หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 98-2 วั่งซูมาแล้ว
ตอนที่ 98-2 วั่งซูมาแล้ว
ฮ่องเต้ถูกจีหมิงซิวทำให้โกรธไม่เบา โชคดีที่พระองค์เป็นคนอารมณ์เย็นเสมอต้นเสมอปลาย หากเป็นบิดาของพระองค์ที่อยู่ตรงนี้ เจ้าสารเลวน้อยคนนี้คงถูกลากไปตัดศีรษะสิบเจ็ด สิบแปด สิบเก้ารอบแล้ว!
“ยังขุดต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงถามเสียงแผ่ว
ฮ่องเต้หันไปมองจีหมิงซิวอย่างโมโหโกรธา
จีหมิงซิวตอบหน้าตาย “ขุด”
ฝูกงกงรวบรวมความกล้าหันไปมองนายเหนือหัวของตนเอง บนพระพักตร์ของฮ่องเต้ราวกับเขียนคำว่าอยากตีจีหมิงซิวให้ตายเอาไว้ แต่สุดท้ายกลับไม่พูดออกมาสักคำเดียว ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์อย่างรำคาญพระทัย
ฝูกงกงแอบหัวเราะ แล้วหันไปสั่งการทหารราชองครักษ์ให้ทำงานล่วงเวลาขุดดินต่อ
ฮ่องเต้พระทัยเย็นลงอย่างรวดเร็วยิ่งนัก พระองค์ทรงถอนหายใจแล้วถามจีหมิงซิวว่า “เจ้าคิดจะล่อให้อวิ๋นซู่ติดกับสินะ ทำให้เขาคิดว่าเจ้าหาอุโมงค์พบแล้ว เขาจะได้รีบเข้าไปในพระราชวังใต้ดินก่อน เพื่อไม่ให้สมบัติในพระราชวังใต้ดินถูกเจ้าขนออกไป”
หากไม่มีอุโมงค์ทางหนี ถ้าเช่นนั้นจะเข้าไปกี่คนก็ไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายก็ต้องตายทั้งเป็นอยู่ด้านใน แต่หากมีอุโมงค์ย่อมไม่เหมือนกันแล้ว ไม่เพียงเฮ่อหลันชิงกับราชันอสูรจะได้รับความช่วยเหลือ แม้แต่สมบัติที่ซ่อนอยู่ในพระราชวังใต้ดินก็คงถูกจีหมิงซิวขนออกไปทางอุโมงค์ด้วย
ต่อให้เวลานี้การเข้าไปในพระราชวังใต้ดินอาจเสี่ยงพบเฮ่อหลันชิงกับราชันอสูร แต่อวิ๋นซู๋ก็จำเป็นต้องเดิมพัน
ฮ่องเต้พึมพำว่า “เจ้าอยากจะใช้ดาบนั้นคืนสนองผู้อื่น แต่อวิ๋นซู่จะติดกับจริงหรือ”
….
“ข้าไม่มีวันติดกับอยู่แล้ว” ภายในกระท่อมน้อย อวิ๋นซู่คลี่ยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับกงซุนฉางหลี “ข้ารู้ว่าจีหมิงซิวหวังสิ่งใดอยู่ เขาอยากจะล่อให้ข้าไปที่พระราชวังใต้ดิน ไม่มีทางเสียหรอก”
แววตาของกงซุนฉางหลีหม่นแสงลง อวิ๋นซู่เห็นปฏิกิริยาของเขาอยู่ในสายตาทั้งหมดจึงดึงผ้าห่มคลุมให้เขาอย่างอารมณ์ดียิ่ง เวลานี้เองชางจิวที่ไปลาดตระเวนก็กลับมา ชางจิวลาดตระเวนระยะสามสิบลี้โดยรอบแล้ว แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดสะกดรอยตามมู่ชิวหยางมา เมื่อเป็นเช่นนี้อวิ๋นซู่จึงนอนหลับอย่างสบายใจไร้กังวล
ต่อให้จีหมิงซิวขุดประตูตะวันออกหรือทั้งวังหลวงจนหมด เขาก็จะไม่ไปจากที่นี่เพื่อตัดชุดแต่งงานให้จีหมิงซิว เฮ่อหลันชิงก็ดี ราชันอสูรก็ดีจงหิวตายอยู่ในพระราชวังใต้ดินให้หมดเสียเถิด!
