หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 23-2 พ่อมาแล้ว
ตอนพิเศษ 23-2 พ่อมาแล้ว
ตอนเดินไปได้ครึ่งทาง นางถูกร่างในอาภรณ์สีม่วงงดงามขวางทางไว้
ทั้งสองใส่ผ้าโปร่งปิดหน้า คนหนึ่งสีขาว คนหนึ่งสีม่วง คนหนึ่งท่วงท่าดั่งเทพเซียน คนหนึ่งปราดเปรียวว่องไว ในเรื่องรัศมีแล้วไม่มีใครเป็นรองใคร แต่หากสังเกตโดยละเอียดแล้ว เด็กสาวรากปราณสวรรค์ยังมีความงดงามที่ไม่อาจบรรยายมากกว่าอยู่หลายส่วน
ว่านจื่อเยียนรังเกียจเด็กสาวทุกคนที่มีรูปโฉมงดงามกว่าตน แต่นางข่มความไม่พอใจลงไปอย่างรวดเร็วแล้วเดินช้าๆ เข้าไปหาอีกฝ่าย “คุณหนูฉิน ข้าคือว่านจื่อเยียน”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ย่อมรู้ว่านางคือว่านจื่อเยียน ตอนที่อีกฝ่ายประมือกับหลิงจือเมื่อตอนอยู่ในเมือง ตนก็อยู่แถวนั้นด้วย
“คุณหนูว่านมีธุระอะไรหรือ” เด็กสาวรากปราณสวรรค์ถาม
ว่านจื่อเยียนระบายยิ้ม “ได้ยินชื่อเสียงคุณหนูฉินมานาน อันที่จริงข้าอยากคบหาเป็นสหายกับเจ้ามาตลอด เพียงแต่สำนักของพวกเรามีสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันนัก เชื่อว่าเจ้าก็คงรู้”
ต่อให้ฐานะของว่านจื่อเยียนจะสูงส่งเพียงใด แต่เด็กสาวรากปราณสวรรค์เป็นถึงคนที่จะลอยขึ้นแดนบนไปพร้อมกับบิดาของนาง นางไม่มีทางเห็นบุตรสาวของรองหัวหน้าสหพันธ์อยู่ในสายตา “อย่าพูดไร้สาระให้มากเลย เจ้าคิดจะทำอะไร”
สายตาว่านจื่อเยียนพลันดุดัน เป็นบุตรสาวของท่านเซียนแล้วยิ่งใหญ่มากหรือ ถึงกล้าพูดเช่นนี้กับนาง!
“หากเจ้าไม่พูดข้าไปแล้วนะ” เด็กสาวรากปราณสวรรค์พูดพลางจะยกเท้าเดินไป
ว่านจื่อเยียนอมยิ้มเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากชนะมาก อันที่จริงด้วยความสามารถของเจ้า นอกจากผู้ฝึกตนมารผู้นั้นแล้วก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าอีก แต่กระนั้นก็ช่างโชคไม่ดี วันพรุ่งนี้เจ้าต้องไปเจอเขา หากมีเขาอยู่โอกาสที่เจ้าจะเข้าสู่รอบตัดสินคงมีไม่มาก ต่อให้โชคดีได้เข้าไปเป็นอันดับท้ายๆ ในยกสุดท้ายเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้ให้เขาอยู่ดี เช่นนี้ดีหรือไม่…ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดเขาทิ้งให้”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์หันขวับไปมองอีกฝ่าย!
ว่านจื่อเยียนยิ้มหวาน “ผู้ฝึกตนมารผู้นั้นพอมีมิตรสัมพันธ์กับคู่หมั้นข้าอยู่บ้าง จะให้เขาแพ้ให้เจ้าอยู่ที่คำพูดข้าประโยคเดียวเท่านั้น”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยเสียงดุว่า “เจ้ากระทำการทุจริตเช่นนี้ หากใครรู้เข้า สำนักว่านเซี่ยงก็ต้องถูกตัดสิทธิ์แน่”
ว่านจื่อเยียนยิ้มบาง “หรือเจ้าไม่เคยได้ยินที่ว่า ท้องแตกตายเพราะใจกล้า ท้องหิวตายเพราะใจเสาะหรือไม่”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์มองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวัง “เหตุใดเจ้าถึงจะช่วยข้า”
ว่านจื่อเยียนเอ่ยกลัวหัวเราะ “เป็นเพราะข้าก็มีเหตุอยากให้เจ้าช่วยน่ะสิ”
“เจ้าอยากจะทำอะไร”
“เด็กที่ชื่อหลิงจือนั่น ข้าไม่อยากเห็นนางที่แท่นประลองในวันพรุ่งนี้!”
