หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 100-1 พร้อมหน้า ทีเดียวได้ลูกแฝด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 100-1 พร้อมหน้า ทีเดียวได้ลูกแฝด
ตอนพิเศษ 100-1 พร้อมหน้า ทีเดียวได้ลูกแฝด
หลิงจือหาเจ้าสำนักสวี่ ประมุขเหลยกับผู้พิทักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตำหนักเซียนพบแล้ว
ยามนี้ทั้งสามคนล้วนเป็นเซียนหน้าใหม่ของแดนเซียนแล้ว พวกเขาจึงมีที่พำนักของตนเองในแดนเซียน แต่เพราะว่าเคย ‘เลี้ยงดู’ เวยเวยมาก่อนจึงได้รับความโปรดปรานจากยอดเซียน เดินทางมางานเลี้ยงหนนี้จึงได้ตำแหน่งที่นั่งใกล้กว่าเซียนปกติทั่วไปอยู่บ้าง
หลิงจือเดินเข้ามาในโถงตำหนัก ก่อนจะเดินมาเบื้องหน้าที่นั่งของเซียนทั้งสามท่ามกลางสายตาตกตะลึงในความงามของผู้ฝึกตนทั้งหลาย
“เจ้าสำนัก ศิษย์ลุง อาจารย์” หลิงจือทักทายอย่างนอบน้อม
ประมุขเหลยลูบเรือนผมยาวดกดำแล้วหัวเราะ “หลิงจือมาแล้วสินะ อาจารย์ของเจ้าบ่นเจ้ามาครึ่งวันแล้ว”
หลิงจือรีบหันไปคำนับผู้พิทักษ์ใหญ่
ผู้พิทักษ์ใหญ่คลี่ยิ้มพลางตบเบาะด้านข้างเบาๆ หลิงจือเดินไปนั่งคุกเข่าบนเบาะ เจ้าสำนักสวี่ที่มีประมุขเหลยนั่งคั่นอยู่ถัดจากผู้พิทักษ์ใหญ่หันมามองหลิงจือแล้วถามว่า “เหตุใดไม่เห็นมู่เอ๋อร์น้อยเล่า”
หลิงจือยิ้มอย่างจนปัญญา “แต่เดิมก็อยากพาเขามาด้วย แต่เขาพบกับสหายคุ้นเคยที่หน้าประตู จึงไปเล่นกันแล้ว”
“อ้อ” เจ้าสำนักสวี่คิ้วตกอย่างผิดหวัง ดีเลวตนเองก็เลี้ยงเจ้าตัวน้อยคนนั้นมาตั้งหลายปี มาแล้วก็ไม่รู้จักมาพบหน้าเขาเสียบ้าง สนิทกับพวกเซียนน้อยที่เพิ่งจะเคยพบหน้ากันไม่กี่หนพวกนั้นมากกว่าเขาหรือไร
หลิงจือเหล่มองสีหน้าของเจ้าสำนักสวี่ ในใจก็รู้ว่าเจ้าสำนักน้อยใจแล้วจึงรีบเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าจะไปตามเขามา”
ผู้พิทักษ์ใหญ่ตบบนหลังมือของหลิงจือเบาๆ “ไม่ต้องสนใจเจ้าสำนักของเจ้าหรอก หากตัวเขารอไม่ไหวก็ให้เดินออกไปหาเอง เจ้าบังคับมู่เอ๋อร์น้อยมา มู่เอ๋อร์น้อยก็ร้องไห้กันพอดี”
เจ้าสำนักสวี่หน้าบึ้งบอกว่า “นี่มันคำพูดพรรค์ไหนกัน เจ้าสำนักคนนี้รู้สึกว่าหลังจากบรรลุเป็นเซียนเจ้าจะบังอาจเหิมเกริมกับเจ้าสำนักคนนี้มากขึ้นทุกทีแล้วนะ!”
ผู้พิทักษ์ใหญ่เม้มปากกลั้นหัวเราะแล้วพึมพำเสียงเบา “สุดเด้งแห่งแดนกลาง”
เจ้าสำนักสวี่ขนพองในพริบตา เขากวาดสายตามองรอบด้านแล้วกระซิบลอดไรฟัน “ผู้พิทักษ์ใหญ่!”
