หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 2-1
ตอนพิเศษ 2-1
“เช่นนั้นน้องสาวข้าจะทำเช่นไร” หลิงจือถาม
ศิษย์พี่ได้ยินเช่นนี้ก็พอจะคาดเดาได้ “ที่บ้านพวกเจ้ายังมีญาติคนอื่นอยู่หรือไม่”
หลิงจือส่ายหน้า
ช่างน่าสงสาร หากพี่สาวไม่อยู่ น้องสาวก็ยังเด็กเพียงนี้ ไม่มีบ้านให้กลับแล้ว
ศิษย์พี่เอ่ยว่า “เช่นนี้แล้วกัน ในเมืองของพวกเรามีครอบครัวดีๆ ที่คุ้นเคยกันอยู่ไม่น้อย ข้าจะหาครอบครัวที่ดีที่สุด แล้วฝากฝังน้องสาวเจ้าไว้กับพวกเขาให้”
เฉียวเวยเวยคว้ามือหลิงจือไว้
หลิงจือเหลือบมองเฉียวเวยทีหนึ่ง หากแยกกันได้คงแยกกันไปนานแล้ว ตอนท่านยายยังมีชีวิตอยู่ ในหมู่บ้านท่านน้าที่หวังดีหลายคนแนะนำครอบครัวดีๆ ให้พวกนาง มีทั้งที่เอาไปเลี้ยงดูเตรียมแต่งเป็นภรรยา มีทั้งที่นำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ฐานะทางบ้านไม่เลวทั้งสิ้น เพียงแต่ครอบครัวเหล่านั้นต้องการเพียงคนเดียว
เวยเวยแยกกับนางไม่ได้ นางรู้ดี
หลิงจือกำหมดแน่น อุ้มเฉียวเวยเวยขึ้นมา “ช่างเถิด ข้าไม่ไปแล้ว”
ศิษย์พี่ถึงกับอึ้งไป
“ลูกศิษย์สายตรงล้วนมีสาวใช้กันทั้งนั้นมิใช่หรือ พวกเจ้าให้น้องสาวนางไปเป็นเด็กรับใช้ก็ได้นี่!” คุณชายตัวอ้วนที่มือถือถังหูลู่ผู้นั้นไม่รู้มาอยู่ด้านหลังทุกคนตั้งแต่เมื่อไร
ศิษย์พี่ถลึงตาดุใส่เขาทีหนึ่ง เจ้าเด็กนี่ พูดมากนักนะ!
แต่กระนั้นที่คุณชายอ้วนผู้นั้นกล่าวก็เป็นความจริง ลูกศิษย์คนสำคัญจะมีสาวใช้คอยปรนนิบัติดูแลคนละคนสองคนจริงๆ และด้วยคุณสมบัติรากปราณน้ำที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ หลังจากกลับไปสำนักเชียนหลันแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กลายเป็นศิษย์คนสำคัญของอาจารย์ แต่ที่เขาไม่ได้เสนอแผนนี้ขึ้นมานั้นเป็นเพราะเขาหวังดีกับหลิงจือด้วยใจจริง
ผู้ฝึกตนในสายนี้สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดคือยังมีห่วงกับโลกภายนอก การฝึกตนโดยไร้สิ่งรบกวนถึงจะทะยานสู่ชั้นฟ้าได้ในเร็ววัน หากพาญาติพี่น้องติดไปด้วย มากน้อยอย่างไรก็ต้องแบ่งความสนใจไปดูแล จึงอาจจะทำให้การฝึกตนช้ากว่าที่ควรจะเป็นได้
ศิษย์พี่หันไปมองเฉียวเวยเวย เฉียวเวยเวยเหลือบตาขึ้นมอง ลืมตาโตใสแจ๋วไร้พิษสงมองตอบอีกฝ่ายโดยไม่กะพริบตา
ศิษย์พี่อยู่ๆ ก็รู้สึกยากจะมองสบกับสายตาเช่นนี้ เขาเบือนสายตาหนี กระแอมเบาๆ เอ่ยกับหลิงจือว่า “บอกไว้ก่อนนะ หากเจ้าเสียสมาธิเพราะนาง…”
หลิงจือตอบโดยไม่ต้องคิดทันทีว่า “ไม่มีทางๆ ข้ารับประกันได้เลย!”
