หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 37-1 บิดาของเด็กแซ่เฉียวมาแล้ว ความจริงของบิดากับบุตรสาว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 37-1 บิดาของเด็กแซ่เฉียวมาแล้ว ความจริงของบิดากับบุตรสาว
ตอนพิเศษ 37-1 บิดาของเด็กแซ่เฉียวมาแล้ว ความจริงของบิดากับบุตรสาว
หอสงบวิญญาณตั้งอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบที่สุดของแดนเซียน แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าหอสงบวิญญาณเป็นสถานที่ไม่สำคัญ ตรงกันข้ามเลยต่างหาก ก็เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดของแดนเซียน ดังนั้นมันจึงตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลผู้คน และมีแม่ทัพสวรรค์กับทหารสวรรค์แปดสิบแปดองค์รายล้อมเฝ้าพิทักษ์
อายุขัยของเซียนยาวนานกว่ามนุษย์มาก แต่ไม่ใช่ว่าไร้ขีดจำกัด ยามเซียนละสังขาร ผู้ที่ไม่มีความผิดประจักษ์ชัดจะถูกเชื้อเชิญเข้ามาในหอสงบวิญญาณก่อนจะได้เดินทางไปเกิดใหม่อย่างไม่เจ็บปวด ส่วนผู้ที่ทำความผิดใหญ่หลวงจะถูกส่งไปยังหอประหารเซียน ถูกทำให้ดวงวิญญาณแตกสลาย
ราชาแห่งเผ่าเงือกจิตใจดีงาม ยามมีชีวิตอยู่ไม่เคยกระทำเรื่องชั่วช้า ดวงวิญญาณเซียนจึงถูกจัดสรรให้มาอยู่ในสถานที่อันปลอดภัยที่สุด หรูหราที่สุดเช่นหอสงบวิญญาณ นี่หมายความว่าการที่ใต้เท้าเจ้าตำหนักจะพาเขาออกมาจากหอสงบวิญญาณ นอกจากจะต้องรับมือกับแม่ทัพสวรรค์กับทหารสวรรค์แปดสิบแปดองค์ที่อยู่นอกหอแล้ว ยังต้องรับมือกับสิบแปดอรหันต์ที่เฝ้าหอแต่ละชั้นอยู่อีกด้วย
หอสงบวิญญาณมีทั้งหมดแปดสิบเอ็ดชั้น ราชาเงือกอยู่ที่ชั้นบนสุด
ใต้เท้าเจ้าตำหนักคิดคำนวณความเป็นไปได้ที่จะชนะ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ‘หากรักชีวิตจงอยู่ให้ห่างหอสงบวิญญาณเอาไว้’
ใต้เท้าเจ้าตำหนักตัดสินใจใช้หนทางอื่น
ผู้ที่เฝ้าพิทักษ์หอสงบวิญญาณนอกจากทหารสวรรค์กับแม่ทัพสวรรค์และเหล่าอรหันต์แล้วยังมีอีกหนึ่งคน เขาก็คือศิษย์ที่ยอดเซียนภาคภูมิใจที่สุด แล้วก็เป็นเซียนที่เยาว์วัยที่สุด มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ประสบความสำเร็จรวดเร็วที่สุด เล่ากันว่าเขาเกิดมาฐานะยากจน ไม่มีเบื้องหลังที่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น แต่ยามบรรลุเป็นเซียนกลับอายุไม่ถึงหนึ่งร้อยปี
เล่ากันว่าพลังอาคมของเขากล้าแกร่งนัก ทั่วทั้งแดนเซียนมีอยู่ไม่กี่คนที่สู้ชนะเขาได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแดนเซียนหาใช่เพราะประวัติความเป็นมากับพลังของเขา แต่เป็นเพราะรูปโฉมของเขาต่างหาก
เขาถูกขนานนามว่าคนงามอันดับหนึ่งแห่งแดนเซียน เขาต่างหากที่เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริงในหอสงบวิญญาณ
ณ ตำหนักที่มีไอเซียนวนเวียนรายล้อม ในสระน้ำที่มีไอหมอกสีขาวลอยละล่อง บุรุษรูปร่างสูงใหญ่แต่แลดูผอมเพรียวคนหนึ่งลุกขึ้นมาจากในสระน้ำอย่างช้าๆ ร่างกายของเขาซ่อนอยู่ในไอหมอกสีขาว โครงร่างอันแข็งแกร่งและงดงามโผล่มาให้เห็นเพียงเลือนราง
ชายหนุ่มก้าวออกมาจากสระน้ำแล้วสวมอาภรณ์ตัวใหญ่สีขาวพิสุทธิ์ เรือนผมดำดุจน้ำหมึกสยายตามสบายอยู่บนแผ่นหลัง พวกมันดูเหมือนผืนผ้าไหมสีดำอันอ่อนนุ่มเป็นประกาย
เขาเข้าไปนั่งในศาลา จากนั้นกระเรียนเซียนตัวหนึ่งก็คาบกาน้ำชามาหา เขาหยิบกาน้ำชารินชาเซียนหนึ่งถ้วย เขากำลังยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ทว่าจู่ๆ ในน้ำชากลับมีแสงสลัวๆ สายหนึ่งพุ่งออกมา ทะลุเข้าไปกลางหว่างคิ้วของเขา!