ไม่รู้ว่าฉายานี้เริ่มต้นมาจากที่ใด เริ่มแรกเจ้าสำนักสวี่ไม่เข้าใจสักนิดว่าฉายาสุดเด้งแห่งแดนกลางนี่ถูกโยนมาใส่หัวเขาได้อย่างไร เขาไม่เคยถูกเด้งออกจากตำแหน่งสักหน่อย ไม่ใช่หรือ
จนกระทั่งหนึ่งปีก่อนบรรลุเป็นเซียน ระหว่างที่เขาลงจากภูเขาไปจับปีศาจ เขาได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากปีศาจแมวตนนั้น เขาโมโหแทบตาย
ความจริงแล้วยามนั้นพลังของเขายังไม่พอให้บรรลุเป็นเซียนได้เร็วขนาดนี้ แต่เพื่อสลัดฉายาน่าอายนี่ให้พ้น เขาจึงฝืนขีดจำกัด ใช้เวลาหนึ่งปีบรรลุเป็นเซียนขึ้นมายังแดนเซียน
“ห้ามเจ้าพูดพล่อยๆ! ได้ยินหรือไม่!” เจ้าสำนักสวี่ข่มขู่
ผู้พิทักษ์ใหญ่ขานอ้อคำหนึ่งก็เงียบไป
เจ้าสำนักสวี่จัดแขนเสื้อแล้วลุกขึ้นไปหา ‘หลานชาย’ ตัวน้อยสุดที่รักของเขา
ประมุขเหลยมองแผ่นหลังอันสง่างามองอาจของเขา แล้วลูบปลายคางอย่างประหลาดใจ “ทุกคนเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าสุดเด้งแห่งแดนเซียนแล้ว เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่นะ”
เจ้าสำนักสวี่แอ่นก้นงอนเด้งที่ตนเองภาคภูมิใจก้าวออกไปจากโถงตำหนักด้วยท่าท่างแบบเดิมเป๊ะทุกประการ
“เฮ้อออ!” ประมุขเหลยส่ายหน้า
หลิงจือมองเขาแล้วจู่ๆ ก็ทักว่า “อาจารย์ลุง ผมท่านร่วงเส้นหนึ่งแล้วเจ้าค่ะ!”
ประมุขเหลยรีบลูบศีรษะ แล้วก็จับเจอเส้นผมที่ขาดหนึ่งเส้นจริงๆ เขาสะอื้นอย่างปวดใจ “ยาปลูกผม! ยาปลูกผม!”
หลิงจือหยิบยาปลูกผมบนโต๊ะส่งให้ “นี่เจ้าค่ะ”
…
นอกโถงตำหนัก มู่เอ๋อร์น้อยที่กำลังต่อยตีกับเซียนน้อยกลุ่มหนึ่งอย่างดุเด็ดเผ็ดมันถูกอวิ๋นเยี่ยเรียก
มู่เอ๋อร์น้อยกะพริบดวงตาใสแจ๋วมองอวิ๋นเยี่ย “ท่านอา ท่านคือผู้ใดหรือ ท่านมาหาข้ามีธุระอันใด”
อวิ๋นเยี่ยมองแวบเดียวก็เห็นร่างจริงของเขา เจ้าตัวน้อยคนนี้เหมือนตนเองสมัยเด็กเปี๊ยบ ผู้หญิงขวัญกล้าเทียมฟ้าคนนั้นถึงกับกล้าโกหกว่านี่ไม่ใช่ลูกชายของเขาหรือ
ไม่ใช่สิแปลก!
