้ว คิดถึงหลิวเกอร์ คิดถึงจงเกอร์ แล้วก็คิดถึงเอ้อร์โก่วจื่อด้วย
คนที่ปล่อยวางไม่ลงที่สุดก็คืออวิ๋นจู จักรพรรดิอสูรธาตุไฟเข้าแทรก นางไม่วางใจจะปล่อยให้เขาอยู่ในเทือกเขาลำเนาไพรเพียงลำพัง ทว่าเมื่อคิดถึงร่างของบุตรสาวที่ตกอยู่ในมือคนวิปริตคนนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าคนวิปริตนั่นจะทำเรื่องที่แม้แต่เทพเทวายังพิโรธอะไรลงไปบ้าง…
ในตอนที่อวิ๋นจูกำลังละล้าละลังตัดสินใจไม่ถูกนั่นเอง แม่ทัพน้อยมู่ก็มาเยือน
วันที่พลัดตกหน้าผาวันนั้น เขาใช้กำลังภายในทั้งหมดเพื่อปกป้องเฉียวเวย ทำให้เขาร่วงตกลงมาจนบาดเจ็บเกือบจะรักษากลับเป็นดังเดิมไม่ได้ แต่เพราะเฉียวเจิงทุ่มเทรักษาทำให้เขาเดินเหินได้เหมือนคนปกติคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าหากต้องการจะฟื้นกำลังภายในก็ต้องตรากตรำฝึกฝนใหม่อีกหน
แม่ทัพน้อยมู่เอ่ยว่า “อวิ๋นฮูหยิน ท่านไปต้าเหลียงเถิด การตามหาจักรพรรดิอสูร มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
อวิ๋นจูมองเขา “เจ้าน่ะหรือ”
แม่ทัพน้อยมู่ลูบแขนขวาที่ยังยกของหนักไม่ได้ “ตอนนี้หาตำราแปรสภาพเม็ดยาพิษพบแล้ว ต่อจากนี้น้องสาวของข้าต้องเก็บตัวเพื่อแปรสภาพเม็ดยาพิษ ข้าจะอยู่กับนาง หากท่านไว้วางใจ โปรดมอบหน้าที่ในการตามหาจักรพรรดิอสูรให้ข้า แม้…กำลังภายในของข้าจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ยังพอตามหาคนได้อยู่” โ
ฟ้าสางวันต่อมาจีหมิงซิวไปบอกลาราชาเยี่ยหลัว
เพราะได้ ‘ใบบุญ’ จากท่านราชครู เมื่อคืนวานราชาเยี่ยหลัวจึงป่วยเป็นหวัดอาการหนัก เช้ามาก็ล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น สะลึมสะลือไม่เข้าใจสักนิดว่าราชครูมารายงานอันใดให้เขาฟัง เอกสารที่จีหมิงซิวยื่นมาให้เขาก็ประทับตราทุกแผ่นทั้งที่มึนๆ งงๆ
ราชาเยี่ยหลัวหนาวสันหลังวาบ รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องสักอย่าง!
มู่อ๋องก็ได้ ‘ใบบุญ’ จากราชครูเช่นเดียวกัน จีหมิงซิวเพิ่งจะก้าวเท้าแรกออกไป เขาก็ถูกราชาเยี่ยหลัวเรียกไปเฝ้าไข้ ไม่มีแม้แต่โอกาสจะพบหน้าจีหมิงซิว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการ ‘รั้ง’ ตัวจีหมิงซิวเอาไว้
ยามเที่ยงตรง คณะเดินทางขึ้นนั่งบนรถม้า ออกเดินทางจากเมืองเยี่ยเหลียงอย่างสง่าผ่าเผย ก้าวเท้าสู่เส้นทางหวนกลับต้าเหลียง