หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 95-2 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 95-2 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
ตอนที่ 95-2 อวิ๋นจูกลับมาแล้ว (2)
เฉียวเจิงตรวจอาการของอวิ๋นจูเสร็จแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าดีใจนัก
อวิ๋นจูไม่เพียงถูกอวิ๋นซู่สูบกำลังภายในไปจนหมด แต่เส้นลมปราณทั่วร่างยังขาดสะบั้นอีกด้วย เส้นลมปราณเหล่านี้แต่ละเส้นไม่มีหนทางงอกกลับมาใหม่ได้ แม้โลหิตที่มีเม็ดโลหิตของมารโลหิตอยู่จะมีสรรพคุณในการฟื้นฟูร่างกายอันยอดเยี่ยม แต่สรรพคุณนั่นก็มีผลต่อเจ้าของร่างเท่านั้น หากจะนำมารักษาอาการบาดเจ็บที่หนักหนาถึงเพียงนี้ของผู้อื่น เกรงว่าคงต้องรีดเลือดของเฉียวเวยมาจนหมดตัวถึงจะทำได้
เฉียวเวยถามอย่างฉงน “ตอนนั้นอวิ๋นซูได้ไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยเล็กเองไม่ใช่หรือ”
เฉียวเจิงส่ายหน้าบอกว่า “อวิ๋นซู่มีไขเลือดของมารโลหิตอยู่ เขาไม่ได้ต้องการเลือดนั่นไปรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เพื่อดูดซับกำลังภายในจากไขเลือด ฝึกตนเองกลายเป็นมารโลหิต”
หลังจากฝึกบรรลุเป็นมารโลหิต อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็จะหายดีเองโดยไม่ต้องรักษา
เฉียวเวยถามอย่างเศร้าสร้อย “ไม่มีทางช่วยท่านยายแล้วหรือ”
เฉียวเจิงถอนหายใจ “ได้แต่ทำเต็มที่แล้วรอดูชะตาฟ้าลิขิตแล้ว ใช้ผลสองภพกับโสมพันปีเถิด!”
ความจริงแล้วแม้ผลสองภพจะมีสรรพคุณช่วยยกระดับกำลังภายในโดดเด่น ขณะที่สรรพคุณในด้านการรักษาอาการบาดเจ็บไม่โดดเด่นนัก นำมาบำรุงร่างกายก็มีฤทธิ์ในระดับเท่าๆ กับโสม แต่อย่างน้อยมันก็ดูดซับง่ายกว่าโสม
หลังจากนั้นเฉียวเจิงก็เอาเลือดของเฉียวเวยมาเล็กน้อย
เฉียวเวยมองเลือดครึ่งถ้วยนั้นแล้วบอกเฉียวเจิงว่า “กรีดไปเพิ่มอีกหน่อยเถิด ข้าไม่เป็นอะไร”
เฉียวเจิงว่าอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ารักท่านยายของเจ้า แล้วข้าไม่รักลูกสาวของข้าหรือ”
เฉียวเวยปวดหัวใจ “ท่านพ่อ…”
ดวงตาของเฉียวเจิงแดงระเรื่อ หันหลังไปจัดแจงของในล่วมยาแล้วบอกว่า “ข้าจะไปต้มยา อีกประเดี๋ยวจะไปหาท่านแม่ของเจ้า”
เฉียวเวยลุกขึ้นยืน “ข้าไปด้วย”
เฉียวเจิงสั่งเสียงเฉียบขาด “เจ้านั่งลง!”
เฉียวเวยมองเฉียวเจิงอย่างอึ้งๆ แล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย
เฉียวเจิงเพิ่งตระหนักว่าตนเองเสียงดังเกินไป เขามองบุตรสาวอย่างขออภัย เหมือนอยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่พูดคำใด หิ้วล่วมยากับสมุนไพรเดินออกไป
เฉียวเวยมองแผ่นหลังของบิดาตนเองแล้วลูบท้องที่นูนขึ้นมานิดๆ ก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องครัว
ตอนที่เฉียวเวยยกยาซึ่งเพิ่งต้มเสร็จร้อนๆ ถ้วยหนึ่งกลับมาที่ห้อง จีหมิงซิวก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าเตียงมานานแล้ว แววตาของเขานิ่งสนิทจนน่ากลัวเล็กน้อย
“หมิงซิว” เฉียวเวยเรียกเขาเบาๆ
จีหมิงซิวเอ่ยขึ้นมาว่า “ตั้งแต่อายุสิบห้านางไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายสักวัน ข้าเคยบอกว่าจะไม่ให้นางต้องทุกข์ทรมานอีก ข้าบอกว่าจะดูแลนางให้ดี แต่สุดท้าย…”
เฉียวเวยเดินมาข้างกายเขาแล้วยกมือขึ้นจับหัวไหล่ของเขาแผ่วเบา “ท่านอย่าตำหนิตนเอง ไม่ใช่ความผิดของท่าน สถานการณ์ในตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะควบคุมได้”
จีหมิงซิวกำหมัดแน่น “ไม่ใช่ตอนนั้น นับตั้งแต่ต้นข้าก็คาดการณ์ผิดไปหมด”
จีหมิงซิวผู้หยิ่งทะนง ชั่วชีวิตนี้เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในเงื้อมมือผู้ใดมาก่อน หนนี้กลับถูกอวิ๋นซู่วางแผนตลบหลังเข้า หัวใจของเขาจึงเหมือนถูกหินก้อนหนึ่งทับไว้ อึดอัดทรมานอย่างยิ่ง
สิ่งที่ทรมานที่สุดก็คือเพราะการคาดการณ์ที่ผิดพลาดเพียงหนึ่งหนของตนเอง ทำให้ราชันอสูรกับเฮ่อหลันชิงถูกขังอยู่ข้างใน ส่วนอวิ๋นจูก็ถูกอวิ๋นซู่ลอบทำร้าย
นี่คือความเจ็บปวดราวกับถูกกระทำกับตนเอง!