ชั่วพริบตาต่อมาจิตตั้งต้นของเขาก็ถูกคนบังคับให้ออกจากร่าง
จิตตั้งต้นของใต้เท้าเจ้าตำหนักยึดครองร่างกายร่างนี้ไปแทน ใต้เท้าเจ้าตำหนักยิ้มแล้วยกน้ำชาที่เขายังดื่มไม่หมดขึ้นมาจิบคำเล็กๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนมองตนเอง เขาเลิกคิ้ว “จิ๊ๆ ร่างกายนี้ก็เหมาะสมอยู่มากทีเดียว!”
จิตตั้งต้นของชายหนุ่มระเบิดไอสังหารอันแข็งแกร่งออกมา!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักยกมือขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “ตอนข้าออกท่องแดนเซียน เจ้ายังอยู่ในครรภ์มารดาคนไหนสักคนอยู่เลย ไม่รู้ว่าเกิดใหม่กี่หนกว่าจะได้มีวาสนาเซียนในชาตินี้ วาสนาเซียนได้มาไม่ง่าย ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าปล่อยให้เสียเปล่าดีกว่า”
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น
ใต้เท้าเจ้าตำหนักยืดเหยียดกระดูกกับเส้นเอ็น ร่างกายร่างนี้สบายกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก เขาหลับตาลงแล้วพรูลมหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นใต้เท้าเจ้าตำหนักก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารของอีกฝ่าย เขาหันไปมอง “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เก็บแรงไว้เสียเถิด วันนี้ข้ามิได้มาทะเลาะกับเจ้า ข้าพอใจกับร่างของเจ้ามาก อีกประเดี๋ยวจะคืนให้เจ้าเอง ขอเพียงเจ้ารับปากว่าจะทำเรื่องหนึ่งให้ข้า”
ชายหนุ่มมองใต้เท้าเจ้าตำหนักด้วยสายตาเย็นชา “หากข้าไม่รับปากเล่า”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักผายมือ ตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าคงจะต้องล่วงเกินแล้ว”
กล่าวจบใต้เท้าเจ้าตำหนักก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะหิน นิ้วมือเรียวยาวงามดั่งหยกจรดลงบนสายคาดเอวของตนเองอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มตวาดถาม “เจ้าจะทำสิ่งใด”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักตอบ “แก้ผ้าวิ่งออกไปอย่างไรเล่า”
ชายหนุ่มแววตาเย็นชาทันควัน “เจ้า!”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักยกมุมปากโค้ง แล้วปลดสายคาดเอวออกอย่างชั่วร้าย “ร่างของคนงามอันดับหนึ่งแห่งแดนเซียน น่าจะมีคนมากมายอยากยลโฉมอยู่นะ”
“เจ้ารนหาที่ตาย!” จิตตั้งต้นของชายหนุ่มซัดพลังปราณแฝงไอสังหารคมกริบสายหนึ่งใส่ใต้เท้าเจ้าตำหนักเต็มแรง ทว่าใต้เท้าเจ้าตำหนักกลับหนังตาไม่กระตุกสักนิด เขากางสองแขนออก รับการโจมตีของอีกฝ่ายไปเต็มๆ
การโจมตีทำอันใดใต้เท้าเจ้าตำหนักไม่ได้ แต่กลับฉีกอาภรณ์ของเขาจนขาดกระจุย ไหล่กว้างรวมไปถึงแผงอกกำยำเปิดเปลือยออกมาด้านนอก
เหนือศีรษะบังเอิญมีเซียนหญิงหลายนางขี่เมฆาล่องวาโยผ่านมาพอดี พวกนางเห็นบุรุษเปลือยร่างกายท่อนบนอยู่ เลือดกำเดาก็พุ่งปรี๊ดออกมาทันใด!
เท่านี้ยังไม่พอ ใต้เท้าเจ้าตำหนักยังเงยหน้าขึ้นอย่างเจ้าชู้แล้วใช้ดวงตางามเย้ายวนวิบวับส่งสายตาให้เซียนหญิงทั้งหลายอีกหนึ่งหน เซียนหญิงทั้งหลายพลันลมหายใจสะดุด พลังอาคมสลายหมดสิ้น ร่วงตกลงมาจากบนก้อนเมฆยกกลุ่ม!