อวิ๋นซู่ล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
อีกด้านหนึ่งมู่ชิวหยางก็นอนอยู่บนเตียงของตนเองเช่นกัน ไม่ทราบว่าเขาถูกใช้แรงงานมากเกินไปหรืออย่างไร กลางฝ่ามือของเขาจึงปวดแปลบๆ เป็นพักๆ
เขาแบฝ่ามือออกมองตุ่มห้อเลือดที่ถูกพลั่วเหล็กเสียดสี แล้วขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
…
เที่ยงคืนยามสามทุกคนต่างเดินทางสู่ห้วงฝัน มีเพียงแมลงน้อยตัวหนึ่งกระพือปีกบินมาอย่างอ้อยอิ่ง แมลงน้อยสายตาไม่ดีนัก มันอาศัยประสาทรับกลิ่นที่เหนือกว่าแมลงทั่วไปตามมาถึงที่แห่งนี้อย่างทุลักทุเล
มันได้กลิ่นสหายของมันจึงส่งเสียงหึ่งๆ ออกมาอย่างยินดีปรีดาแล้วบินเข้าไปทันที ทว่ามันกลับชนหน้าต่างดัง แป๊ก! ชีวิตอันเร่าร้อนและกล้าหาญของแมลงน้อยจึงจบลงอย่างเรียบง่ายเช่นนี้
อวิ๋นซู่กำลังหลับลึก ทันใดนั้นไอสังหารดุจคลื่นสมุทรสายหนึ่งก็ซัดโถมเข้ามาหาอย่างมืดฟ้ามัวดิน อวิ๋นซู่เงี่ยหู ลืมตาโพลงทันที!
ฟึบ!
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งทะลุหน้าต่างเข้ามาหาใบหน้าของอวิ๋นซู่เร็วดุจสายฟ้าแลบ!
อวิ๋นซู่สะบัดแขนเสื้อปัดลูกธนูดอกนั้น หลังจากนั้นลูกธนูจำนวนมากกว่าเดิมก็บินทะลุหน้าต่างเข้ามาด้านใน ลูกธนูเหล่านี้มีจำนวนมากอีกเท่าใดก็ทำร้ายอวิ๋นซู่ไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้อวิ๋นซู่หงุดหงิดก็คือผู้ใดบุกมาลอบโจมตีที่นี่ยามดึกดื่นเที่ยงคืน
อวิ๋นซู่เหลือบมองกงซุนฉางหลีที่นอนหลับไม่ได้สติ จากนั้นจึงสวมอาภรณ์ชั้นนอกเดินออกจากประตูไปอย่างเย็นชา เวลานี้มู่ชิวหยางเองก็ได้ยินเสียงดังแล้ว เขาเดินออกจากห้องของตนเองมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด
ทั้งสองคนยืนอยู่บนเนินเขา เพ่งมองไปยังทิศทางของตีนเขา แล้วก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนออเป็นเงาดำทะมึนอยู่ตรงนั้น ร่างกายของพวกเขาสวมชุดเกราะสีดำสนิท มือถือหอกยาวเหล็กนิล แต่ละคนประหนึ่งอสุราจากนรก
มู่ชิวหยางตกตะลึง “องครักษ์เกราะทมิฬของเฮ่อหลันชิง…เป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเขาตามหาที่นี่พบได้เช่นไร”
องครักษ์เกราะทมิฬผู้มาพร้อมกับไอสังหารท่วมฟ้าตีวงล้อมเข้ามา จีหมิงซิวบุกเดี่ยวนำอยู่หน้าสุด เขาขี่อาชาสูงใหญ่กำยำที่สวมเกราะตรงหัว มองมาทางทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก
มู่ชิวหยางหน้าถอดสีทันที “เป็นไปไม่ได้…ข้าสลัดพวกเขาหลุดแล้วไม่ใช่หรือ”
สีหน้าของอวิ๋นซู่ก็ดีกว่ามู่ชิวหยางไม่เท่าไร เขาเหมือนจะนึกอะไรออกจึงคว้ามือของมู่ชิวหยางขึ้นมา ดูมือซ้ายเสร็จก็ดูมือขวา เมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปเห็นตุ่มห้อเลือดประหลาดบนนั้น แววตาของเขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เจ้าโง่ เจ้าปล่อยให้คนใส่แมลงกู่เข้าตัวแล้ว!”
“ใส่…ใส่แมลงกู่หรือ”
ตั้งแต่เมื่อใด เหตุไฉนเขาจึงไม่รู้!
