หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 95-1 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 95-1 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
ตอนที่ 95-1 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
บนโลกใบนี้ไม่ว่ายามใดสิ่งที่ทำร้ายผู้คนได้มากที่สุดก็คือคำพูดที่ไม่ได้เจตนา เพราะเป็นความจริง ดังนั้นพวกมันจึงแทงใจดำเสมอ
กงซุนฉางหลีก้าวออกจากเรือนขึ้นมานั่งบนรถม้า ขณะที่กำลังจะจากไป จีหมิงซิวก็เดินออกมาด้วยท่าทางสุขุม “ฉางหลี ข้ามีคำพูดจะพูดกับเจ้า” กงซุนฉางหลีเงียบไปชั่วพริบตาหนึ่งก็เปิดผ้าม่านลงมาจากรถม้า ทั้งสองคนเดินไปที่ตรอกด้านข้าง
จีหมิงซิวเปิดปากบอกว่า “คำพูดของพวกเขาเจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจ”
กงซุนฉางหลีถามว่า “เจ้าก็คิดเช่นนั้นด้วยหรือไม่”
“คิดอะไร” จีหมิงซิวถาม
“ไม่มีอะไร” กงซุนฉางหลีหลุบตาลง “หากเจ้าจะพูดเรื่องนี้ ข้ารับรู้แล้ว หากไม่มีเรื่องอื่นข้าขอตัวก่อน”
กงซุนฉางหลีหมุนตัวเดินไปทางรถม้าอย่างเงียบๆ จีหมิงซิวมองแผ่นหลังของเขา แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขอบคุณเจ้า…ที่พาอวิ๋นจูกลับมาส่ง”
กงซุนฉางหลีชะงักเท้า จากนั้นก็เดินต่อไปด้านหน้าโดยไม่หันหลังกลับมาและไม่เอ่ยคำอันใด
จีหมิงซิวเรียกเขาไว้อีกหน “ฉางหลี”
กงซุนฉางหลีหยุดเท้า เอี้ยวศีรษะกลับมาเล็กน้อย สายตาจับจ้องถนนด้านข้าง แต่ปลายหางตาเหมือนจะเหลียวมองมาทางด้านหลัง ราวกับว่ากำลังรอคำพูดที่เขาจะเอ่ยออกมา
จีหมิงซิวเอ่ยว่า “อวิ๋นซู่ไม่ใช่คนเมตตา เขาไม่โง่ หลังจากนี้เจ้า..อย่าทำตัวเป็นอริกับเขาอีกเลย”
ดวงตาของกงซุนฉางหลีฉายแววผิดหวังจางๆ
สิ่งที่เขาอยากฟังไม่ใช่คำพูดนี้
“หากเขาให้ข้ามาสังหารเจ้าเล่า” กงซุนฉางหลีถาม
จีหมิงซิวตอบอย่างไม่ลังเล “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงมา”
กงซุนฉางหลีแววตาหม่นหมองลงเล็กน้อย “เจ้าอยากให้ข้าเชื่อฟังเขาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
แน่นอนว่าไม่ แต่หากเจ้าเชื่อฟังเขา เขาจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ หากไม่เชื่อฟังเขา เขาจะปล่อยให้เจ้าสบายดีหรือ
แต่สุดท้ายจีหมิงซิวก็ไม่พูดสิ่งใด กงซุนฉางหลีสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยออกมาช้าๆ “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปดูแลอวิ๋นฮูหยินเถิด ข้าไปแล้ว”
จีหมิงซิวเอ่ยขึ้นมาว่า “เรื่องในเมืองอวิ๋นจง ขออภัยด้วย”
เขาประเมินความสามารถของอวิ๋นซู่ต่ำเกินไป เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำร่วมกับกงซุนฉางหลีปิดบังได้แนบเนียน แต่วันนี้ดูท่าอวิ๋นซู่คงรู้กระจ่างแจ้งมานานแล้ว สถานการณ์ของกงซุนฉางหลีคงจะยากลำบากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้กงซุนฉางหลียังพาอวิ๋นจูกลับมาส่งโดยไม่สนใจการคัดค้านของอวิ๋นซู่อีก เมื่อเป็นเช่นนี้เกรงว่าคงจะยั่วยุโทสะของอวิ๋นซู่มากกว่าเดิม
จีหมิงซิวมองเขา “เจ้า…ไม่กลับไปดีหรือไม่”
กงซุนฉางหลีหันกลับมาช้าๆ แววสั่นไหว “ประเดี๋ยวเจ้าบอกให้ข้าอย่าหักหลังเขา ประเดี๋ยวเจ้าบอกให้ข้าอยู่ต่อ เจ้าอยากให้ข้าทำเช่นไรกันแน่”