ชายหนุ่มโมโหจนจิตตั้งต้นสั่นระริก!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักกระโดดลงไปที่พื้น แล้ววิ่งเข้าไปหาเซียนหญิงที่ร่วงลงมากระแทกพื้นจนหน้าบวมจมูกเขียว เลือดกำเดาไหลโกรกอยู่คนหนึ่ง
ดวงตาของเซียนหญิงเบิกโต!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักใช้วงแขนแข็งแกร่งกักนางไว้กับเสาต้นหนึ่ง กลิ่นอายเซียนอันเป็นเอกลักษณ์ห้อมล้อมเซียนหญิงเอาไว้ เซียนหญิงไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับเซียนบุรุษเช่นนี้มาก่อน นาง นาง นาง นางจะหายใจไม่ออกแล้ว!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักหันกลับไปยกมุมปากยิ้มอย่างชั่วร้าย ใช้เสียงที่มีแต่จิตตั้งต้นของชายหนุ่มที่ได้ยินพูดว่า “โอ๊ะ ข้าคงจะต้องสู่ขอนางเสียแล้วสิ!”
จิตตั้งต้นของชายหนุ่มโกรธจัด “เจ้ากล้า!”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักยักไหล่ “ข้าย่อมกล้าอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรคนที่ต้องแต่งกับพวกนางก็ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย แต่เป็นฉางหลีซั่งเซียน…ท่านต่างหากเล่า”
นาง พวกนางหรือ
ชายหนุ่มมองหญิงสาวผู้ลุ่มหลงความงามบนพื้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกประหนึ่งฟ้าดินกำลังหมุนคว้าง ใจอยากจะฉีกเจ้าตำหนักบางคนเป็นชิ้นๆ!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักหุบรอยยิ้ม “ไม่อยากมีคู่หมั้นเพิ่มมาเป็นพรวนก็ไปที่หอสงบวิญญาณเสีย แล้วเอาเศษเสี้ยววิญญาณของราชาเงือกมาให้ข้า”
…
หนึ่งเค่อหลังจากนั้น เศษเสี้ยววิญญาณของราชาเงือกก็ถูกจิตตั้งต้นของชายหนุ่มพากลับมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ เศษเสี้ยววิญญาณจึงถูกผนึกไว้ในขวดหยกสีครามใบหนึ่ง
ใต้เท้าเจ้าตำหนักไม่ถามว่าเขาทำได้เช่นไร คิดดูแล้วก็คงไม่ยาก อยู่ในโลกภายนอกจิตตั้งตนย่อมไม่ถูกผู้อื่นพบเห็นง่ายๆ อยู่แล้ว ส่วนเมื่อเข้าไปถึงหอสงบวิญญาณซึ่งผู้พิทักษ์หอล้วนเป็นวิญญาณเซียน เขาที่เข้าไปในสภาพวิญญาณเซียนย่อมถูกลูกน้องมองเห็น
ใต้เท้าเจ้าตำหนักรับขวดหยกมาแล้วยกมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้ม “ผนึกได้ไม่เลว น่าเสียดาย” กล่าวจบปลายนิ้วของเขาก็สะกิดเบาๆ หนึ่งหน ผนึกพลันถูกทำลาย
ชายหนุ่มสีหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม ทว่าเพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็ถามว่า “แล้วจะคืน…ให้ข้าได้หรือยัง”
“คืน คืนเดี๋ยวนี้” ใต้เท้าเจ้าตำหนักโยนขวดหยกเข้าไปในแดนยมโลกแล้วก้มหน้าลง สะกิดกางเกง ‘ของตนเอง’ จนหลุดร่วง แล้วเลิกคิ้วอย่างยียวน “โอ๊ะ!”
จิตตั้งต้นของชายหนุ่มเงื้อฝ่ามือขึ้น เข็มสังหารเทพที่ทอประกายเย็นเฉียบลอยเข้ามาหาทันใด!
ถึงจะเสี่ยงทำให้ร่างเซียนของตนเองเสียหายไปด้วย แต่เขาต้องกำจัดใต้เท้าเจ้าตำหนักนั่นให้ได้ น่าเสียดายใต้เท้าเจ้าตำหนักกำจัดไม่ง่ายเช่นนั้น
ใต้เท้าเจ้าตำหนักสกัดเข็มสังหารเทพด้วยมือเปล่า ต้องขอบอกว่าคำยกยอชายหนุ่มผู้นี้ในแดนเซียนไม่ไร้เหตุผลเท่าไรนัก นี่เป็นร่างเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ใต้เท้าเจ้าตำหนักเคยพบมาจริงๆ แม้แต่เข็มสังหารเซียนก็ยังสกัดไว้ได้อย่างง่ายดาย “วันใดมังกรน้อยเติบใหญ่แล้ว ข้าจะมายึดร่างของเจ้า”
ชายหนุ่มแววตาเย็นเยียบ ซัดเข็มสังหารเซียน ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ใส่เขาอีกหลายเล่ม
ใต้เท้าเจ้าตำหนักคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะทำเช่นนี้ มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มแล้วเปิดจุกขวด ก่อนที่จิตตั้งต้นจะคว้าเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของราชาเงือกเข้าไปในแดนยมโลก