สายตาเด็กสาวรากปราณสวรรค์หลุบมองมือข้างขวาของอีกฝ่ายที่วางอยู่ตรงสายคาดเอว
ว่านจื่อเยียนเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ทำเพื่อตัวข้าเอง พรุ่งนี้มีลูกศิษย์สำนักว่านเซี่ยงคนหนึ่งต้องประลองกับนาง ข้าไม่อยากให้นางชนะ”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ “เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”
ว่านจื่อเยียนเอาดอกไม้สดสีขาวดอกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “ไม่ได้ต้องให้เจ้าลงมือเองเสียหน่อย เจ้าแค่เอาของสิ่งนี้วางเข้าไปในห้องนาง นี่เป็นดอกสงบจิตประเภทหนึ่งของแดนกลาง สามารถทำให้คนง่วงงุนได้ หากนางดมมันทั้งคืน วันรุ่งขึ้นร่างกายจะต้องอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงเป็นแน่ เจ้าวางใจเถิด กลิ่นหอมประเภทนี้ไม่ทำร้ายร่างกาย ไม่กี่วันนางก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าจะให้ข้าถูกขับออกจากสำนักเชียนหลันหรือ”
ว่านจื่อเยียนหัวเราะ “เจ้าลองตรองดูก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้คู่ต่อสู้คนแรกของเจ้าก็คือผู้ฝึกตนมารคนนั้น เจ้าอยากให้เขาแพ้ให้เจ้าหรืออยากให้เขาเล่นงานเจ้าจนไม่อาจประลองต่อได้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้ว”
พูดจบว่านจื่อเยียนก็ยัดดอกไม้ใส่มือนางแล้วเดินจากไป
…
ในเรือนของสำนักเชียนหลัน เฉียวเวยเวยหิ้วถังไม้ใบเล็ก ตักน้ำรดต้นไม้อยู่ในลาน ไม่ว่านางจะไปที่ใดก็ชอบรดน้ำให้ต้นไม้ใบหญ้าทั้งสิ้น
หลิงจือคอยมองอยู่ข้างๆ
มีลูกศิษย์ใหม่เข้ามาห้อมล้อม เอ่ยแสดงความยินดีให้หลิงจือกันยกใหญ่
“อาจารย์อาหลิงจือช่างเก่งกาจยิ่งนัก เอาชนะผู้ฝึกตนมารได้ด้วย!”
“อาจารย์อาหลิงจือยังใช้วิชาสายไฟได้ด้วย!”
“อาจารย์อา เจ้าศึกษาอย่างไรหรือ”
“อาจารย์อา พรุ่งนี้เจ้าต้องชนะอีกแน่ใช่หรือไม่”
หลิงจือคอยสังเกตคู่ต่อสู้แต่ละคนมาแล้ว นางไม่กังวลกับผลแพ้ชนะของพรุ่งนี้นัก จึงยิ้มพลางพยักหน้า “คงไม่ทำให้สำนักเชียนหลันขายหน้า”
หลิงจือมีการฝึกฝนที่ดี นิสัยก็ดี ใจกว้างทั้งยังเข้ากับคนง่าย เมื่อเทียบกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์ที่สายตาอยู่บนกระหม่อมแล้ว อันที่จริงทุกคนหวังให้นางเป็นผู้ชนะมากกว่า
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น คล้ายมองเห็นภาพตนเองแพ้อย่างหมดรูป ส่วนหลิงจือได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่
มือที่ถือดอกไม้ของนางค่อยๆ กำแน่นขึ้น
“หลิงจือข้าอยากไปสุขา” เฉียวเวยเวยวางถังน้ำลง มือจับก้นกระโดดดึ๋งๆ
หลิงจือบอกลาลูกศิษย์ใหม่เหล่านั้นแล้วอุ้มเฉียวเวยเวยไปห้องสุขา
พอนางไป ลูกศิษย์เหล่านั้นก็พากันสลายตัว
ที่น่าเอ่ยถึงก็คือ จีเสี่ยวซิวเรียกลู่หยวนเจิ่นไปหาแล้วให้พักผ่อนที่ห้องของเขา เมื่อเป็นเช่นนี้พอหลิงจือกับเฉียวเวยเวยไปแล้ว ในเรือนก็ไม่มีคนอื่นอยู่อีก
เด็กสาวรากปราณสวรรค์แอบเข้าไปในห้อง แล้วเอาดอกไม้ซ่อนไว้ใต้หมอน
นางเดินออกจากห้อง
แสงจันทร์เย็นราวกับสายน้ำ สาดเฉียงๆ ผ่านประตูใหญ่ที่เปิดอ้าเข้าไปด้านใน
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ปิดประตูกลับลงไป สูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง หยิบดอกไม้ขึ้นมาแล้วจับโยนไปนอกหน้าต่าง!