จีหมิงซิวไม่ตอบคำถามเขาแต่จ้องลึกลงไปในดวงตาของเขา แล้วกล่าวออกมาจากใจจริง “ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนนอกและไม่เคยคิดว่าเจ้าช่วยอะไรไม่ได้ ข้าไม่เคยสงสัยความทุ่มเทของเจ้า ยิ่งไม่เคยคลางแคลงความสามารถของเจ้า ข้าเพียง…ไม่ปรารถนาจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายอีก เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ รอข้าสังหารอวิ๋นซู่ได้แล้ว เจ้าอยากไปที่ใดก็จงไป ข้าจะไม่บีบบังคับเจ้า”
กงซุนฉางหลีกระตุกริมฝีปาก คล้ายจะเผยรอยยิ้มเลือนรางที่แทบจะมองไม่เห็น “ตอนนั้นเจ้าก็พูดเช่นนี้ ผลสุดท้ายก็รั้งข้าไว้นานถึงสิบปีไม่ใช่หรือ”
จีหมิงซิวทำหน้าเคร่งขรึม “ขุดเรื่องเก่าขึ้นมามีความหมายอันใดเล่า”
กงซุนฉางหลียกมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ใบหน้างามหมดจดทอประกายใต้แสงตะวัน ดูมีชีวิตชีวาต่างจากปกติเล็กน้อย “รักษาตัวด้วย”
กงซุนฉางหลีก้าวขึ้นรถม้า จีหมิงซิวเดินกลับไปทางเรือนสี่ประสาน ตอนที่รถม้ากำลังจะแล่นผ่านประตูของเรือนสี่ประสาน จู่ๆ กงซุนฉางหลีก็เปิดผ้าม่านรถออกมาเอ่ยว่า “เรื่องนั้น…”
จีหมิงซิวหยุดฝ่าเท้าหันกลับไปมองเขา “เปลี่ยนใจแล้วหรือ”
กงซุนฉางหลีกลับตอบว่า “เรื่องของอวิ๋นฮูหยิน”
…
ครึ่งเค่อหลังจากนั้นจีหมิงซิวก็เดินเข้าไปในเรือนสี่ประสาน
ตรงมุมกำแพงนอกเรือนตะวันออก ไห่สือซานกำลังทำหน้าบึ้งตึงต่อว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ย “เจ้าเป็นอะไรของเจ้า เมื่อครู่สมองถูกลาถีบพังไปแล้วหรือ ไปโทษกงซุนฉางหลีได้อย่างไร แล้วยังทำต่อหน้านายน้อยอีก! ไม่กลัวนายน้อยจัดการเจ้าใช่หรือไม่!”
ลูกน้องใต้สังกัดของนายน้อยมีพวกเขาทั้งหมดเจ็ดคนเป็นแม่ทัพใหญ่ ในหมู่พวกเขาสือชีเป็นคนที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด นายน้อยดูแลสือชีเสมือนบุตรของตนเอง ตามใจอีกฝ่ายอย่างยิ่ง ทว่าคนที่มีดวงตาต่างรู้ว่าความจริงนายน้อยก็ตามใจกงซุนฉางหลีอยู่มากพอสมควรเช่นกัน
หากสืบถามสาเหตุก็คงเป็นเพราะตอนแรกนายน้อยทำพลาดไปทำร้ายผู้อื่นเข้า ในใจนายน้อยจึงรู้สึกผิด หลายปีที่ผ่านมาเขาจึงตอบรับคำขอของกงซุนฉางหลีแทบทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่กงซุนฉางหลีต้องการวิชาลับของชนเผ่าลึกลับ นายน้อยก็ยังมอบให้เขาโดยไม่พูดสักคำ
แน่นอนว่ายามนั้นนายน้อยยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นคือวิชาลับของตำหนักโหราจารย์ที่ไม่ถ่ายทอดให้คนนอก ต่อมาเขาทราบแล้วก็ยังไม่พูดอันใดอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าในใจนายน้อย กงซุนฉางหลีไม่เหมือนคนอื่น
ต่อมากงซุนฉางหลีคนนี้ยังถึงขั้นไล่ต้อนนายน้อยให้รีดโลหิตหัวใจของตนเองออกมาหนึ่งชาม เรื่องนี้ลองเปลี่ยนเป็นคนอื่นดูสิ ดูซิว่านายน้อยจะขุดสุสานบรรพบุรุษของเขาขึ้นมาอย่างไร
“เจ้าไยต้องไปทำเรื่องที่นายน้อยไม่พอใจด้วย แล้วอีกอย่างเรื่องนี้…ก็โทษกงซุนฉางหลีไม่ได้จริงๆ เจ้านี่มันจริงๆ เลย!” ไห่สือซานหมดคำจะต่อว่าเขาแล้ว
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยย่อมเข้าใจเหตุผลดี ตอนอี้เชียนอินตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกงซุนฉางหลีกับอวิ๋นซู่ เขายังแก้ตัวแทนกงซุนฉางหลีอยู่เลย เมื่อครู่เขาเพียงโมโหมากเกินไปจึงเผลอปากไม่มีหูรูดไปชั่วขณะก็เท่านั้น
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกุมศีรษะของตนเอง ขณะที่กำลังจะไปเอ่ยขอโทษกงซุนฉางหลีก็เห็นจีหมิงซิวเดินเข้ามาในเรือนพร้อมกับสีหน้าเย็นยะเยือก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเผ่นแผล็วหลบไปด้านข้าง แล้วชะเง้อมองไปนอกประตู เห็นว่ารถม้าของกงซุนฉางหลีหายไปแล้ว
…