หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 10-1 เพื่อนเล่นวัยกระเตาะ เทพสายน้ำปรากฏกาย
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 10-1 เพื่อนเล่นวัยกระเตาะ เทพสายน้ำปรากฏกาย
ตอนพิเศษ 10-1 เพื่อนเล่นวัยกระเตาะ เทพสายน้ำปรากฏกาย
ครานี้ก็ทำหน้าไม่ถูกแล้ว หีบที่สำนักว่านเซี่ยงบอกปาวๆ ว่าไม่อนุญาตให้ตรวจสอบนั้นมีลูกศิษย์สำนักเชียนหลันซ่อนอยู่เชียวหรือ…
สีหน้าผู้พิทักษ์ใหญ่พลันดุดัน “เหลียวเจินเหริน นี่มันเรื่องอะไรกัน ศิษย์น้องเล็กของข้าเหตุใดจึงมาอยู่ในหีบพวกเจ้าได้ พวกเจ้าคิดจะทำอะไร คิดอยากลักพาตัวคนของสำนักเชียนหลันไปหรือ”
เมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาเช่นนี้ จะบอกว่าไม่ละอายแก่ใจคงไม่ได้ แต่เหลียวเจินเหรินไม่ใช่คนที่จะตื่นตระหนกง่ายๆ เช่นนั้น “เจ้าอย่าได้มาอ้างซี้ซั้ว เขาเป็นศิษย์น้องของเจ้าจริงๆ รึ เจ้าอายุตั้งเท่าไรแล้ว จะมีศิษย์น้องอายุน้อยเพียงนี้เชียวหรือ”
กล่าวเช่นนี้ยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธจัด ผู้อยู่ในวิถีฝึกตนเดิมทีก็อายุยืนมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พิทักษ์ใหญ่ที่เป็นยอดฝีมืออยู่ในขั้นอมตะเช่นนี้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องฝึกตนมาหลายรอบนักกษัตรแล้ว เพียงแต่ใบหน้าของคนเป็นเซียนจะไม่ค่อยแก่ชรา ดังนั้นผู้พิทักษ์ใหญ่มองดูแล้วจึงยังดูเด็กอยู่มาก
ผู้ฝึกตนตามวิถียิ่งมีอายุยืนยาวยิ่งเป็นที่น่าอิจฉา แต่อิจฉาที่อายุยืนยาวนั้นเรื่องหนึ่ง เอ่ยเหน็บว่านางอายุมากก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้พิทักษ์ใหญ่สีหน้าพลันเขี้ยวปั้ด “สำนักว่านเซี่ยงของพวกเจ้าอย่าได้รังแกกันจนเกินไป! หากวันนี้ไม่ให้บทเรียนแก่พวกเจ้าบ้าง พวกเจ้าคงคิดว่าสำนักเชียนหลันรังแกกันได้ง่ายๆ!”
“เจ้าแซ่เนี่ย เจ้าอย่าพูดเสียตนสูงส่งถึงเพียงนั้น สำนักเชียนหลันของพวกเจ้าทำอะไรเอาไว้พวกเจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจหรือ! หากไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ก็อย่าทำเสียแต่ทีแรก ข้าแค่เพียงเป็นตัวแทนสวรรค์ทำตามสิ่งที่ควรจะทำ หากเรื่องนี้หลุดออกไปข้าก็ไม่กลัวหรอก! ถึงยามนั้นข้าจะได้ให้คนทั้งใต้หล้าได้รับรู้ว่าสำนักเชียนหลันที่อ้างตนว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้ากระทำเรื่องหน้าอับอายอะไรไว้!”
นักรบฆ่าได้หยามไม่ได้ เจ้าแซ่เหลียวนี่มีความผิดอยู่ก่อน แต่ไม่เพียงไม่สำนึกตน หนำซ้ำยังกล้ากล่าวาจาว่าร้ายสำนักเชียนหลันให้แปดเปื้อน หากไม่ให้เห็นดีกันบ้าง ข่าวแพร่ออกไปคนอื่นคงคิดว่าสำนักเชียนหลันไร้ผู้มีฝีมือแล้ว!
รอบตัวผู้พิทักษ์ใหญ่มีพลังกดดันมหาศาลแผ่ออกมาโดยพลัน
พลังกดดันของยอดฝีมือขั้นอมตะไม่ใช่สิ่งที่เหลียวเจินเหรินจะสามารถทนรับได้ เหลียวเจินเหรินไม่มีกระทั่งโอกาสได้ใช้อาวุธญาณ ตัวก็ถูกกระแทกกระเด็นลอยไปล้มหนักๆ ลงกับพื้นแล้ว ชีพจรทั่วร่างพลันไหลย้อน กระอักเลือดอย่างรุนแรงออกมาทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงจือได้เห็นอาจารย์แสดงฝีมือ กระทั่งนิ้วมืออาจารย์ก็ยังไม่ได้ขยับด้วยซ้ำก็สามารถบดขยี้เหลียวเจินเหรินจนไม่อาจสวนกลับได้แล้ว เมื่อไรนางถึงจะเก่งกาจได้เท่าอาจารย์หนอ
เหลียวเจินเหรินเอามือจับหน้าอก ใช้แรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเอ่ยขึ้นว่า “ฉือเฟิง!”