ดังนั้นหลิงจือจึงตามกลับไปยังสำนักเชียวหลันด้วย
ครั้งนี้คนที่มาร่วมคัดเลือกเป็นศิษย์สามัญมีมากนับพันคน แต่คนที่ได้รับคัดเลือกจริงๆ มีไม่ถึงหนึ่งร้อยคนด้วยซ้ำ ในหนึ่งร้อยคนนี้ที่สามารถบ่มเพาะจนได้แต่รากปราณแท้นั้นยิ่งน้อยกว่าสิบคนเข้าไปอีก และในคนเหล่านั้นมีหลิงจือที่เป็นรากปราณน้ำเพียงคนเดียวอีกด้วย
จึงไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า นอกจากเด็กสาวนางนั้นที่มีรากปราณสวรรค์แล้ว ก็มีหลิงจือที่คุณสมบัติดีเลิศที่สุด
คุณชายอ้วนผู้นั้นก็ได้รับเลือกเช่นกัน เขาจัดอยู่ในกลุ่มคนชั้นล่างของหนึ่งร้อยคน เขามีรากปราณอยู่เพียงหนึ่งในสามส่วน สำนักเชียนหลันให้เวลาเขาสามเดือน หากในสามเดือนนี้เขาได้รากปราณเพิ่มเข้ามาเป็นสองในสามส่วนก็จะได้อยู่ต่อ หากทำไม่ได้ก็ต้องกลับบ้าน
“นี่ ข้าแซ่หรง บ้านข้าเปิดโรงสุรา ชื่อหรงจี้ เคยได้ยินหรือไม่” ระหว่างทางไปสำนักเชียนหลัน คุณชายอ้วนยิ้มตาหยี้พลางเอ่ยกับเฉียวเวยเวย อันที่จริงเขาอยากพูดคุยกับต้นอ่อนรากปราณน้ำมากกว่า แต่เจ้าต้นอ่อนชั้นเลิศผู้นั้นถูกศิษย์พี่หญิงหลายคนรุมอยู่ เขาจึงจำต้องถอยกลับมาเอ่ยกับน้องสาวนางแทน
ไม่มีถังหูลู่แล้ว เฉียวเวยเวยคร้านจะหันมองอีกฝ่าย
คุณชายน้อยหรงส่ายหน้า เจ้าเด็กคนนี้เมื่อครู่ไม่ได้แอบมองเขาอยู่ตลอดหรอกหรือ ผ่านไปไม่เท่าไรก็มองพอแล้วหรือ ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่ เขารูปงามออกเพียงนี้!
…
เฉียวเวยเวยเดินไปได้ไม่เท่าไรก็เริ่มสัพหงก หลิงจืออุ้มนางขึ้นมา นางเลยซบหลับอยู่กับอกของหลิงจือ
นางตื่นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่บนยอดเขาจีเย่ว์ของสำนักเชียนหลันแล้ว
สำนักเชียนหลันกว้างใหญ่มาก ยอดเขาจีเย่ว์เป็นเพียงส่วนหนึ่งในนั้น และก็เป็นเพียงยอดเขาเดียวที่คุณสมบัติกับประสบการณ์อย่างคนในคณะเฉียวเวยจะปีนขึ้นมาได้ ยอดเขาอื่นต่อให้คิดอยากจะไปก็คุณสมบัติไม่เพียงพอ
หลิงจือพอเห็นว่าเฉียวเวยเวยตื่นแล้วจึงจับตัวเฉียวเวยเวยวางลงใต้ต้นไม้ใหญ่คนหนึ่ง หาก้อนหินมาให้นางนั่งลงบนนั้น “อย่าไปวิ่งเล่นซุกซนนะ ข้าไปเดี๋ยวเดียว”
เฉียวเวยเวยก็ไม่ขยับไปไหนจริงๆ
หลิงจือตามศิษย์พี่ไปพบผู้พิทักษ์ของสำนักเชียนหลัน
สำนักเชียนหลันไม่ได้รับลูกศิษย์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว คนหนึ่งเป็นรากปราณสวรรค์ อีกคนหนึ่งเป็นรากปราณน้ำ เช่นนี้ไม่เรียกกว่าโชคสองชั้นเลยหรือ
รากปราณน้ำสำหรับคนในวิถีเซียนไม่นับว่าหาได้ยากเท่าไรนัก เพราะถึงอย่างไรรากปราณประเภทนี้สามารถถ่ายทอดได้ ทายาทของคนมีรากปราณน้ำที่ขึ้นเป็นเซียน มักจะได้รับการสืบทอดรากปราณประเภทนี้ แต่ในวิถีปุถุชนนั้นไม่เหมือนกัน
รากปราณในวิถีปุถุชนต้องผ่านการรวมปราณแล้วสลายรูป รากปราณน้ำเป็นประเภทที่รวบรวมได้ยากที่สุดประเภทหนึ่ง และคนที่สามารถรวมได้นั้นก็หมายความว่าคุณสมบัติของร่างกายผู้นั้นไม่ได้อ่อนด้อยกว่าปราณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเลย
ด้วยเหตุนี้สำนักเชียนหลันจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับหลิงจือ
หลิงจือคำนับอยู่ด้านล่างที่นั่งของผู้พิทักษ์ใหญ่ และได้กลายเป็นลูกศิษย์สายตรงของผู้พิทักษ์ใหญ่ ส่วนเด็กสาวที่มีรากปราณสวรรค์ได้เป็นศิษย์สายตรงของผู้พิทักษ์รอง
โดยหลักการแล้ว เด็กสาวรากปราณสวรรค์ถึงอย่างไรก็เป็นร่างที่มีปราณติดตัวมาแต่กำเนิด ซ้ำยังมีบิดาที่ขึ้นเป็นเซียนแล้ว อย่างไรลำดับยังต้องสูงกว่าหลิงจือหนึ่งขั้น นางต่างหากที่ควรได้เป็นลูกศิษย์ของผู้พิทักษ์ใหญ่ แต่ได้ยินว่าผู้พิทักษ์รองเป็นคนไปเจอนางตอนอยู่ในหมู่ชาวบ้าน ผู้พิทักษ์รองมีบุญคุณต่อนาง นางจึงคารวะผู้พิทักษ์รองเป็นอาจารย์
คนอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมดถูกส่งตัวไปยังเรือนศิษย์ใหม่ และให้ศิษย์พี่ของที่นั่นสั่งสอนและฝึกฝนตามลำดับขั้นต่อไป
หลิงจือกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ถูกแยกไปยังเรือนที่พักของตนเอง
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ขึ้นเขามาก่อน จึงจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ศิษย์พี่แค่เพียงต้องช่วยหลิงจือหยิบจับอะไรนิดหน่อยก็เป็นอันเรียบร้อย
“ทางนี้” ศิษย์พี่ผลักเปิดประตูด้วยความเกรงใจ เขาพาหลิงจือกับเฉียวเวยเวยไปยังเรือนหลังเล็กที่สะอาดงดงาม “หลังจากนี้ที่นี่จะเป็นที่พักของเจ้า ข้าไม่เข้าไปแล้วนะ ขอตัว”
“ศิษย์พี่อวี๋ ขอบคุณมาก” หลิงจือสอบถามแซ่ของเขามาแล้ว
ศิษย์พี่อวี๋ยิ้มแหยๆ “มิได้ เวลานี้เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของผู้พิทักษ์ใหญ่ ความอาวุโสเทียบเท่าอาจารย์ของข้า หากเจ้าเรียกขานข้าว่าศิษย์พี่ นับว่าทำข้าลำบากใจแล้ว”
หลิงจือจึงจำต้องเอ่ยขอบคุณง่ายๆ แล้วจูงมือเฉียวเวยเวยก้าวขึ้นบันไดไป
พอเดินขึ้นไปได้ครึ่งทาง เฉียวเวยเวยก็หันกลับไป
หลิงจือมองตามทางที่นางมองไป ก็เห็นว่าตรงเรือนข้างเคียงมีหญิงรับใช้ในชุดสีชมพูกำลังรับอาภรณ์ประจำสำนักของสำนักเชียนหลันจากมือลูกศิษย์คนหนึ่ง
หญิงรับใช้ยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณ แล้วยังเอาบางอย่างส่งให้ลูกศิษย์คนนั้น
หลิงจือมีสีหน้าละอาย นางกับเวยเวยยากจนเกินไป ศิษย์พี่อวี๋เดินมาส่งจนเหงื่อท่วมกายแต่นางกลับให้ของขวัญขอบคุณอะไรไม่ได้เลย
เพียงแต่ จากนี้ไปนางก็จะเป็นเพื่อนบ้านกับสตรีที่จะขึ้นเป็นเซียนผู้นั้นแล้วหรือ
หลิงจือหันมองเรือนข้างเคียงอีกทีหนึ่ง แล้วได้เห็นว่าเรือนนั้นใหญ่กว่าของตนสองเท่า
ตอนเข้าไปในห้อง เฉียวเวยเวยหันไปมองทางด้านหลังตน
ลูกศิษย์หญิงสองคนถือกล่องอาหารกำลังเดินผ่านประตูเรือนไป ไม่ทันสังเกตว่าแม่นางน้อยสองคนย้ายเข้ามาอยู่แล้ว
“รู้หรือยัง นางเป็นรากปราณสวรรค์นะ”
“จะไม่รู้ได้อย่างไร เขาลือกันไปทั่วสำนักเชียนหลันแล้ว ข้ายังได้ยินว่าบิดานางเป็นผู้บรรลุมรรคผลแห่งชิงสุ่ยด้วย เป็นความจริงหรือไม่”
“ย่อมเป็นความจริง เพียงแค่ยังไม่ได้ตอบรับกันเท่านั้น ผู้บรรลุมรรคผลชิงสุ่ยปลีกวิเวกอยู่ พอออกจากการเก็บตัวแล้วก็น่าจะพาตัวนางกลับไป”
“ผู้บรรลุมรรคผลชิงสุ่ยคงต้องขอบคุณสำนักเชียนหลันมากกระมัง”
“เรื่องนั้นยังต้องพูดอีกหรือ”
ความขอบคุณของผู้เป็นเซียนนั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สำนักเชียนหลันจะโชคดีแล้ว