เฉียวเวยวางถ้วยยาบนม้านั่งแล้วย่อตัวลงมาแหงนหน้าจ้องมองเขา “ท่านนี่นะ ชอบเอาทุกสิ่งมาไว้กับตนเอง คนที่ทำเรื่องผิดคืออวิ๋นซู่ คนที่สมควรถูกตำหนิก็คือเขา ไม่ใช่ท่าน ท่านพยายามขัดขวางเขาตั้งเท่าไร เพียงแต่ระหว่างกระบวนการที่ขวางไม่ราบรื่นดั่งที่คิดไว้ก็เท่านั้น ท่านรู้หรือไม่ว่าทำอย่างไรคนผู้หนึ่งจึงจะไม่มีวันทำผิด”
จีหมิงซิวเอ่ยตอบ “ไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น”
เฉียวเวยพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้นย่อมจะไม่มีวันทำผิด แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่คิดว่าท่านทำผิดด้วย”
จีหมิงซิวอ้าปาก “เจ้าไม่ผิดหวังหรือ”
เฉียวเวยไม่ถามว่าเหตุใดข้าต้องผิดหวัง แต่มองเขาแล้วบอกว่า “ตอนข้าทำให้ตนเองบาดเจ็บ ท่านผิดหวังในตัวข้าหรือไม่”
จีหมิงซิวส่ายหน้า “ไม่เคย”
เฉียวเวยมองเขาอย่างจริงใจ “ข้าก็เช่นกัน หากบนโลกใบนี้ข้าเลือกเชื่อใจคนได้เพียงหนึ่งคน คนผู้นั้นย่อมไม่ใช่ตัวข้าเอง แต่เป็นท่าน”
ต่อให้อยู่ในห้วงฝันจีหมิงซิวก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของนาง มิใช่คำบอกรักแต่เหนือกว่าคำบอกรัก มันทำให้รูขุมขนทุกรูทั่วร่างของเขาเปิดโล่ง หัวใจคล้ายมีกระแสธารอันอบอุ่นไหลเข้ามาหล่อเลี้ยง กวาดเงื่อนปมทั้งหลายหายไปจนสิ้น
ในอกราวกับถูกบางสิ่งเติมเต็ม ห้วงอารมณ์ที่คล้ายเกลียวคลื่นร้อนผ่าวซัดสาดบางเบา ลมหายใจของเขากลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
เฉียวเวยมองเขา ดวงตาเป็นประกายระยับ “ข้าเชื่อในตัวท่าน”
มือของจีหมิงซิวที่กำลังลูบเรือนผมของนางสั่นระริก
เฉียวเวยขยับตัวไปซบอยู่บนตักของเขาเบาๆ “พวกเรายังไม่แพ้”
จีหมิงซิวดวงตากลับมากระจ่างชัดอีกหน “ใช่แล้ว ยังไม่แพ้”
‘มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับท่านยายของข้า’
‘ข้าได้ยินอวิ๋นซู่พูดว่าอวิ๋นฮูหยินบาดเจ็บถึงขั้นนี้ ต่อให้เทพเซียนลงมายังโลกมนุษย์ก็ช่วยไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าอวิ๋นจูจะได้เข้าไปในพระราชวังใต้ดิน’
กงซุนฉางหลีไม่มีวันหลอกเขา ด้านในพระราชวังใต้ดินต้องมีหนทางรักษาอวิ๋นจูแน่
จีหมิงซิวหันไปมองเฉียวเวย “ท่านยายยังทนได้อีกนานเท่าใด”
เฉียวเวยนึก แล้วตอบว่า “ท่านพ่อของข้าบอกว่าอย่างมากก็ครึ่งเดือน”
ดวงตาของจีหมิงซิวค่อยๆ ทอประกายเย็นยะเยือก เพื่อให้มั่นใจว่าเฮ่อหลันชิงกับราชันอสูรหิวตาย กระหายน้ำตายทั้งเป็นอยู่ในพระราชวังใต้ดิน อวิ๋นซู่ต้องหายตัวไปอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนแน่ พวกเขาจำเป็นต้องรีบแย่งกุญแจพระราชวังใต้ดินกลับมาให้ได้ก่อนที่ทั้งสามคนจะเป็นอะไรไป!