ฉือเฟิงกลับแสดงฝีมือ แต่หันไปประสานหมัดให้ผู้พิทักษ์ใหญ่ พร้อมค้อมกายอย่างนอบน้อม “เป็นความเข้าใจผิดกัน ขอผู้พิทักษ์ใหญ่เห็นแก่หน้าเจ้าสำนักพวกเรา อภัยให้อาจารย์ข้าด้วยเถิด!”
นี่ค่อยน่าฟังหน่อย
ผู้พิทักษ์ใหญ่เก็บพลังกดดันกลับไปเงียบๆ
เหลียวเจินเหรินเมื่อรู้สึกว่าตนสามารถขยับตัวได้แล้ว ก็ข่มความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายเอาไว้ ขยับลุกจะเดินเข้าไปหาผู้พิทักษ์ใหญ่อย่างดุดัน
ในเวลานั้นเอง ฉือเฟิงดึงตัวเขาไว้ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงใจว่า “อาจารย์ เรื่องนี้ให้เป็นความผิดข้าเอง เดิมทีข้าเป็นคนดูแลหีบนี้ แต่กระทั่งมีเด็กปีนลงไปอยู่ในหีบคนหนึ่งก็ยังไม่รู้ จนทำให้อาจารย์กับสำนักเชียนหลันต้องผิดใจกัน เป็นความผิดของศิษย์เอง อาจารย์ได้โปรดลงโทษด้วย!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่เอ่ยเสียงเข้ม “ปีนเข้าไป? ศิษย์น้องเล็กของข้าเป็นคนปีนเข้าไปเองจริงๆ หรือ เช่นนั้นเหตุใดหีบของเจ้าถึงได้ร่ายปราการเอาไว้ ปิดบังให้ตาทิพย์ของข้าไม่อาจมองเข้าไปได้”
ฉือเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคารพ “อาจารย์ของข้ามิได้ตั้งใจปิดกั้นตาทิพย์ของผู้พิทักษ์ใหญ่ พวกเราเพียงไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ใหญ่จะตรวจค้นหีบ ระหว่างทางมานี้พวกเราได้ยินว่าละแวกสำนักเชียนหลันมีอันธพาลที่เก่งกาจอยู่หลายคน ในหีบนี้ใส่ยาหลิงตันสายฟ้าเอาไว้ขวดหนึ่ง อาจารย์ข้าเกรงว่าอันธพาลพวกนั้นจะสัมผัสถึงไอของยาหลิงตันสายฟ้าได้ ถึงได้ร่ายวิชาปิดกั้นเพื่อปกป้องหีบนี้เอาไว้”
หลิงจือลองค้นดูในหีบก็เจอยาหลิงตันสายฟ้าอยู่ขวดหนึ่งจริงๆ
ผู้พิทักษ์ใหญ่ไม่นึกเชื่อคำแก้ตัวของเขา เพราะศิษย์น้องเล็กอาศัยอยู่บนยอดเขาเหลียน ระยะทางระหว่างสองยอดเขาไกลลิบ เด็กตัวเพียงเท่านี้ไม่อาจเดินมาเองได้ เพียงแต่เขาก็ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคนจับตัวมา
ฉือเฟิงเดินไปตรงหน้าเหลียวเจินเหริน ในสายตาผู้อื่นเห็นว่าเขากระซิบบางอย่างกับเหลียวเจินเหริน แต่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้เอ่ยอะไรเลย แค่แสร้งทำเป็นเอนตัวเข้าไปใกล้เท่านั้น ตอนเดินไปตรงหน้าผู้พิทักษ์ใหญ่อีกที ในมือก็มีขวดหยกใบเล็กเพิ่มเข้ามา “ทำให้คุณชายน้อยตกใจแล้ว นี่เป็นยาหลิงตันสายฟ้าสิบเม็ด ถือว่าเป็นของขวัญขอโทษคุณชายน้อยก็แล้วกัน ขอผู้พิทักษ์ใหญ่ได้โปรดรับไว้”
เหลียวเจินเหรินปวดใจเหลือแสน เจ้าคิดว่ายาหลิงตันสายฟ้าหล่นลงมาจากท้องฟ้าหรือไร ต่อให้อยู่ที่สำนักว่านเซี่ยง ยาหลิงตันสายฟ้าก็ใช่ว่าร้องหาก็จะได้มาในทันทีหรอกนะ
ผู้พิทักษ์ใหญ่รับยาหลิงตันสายฟ้าเอาไว้
หลิงจือมองคณะของพวกเขาเดินห่างไปเรื่อยๆ แล้วเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “อาจารย์ จะปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ”