ได้ยินบุตรชายของตนเรียกตนเองว่าท่านอา หัวใจของอวิ๋นเยี่ยพลันรู้สึกบอกไม่ถูก
อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าหลิงจือจะยินยอมหรือไม่ เขาก็จะทำให้ลูกชายรู้จักพ่อ
“เจ้าชื่อว่า…มู่เอ๋อร์น้อยหรือ” อวิ๋นเยี่ยได้ยินพวกเซียนน้อยเรียกขานเขาเช่นนี้
มู่เอ๋อร์น้อยพยักหน้า
อวิ๋นเยี่ยยกมือเรียวยาวประหนึ่งหยกขึ้นมาลูบกระหม่อมของเขาอย่างอ่อนโยน “มู่เอ๋อร์น้อย ท่านอามีสิ่งหนึ่งจะบอกเจ้า”
มู่เอ๋อร์น้อยครางอ้อตอบคำหนึ่งแล้วบอกว่า “เชิญท่านบอก”
“ความจริงแล้วท่านอาเป็น…”
“โอ๊ะ! มู่เอ๋อร์น้อย! เจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ! ข้าตามหาเจ้าพบเสียที!”
อวิ๋นเยี่ยยังพูดไม่ทันจบก็ถูกผู้ฝึกตนมารที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าขัดจังหวะ
ผู้ฝึกตนมารผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาก็คือศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามาร เขาเคยโชคดีพบหลิงจือที่แดนกลางหนึ่งหน จากนั้นก็ตกหลุมรักรูปโฉมและกิริยาอันงดงามของหลิงจืออย่างจัง นับแต่นั้นเขาก็ตามเทียวไล้เทียวขื่อหลิงจือ เขารู้ว่าหลิงจือมีลูกแล้วแต่ก็ไม่สนใจ
ผู้ฝึกตนมารมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน แล้วยิ้มแย้มบอกว่า “ยังจำข้าได้หรือไม่”
มู่เอ๋อร์น้อยส่ายหน้า “ท่านอา พวกเราเคยพบกันหรือ”
ผู้ฝึกตนมารตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ย่อมต้องเคยพบกันสิ ข้าคือท่านพ่อของเจ้าอย่างไรเล่า!”
อวิ๋นเยี่ยสายตาดำทะมึนในพริบตา!
เขายังไม่ทันตายก็มีคนมาสวมรอยแย่งบุตรชายของเขาแล้วหรือ!
อวิ๋นเยี่ยหันไปมองมู่เอ๋อร์น้อย ลูกชาย เจ้าอย่าเชื่อเขาเป็นอันขาด! ข้าต่างหากบิดาของเจ้า!
มู่เอ๋อร์น้อยเบิกดวงตาโตจนกลมดิก เขามองผู้ฝึกตนมารตาไม่กะพริบ “ท่านเป็นพ่อของข้าจริงหรือ”
ผู้ฝึกตนมารตบหน้าอกบอกว่า “แน่นอน ข้าจะหลอกเจ้าหรือไร เจ้าไม่คิดดูเสียบ้างว่าตนเองคือผู้ใด ทอดสายตามองทั่วหกดินแดน มีผู้ใดกล้าหลอกลวงเจ้าเล่า”
ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างหลิงจือกับนายน้อยแห่งเผ่ามาร แล้วยังมียอดเซียนกับจอมมารหนุนหลังนางอยู่อีก ด้วยเหตุนี้ในหกดินแดนจึงไม่มีผู้ใดกล้าวิ่งไปหลอกลวงพวกหลิงจือสองแม่ลูก ผู้ฝึกตนมารตนนี้ใจกล้าถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามาร
“ท่านเป็นพ่อของข้าจริงหรือ” มู่เอ๋อร์น้อยถาม
อวิ๋นเยี่ยกำหมัดดังกรอด เด็กโง่! เขาไม่ใช่พ่อของเจ้า! ข้าต่างหาก!
ผู้ฝึกตนมารไม่มองอวิ๋นเยี่ยสักหน เขาลูบใบหน้าน้อยสีชมพูระเรื่อของมู่เอ๋อร์น้อย “ใช่แล้ว ข้าคือพ่อของเจ้า ข้ามาหาพวกเจ้าสองแม่ลูกแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะดูแลพวกเจ้าเอง ดีหรือไม่”
อวิ๋นเยี่ยเกือบจะควบคุมพลังที่โหมกระหน่ำในร่างไม่ไหว!