นางคิดว่าตนโยนดอกไม้ทิ้งไปแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าใต้หมอนที่เคยมีดอกไม้วางอยู่ช่วงสั้นๆ จะมีแมลงส่องประกายสีทองตัวเล็กๆ บินออกมา…
เมื่อตอนกลางวันเฉียวเวยเวยกินผลผูถีเข้าไปมากเกินไป กลับมาจึงปวดธุระบ่อย ก่อนนอนนางไปทำธุระอยู่หลายครั้ง กลางดึกก็ตื่นขึ้นมาเพราะปวดท้องเบาอีก
นางกลิ้งตกลงมาดังตึง ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาห้องสุขาตามความเคยชิน
แมลงสีทองตัวหนึ่งบินมาตรงหน้านาง
เฉียวเวยเวยลืมตาด้วยความสลึมสลือ
แมลงสีทองตัวเล็กบินไปเรื่อยๆ
นางยื่นมือไปคว้า
แมลงสีทองบินหนีไป
เฉียวเวยเวยก้าวขาน้อยๆ ของตนเดินตามไปอย่างกึ่งตื่นกึ่งฝัน
แมลงสีทองบินไปบินมาก็บินออกจากบ้านไป ด้านนอกบ้านมีถนนเส้นเล็กที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาอยู่เส้นหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ไม่มีใครมาที่นี่ แต่ทางอีกฝั่งหนึ่งของถนนเส้นเล็กสายนั้น มีชายชุดดำสองคนกำลังค่อยๆ เปิดกรงขนาดใหญ่
กรงอันนี้มีไว้เพื่อจับมังกรโดยเฉพาะ ร้ายกาจกว่าโซ่หาดมังกรยิ่งนัก
ชายชุดดำก. “เอ๋? ไม่ได้บอกว่าเป็นเด็กชายหรือ เหตุใดจึงเป็นเด็กหญิงไปได้”
ชายชุดดำข. “หรือจะเป็นเด็กชายที่หน้าตาเหมือนเด็กหญิง!”
ชายชุดดำก. “เช่นนั้นหรือ”
ชายชุดดำข. “ซู่ว์ อย่าส่งเสียง หากมีคนเห็นเข้าแล้วเอาไปบอกรองหัวหน้าสหพันธ์ พวกเราได้ตายแน่ นายน้อยสั่งไว้แล้ว ห้ามให้รองหัวหน้าสหพันธ์รู้ว่ามีมังกรน้อยตัวนี้เด็ดขาด”
ชายชุดดำก. รีบเงียบเสียง
ทั้งสองเอายันต์ซ่อนกายออกมาแปะลงบนกรง กรงเวลานี้มองไม่เห็นแล้ว ทั้งสองกลัวว่ากลิ่นไอของตนจะกระจายออกไป จึงร่ายวิชาเวทย์แล้วเคลื่อนย้ายตัวไปไกลหนึ่งร้อยเมตร
แมลงสีทองบินเข้าไปในกรง ส่องประกายสีทองระยิบระยับ ดึงดูดให้เฉียวเวยเวยตามไปทางนั้น
เฉียวเวยเวยยื่นมือเล็กๆ ไปข้างหน้า เดินไปตามทางเดินเล็กๆ นั้นอย่างสะลึมสะลือ ในขณะที่นางเดินไปได้ครึ่งทาง ก็มีสัตว์วิเศษลากรถม้าคันหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้าจนเกือบตกลงมาทับตัวนาง
สารถีรีบดึงบังเหียนไว้ สัตว์วิเศษถูกถึงจนเจ็บ!
“เกิดอะไรขึ้น” ภายในรถม้ามีเสียงที่ทุ้มต่ำและอ่อนนุ่มของบุรุษดังขึ้น
สารถีตอบว่า “รองหัวหน้าสหพันธ์ มีเด็กคนหนึ่งขอรับ”
รองหัวหน้าสหพันธ์นิ่งไป “อาจจะเป็นลูกศิษย์ของสักสำนักที่มาประลองกระมัง เจ้าเอาตัวกลับไปส่งที”
“ขอรับ!” สารถีตอบรับ ในขณะที่กำลังจะลงไปเอาตัวเฉียวเวยเวยกลับไปส่งนั้น เฉียวเวยเวยกลับปีนขึ้นมาเอง
เฉียวเวยเวยยืนอยู่บนเพลารถ มือน้อยๆ แหวกเปิดผ้าม่านแล้วยื่นศีรษะตนเข้าไป