ผู้พิทักษ์ใหญ่มองศิษย์น้องเล็กของตนนิ่งๆ ทีหนึ่งแล้วถอนหายใจยาวออกมา “สำนักเชียนหลันในเวลานี้ มิใช่สำนักเชียนหลันเช่นในวันวานอีกแล้ว”
เวลานั้นสำนักเชียนหลันน่าเกรงขามเพียงใด เวลานี้กลับ…
หลิงจือมาอยู่ที่สำนักเชียนหลันนานเพียงนี้ นางเห็นว่าสำนักเชียนหลันเป็นบ้านของตนกับเฉียวเวยเวยนานแล้ว ยิ่งได้ต้องเอ่ยถึงยามอยู่ในป่า นางมักได้ยินคนบอกว่าสำนักเชียนหลันเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า ในใจของนางไม่มีสำนักใดที่เชียนหลันล่วงเกินไม่ได้ แต่เวลานี้พวกเขากลับถูกสำนักเล็กๆ อย่างสำนักว่านเซี่ยงมาท้าทายเข้าเสียแล้ว
คนดวงตากระจ่างชัดล้วนมองออกว่าสำนักว่านเซี่ยงมีใจคิดไม่ซื่อ แต่สำนักว่านเซี่ยงใช้เพียงยาขวดเดียวก็สามารถไล่พวกเขาไปได้แล้ว
ในใจของหลิงจือ… มีความอัดอั้นและเสียใจที่ไม่อาจอธิบายได้
ผู้พิทักษ์ใหญ่ดูออกว่านางเสียใจ อันที่จริงตัวนางก็เสียใจเช่นกัน ผู้พิทักษ์ใหญ่มีแต่จะเสียใจหนักกว่านาง เพียงแต่ผู้พิทักษ์ใหญ่ไม่ได้พูดอะไร แค่เพียงตบไหล่นางบอกว่า “ไปกันเถิด”
หลิงจือกำหมัดแน่น เอ่ยเรียกผู้พิทักษ์ใหญ่ที่หมุนตัวเดินไปเอาไว้ เอ่ยทั้งขอบตาแดงระเรื่อว่า “อาจารย์ ข้าจะตั้งใจฝึกให้ดี! ข้าจะเอาชนะพวกเขาให้ได้ ไม่ให้พวกมันขึ้นมาขี่บนคอสำนักเชียนหลันได้เด็กขาด!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่คิดอยากพูดบางอย่างแต่กลับนิ่งไว้ ในที่สุดก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็ตั้งใจฝึกให้ดีเถิด”
…
กลับมาเอ่ยถึงคณะว่านเซี่ยง หลังจากออกมาแล้วเหลียวเจินเหรินก็เรียกฉือเฟิงเข้าไปหาด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เมื่อครู่เหตุใดเจ้าถึงไม่แสดงฝีมือ”
ฉือเฟิงปรายตามองอีกฝ่ายเรียบๆ “แสดงฝีมือ? เจ้าคิดจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ป่าวประกาศให้ทั้งใต้หล้ารับรู้งั้นหรือ”
เหลียวเจินเหรินขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความเช่นไร”
ฉือเฟิงนึกย้อนไปถึงปฏิกิริยาของผู้พิทักษ์ใหญ่ เขาเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มที่ว่า “ผู้พิทักษ์ใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วศิษย์น้องเล็กของตนเป็นมารมังกรตัวหนึ่ง กระทั่งนางเป็นผู้พิทักษ์ของสำนักเชียนหลันยังไม่รู้เรื่องนี้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะมีผู้อื่นล่วงรู้อีก”
เหลียวเจินเหรินพลันตาเบิกกว้าง “เจ้าจะบอกว่า…”
มุมปากของฉือเฟิงยกขึ้นน้อยๆ “สำนักเชียนหลันน่ากลัวว่ายังเป็นกบในกะลา พวกเราแค่ต้องกลับไปก่อน ไว้วางแผนที่รอบคอบรัดกุมให้ได้ก่อนค่อยกลับมาใหม่! ถึงตอนนั้นคงไม่ใช่มารมังกรที่จะเป็นของพวกเรา…”
เหลียวเจินเหรินเข้าใจความหมาย ยิ้มชั่วร้ายเอ่ยว่า “ทั้งสำนักเชียนหลันต้องเป็นของเรา!”
…