“ได้สิขอรับ” มู่เอ๋อร์น้อยตอบ
อวิ๋นเยี่ย “!”
เจ้าเด็กโง่ สติปัญญาของเจ้าได้สืบทอดมาจากผู้ใด!
ผู้ฝึกตนมารดีใจแทบแย่ ในเมื่อเจ้าตัวน้อยเอ่ยปากเรียกเขาว่าพ่อแล้ว ประมุขหลิงก็คงไม่ปฏิเสธคำสู่ขอของเขาอีกแล้วกระมัง
“ลูกชาย พวกเราไปหาแม่ของเจ้ากันเถิด!” ผู้ฝึกตนมารชวนอย่างตื่นเต้น
มู่เอ๋อร์น้อยยื่นตัวต่อปริศนาในมือให้เขา “ประเดี๋ยวก่อน ท่านถือสิ่งนี้ไว้ก่อน”
ผู้ฝึกตนมารไม่รู้ว่ามู่เอ๋อร์น้อยคิดจะทำสิ่งใด เขารับไปอย่างเบิกบานใจ ทว่าชั่วพริบตาหลังจากนั้นมู่เอ๋อร์น้อยก็ดึงกระบอกเขี้ยวหมาป่าที่จอมมารมอบให้เขาออกมาจากด้านหลัง แล้วหวดใส่ศีรษะของผู้ฝึกตนมารดัง โครม!
อวิ๋นเยี่ยแข็งเป็นหินอยู่กับที่
มู่เอ๋อร์น้อยถือกระบองเขี้ยวหมาป่า แล้วกระโดดตัวลอยรัวฟาดบนร่างผู้ฝึกตนมารดัง ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!
เพียงไม่ถึงพริบตาผู้ฝึกตนมารก็ถูกทุบจนหัวบวมเป็นหัวหมู ผู้ฝึกตนมารสะบัดตูดแผ่นแน่บอย่างรวดเร็ว…
อวิ๋นเยี่ยมองตาค้าง เขาแอบยกนิ้วโป้งให้ลูกชายในใจ เจ้าตัวน้อยดูเหมือนโง่เง่าเซ่อซ่า แต่คิดไม่ถึงว่าจะฉลาดเพียงนี้ มองปราดเดียวก็มองออกว่าอีกฝ่ายเป็นตัวปลอม
สั่งสอนมาได้ดี!
ดีจริงๆ!
ไม่เสียทีเป็นลูกชายของเขา!
“จะว่าไปแล้วเจ้ามองออกได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่พ่อของเจ้า” อวิ๋นเยี่ยอมยิ้มมองลูกชาย พอนึกถึงการกระทำของลูกชาย เขาก็ดีใจจนยิ้มแทบไม่หุบ
มู่เอ๋อร์น้อยเบิกตากลมโตของตัวเอง “เอ๋ เขาไม่ใช่พ่อของข้าหรือ”
ครานี้อวิ๋นเยี่ยเป็นฝ่ายแปลกใจบ้างแล้ว “เจ้าเชื่อว่าเขาเป็นหรือ”
มู่เอ๋อร์น้อยพยักหน้า “ใช่สิขอรับ เขาเป็นพ่อของข้า ข้าถึงทุบตีเขาอย่างไรเล่า ผู้ใดให้สมัยก่อนเขาไม่ต้องการข้า แล้วยังข่มเหงรังแกมารดาของข้าอีก!”
อวิ๋นเยี่ยรู้สึกเหมือนถูกลูกธนูสองดอกปักเข้ากลางหัวเข่าในพริบตา!
มู่เอ๋อร์น้อยเอ่ยต่อว่า “ใช่แล้วท่านอา เมื่อครู่ท่านต้องการจะบอกอะไรกับข้าหรือ ท่านเป็นอะไรหรือขอรับ”
อวิ๋นเยี่ยมองกระบองเขี้ยวหมาป่าที่ทอประกายวาววับเย็นเยียบในมือบุตรชาย แล้วกลืนน้ำลายอย่างขวัญผวา “…เปล่า ไม่มีอะไร”