จะว่าไปแล้วนี่ก็ไม่ใช่หนแรกที่เขาถูกคนใส่แมลงกู่ในร่าง ตั้งแต่ที่เมืองเยี่ยเหลียง ตอนเขาจับตัวฟู่เสวี่ยเยียนไป เจ้าโง่จีหมิงเยี่ยคนนั้นก็เคยใช้แมลงกู่ขับขานราตรีกับเขาหนหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็กินยาขจัดกู่ขับขานราตรีไปแล้ว แต่นับจากนั้นเขาก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง เขาจะถูกคนใส่แมลงกู่ในร่างได้อย่างไรกันเล่า
มู่ชิวหยางถามอย่างขวัญผวา “เข้าใจผิดกันหรือไม่”
อวิ๋นซู่บีบแมลงกู่ออกมาจากตัวเขา พริบตาที่เห็นแมลงกู่ มู่ชิวหยางก็ตาค้างไปทันใด เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตนเองถูกคนใส่แมลงกู่เข้ามาในตัวได้อย่างไร เขาไม่ได้เผยตัวตนเลยแท้ๆ…
เขาหันไปมองจีหมิงซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จีหมิงซิวบอกอย่างไม่เคร่งเครียดสักนิด “เจ้าคิดว่าตนเองซ่อนตัวได้ดีนักหรือ”
มู่ชิวหยางกำหมัดดังกรอด
จีหมิงซิวหันไปมองอวิ๋นซู่อีกหน “ยินดีกับเจ้าด้วย อวดฉลาดจนตกหลุมพรางเสียแล้ว”
อวิ๋นซู่เป็นคนถือดีอย่างยิ่งคนหนึ่ง เขาไม่เชื่อความคิดของผู้อื่นง่ายๆ ในสายตาของเขาแม้แต่จีหมิงซิวยังถูกเขาหลอกได้อย่างง่ายดาย สติปัญญาระดับมู่ชิวหยางย่อมแทบจะเทียบได้กับคนโง่
ยิ่งมู่ชิวหยางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเท่าใดว่าจีหมิงซิวหาอุโมงค์พบแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามู่ชิวหยางโดนผู้อื่นหลอกมา ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาคิดก็ไม่ผิด มู่ชิวหยางถูกหลอกจริงๆ
เขาเองก็เคยกังวลว่าจีหมิงซิวคิดจะอาศัยสะกดรอยมู่ชิวหยางจนมาพบรังซ่อนตัวของเขาหรือไม่ แต่เขาส่งชางจิวไปลาดตระเวนบริเวณสามสิบลี้โดยรอบแล้ว ไม่พบคนน่าสงสัยคนใดอยู่ใกล้ๆ แม้แต่อินทรีทองตัวนั้นก็ไม่มี เขาจึงนอนหลับอย่างสบายใจ
อุบายนี้ยากเย็นสลับซับซ้อนนักหรือ ความจริงแล้วก็ไม่ใช่
พูดให้ถึงที่สุดแล้ว อุบายนี้ก็สำเร็จเพราะความถือดีของเขาเอง
เขาคิดว่าตนเองหลอกจีหมิงซิวด้วยวิธีนั้น จีหมิงซิวก็คงจะหลอกเขาด้วยวิธีเดียวกันบ้าง ทว่ามีแต่แผนการของตัวเขาเท่านั้นที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เขามองออกก่อนแล้ว ดังนั้นย่อมไม่มีวันติดกับ แต่การณ์ปรากฏว่าเขากลับติดกับเข้าแล้วจริงๆ
หากเขาไปพระราชวังใต้ดินตั้งแต่ต้น…
หากเขารีบไปแล้วถอยทัพไม่ทันเพราะด้านนอกพระราชวังใต้ดินมีทหารเฝ้าอยู่อย่างแน่นหนา เขาที่เดินทางไปที่นั่นก็คงต้องเผชิญหน้ากับจีหมิงซิว สถานการณ์คงเหมือนที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้อยู่ดี
นี่คือกับดักที่ไม่มีหนทางถอยหนี จะไปพระราชวังใต้ดินหรือไม่ เขาก็ตกอยู่ในกำมือของจีหมิงซิวทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่า…เขาไม่ส่งมู่ชิวหยางไปสืบข่าวตั้งแต่ต้น แต่เขาจะข่มใจไหวได้อย่างไรกัน
หมากตานี้ ไม่เพียงอวิ๋นซู่เดาความคิดของจีหมิงซิวออก แต่จีหมิงซิวก็เดาความคิดของอวิ๋นซู่ได้แม่นเช่นกัน ส่วนผู้ใดจะเป็นผู้ชนะในตอนท้ายสุด ต้องดูความสามารถของแต่ละคนแล้ว
องครักษ์เกราะทมิฬคนมากกำลังมาก แต่นักรบมรณะของอวิ๋นซู่ก็มีไม่น้อย ในหมู่คนเหล่านั้นมีหลายคนที่กำลังจะเลื่อนขั้นกลายเป็นราชันอสูร
อวิ๋นซู่ส่งนักรบมรณะรวมถึงร่างพิษที่วรยุทธ์สูงส่งออกมาหลายคน พวกเขาต่อสู้โรมรันกับองครักษ์เกราะทมิฬอย่างดุเดือด
ตัวเขาเองกลับไปในห้องแล้วอุ้มกงซุนฉางหลีที่นอนหลับไม่ตื่นขึ้นมา บนหลังสะพายห่อสัมภาระที่ใส่กุญแจทั้งสี่ไว้ จากนั้นใช้วิชาตัวเบาหนีออกไปจากที่แห่งนี้พร้อมกับมู่ชิวหยางโดยมีชางจิวคอยคุ้มกัน
จีหมิงซิวไล่ตามหลังมาอย่างไม่ลดละ ทั้งสามคนหนีออกจากสุสานเข้าไปในเมือง ฝ่ายจีหมิงซิวพกฉี่เด็กผู้ชายของจิ่งอวิ๋นมาด้วย ชางจิวย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
อวิ๋นซู่ส่งกงซุนฉางหลีไปไว้ในมือมู่ชิวหยาง “หารถม้าสักคัน!”
มู่ชิวหยางกัดฟัน ยังจะหาอะไรอีก เวลานี้แล้วก็ควรจะทิ้งตัวภาระไปสิ!
มู่ชิวหยางบ่นเช่นนี้ในใจ แต่ภายนอกกลับไม่กล้าชักช้าสักนิด เขาไปหาอย่างว่าง่าย วันนี้เขาโชคดีไม่เลว แม้บนถนนร้านรวงจะปิดไปมากกว่าครึ่ง แต่หอหลิงจือหลายแห่งยังเปิดกิจการอยู่ หน้าประตูร้านของหอหลิงจือแห่งหนึ่งมีรถม้าจอดอยู่สองสามคัน
มู่ชิวหยางเลือกรถม้าที่ค่อนข้างกว้างขวางคันหนึ่ง สารถีของรถม้าคันนั้นประคองนายท่านผู้เจ็บหนักคนหนึ่งเข้าหอหลิงจือไปแล้ว ชั่วครู่ชั่วยามน่าจะยังไม่ออกมา เขาวางกงซุนฉางหลีไว้บนรถ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงชางจิวร้องด้วยความเจ็บปวด เขาน่าจะถูกฉี่เด็กผู้ชายสาดเข้าให้แล้ว
เขาจึงรีบไปรับทั้งสองคน “เจ้าลัทธิ ข้ารับมือกับเขาเอง พวกท่านรีบไปก่อน! รถม้าอยู่ในตรอกทางฝั่งตะวันออกของหอหลิงจือ!”
อวิ๋นซู่พาชางจิวจากไป
ฝ่ายสารถีคนนั้นหลังจากพานายท่านบ้านตนเองเข้าไปในหอหลิงจือแล้ว เขาก็กลับมาที่รถม้าเดินทางกลับไปรายงานฮูหยินของบ้านตนทันที หลังจากนั้นรถม้าอีกคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดตรงตำแหน่งเดียวกัน สารถีนำของขวัญปีใหม่มาส่งมอบให้ลูกจ้างของหอหลิงจือ เขายิ้มตาหยีหอบห่อสัมภาระลงมาจากรถม้าโดยไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
อวิ๋นซู่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าได้ก็กระตุกสายบังเหียนตะโกนว่า “ย่าห์!”
องครักษ์เกราะทมิฬไล่ตามหลังมา ทว่ามีชางจิวคอยสกัดท้ายไว้ให้
ภายในรถม้าเฉียวเวยกับเด็กน้อยสามคนกำลังนอนหลับสบาย จิ่งอวิ๋นเกาะอยู่ในอ้อมแขนของนาง หลิวเกอร์นอนหนุนต้นขาของจิ่งอวิ๋นอยู่ ส่วนวั่งซูนอนกางแขนขาอ้าซ่า ขาสองข้างพาดอยู่บนท้องของหลิวเกอร์ข้างหนึ่ง จิ่งอวิ๋นข้างหนึ่ง
เฉียวเวยฝัน นางฝันเห็นรถม้าเหินไปบนฟ้า มันฝ่าทะลวงวงล้อมศาสตราวุธและอาชาเหล็กพุ่งเข้าชนบานประตูยักษ์ที่ปิดผนึกมาพันปีจนเปิดออก แล้วพุ่งหายเข้าไปในพระราชวังใต้ดินอันเก่าแก่และลึกลับแห่งหนึ่ง