หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 50-2 ปล้นราชาปีศาจให้หมดตัว จะเติบใหญ่แล้ว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 50-2 ปล้นราชาปีศาจให้หมดตัว จะเติบใหญ่แล้ว
ตอนพิเศษ 50-2 ปล้นราชาปีศาจให้หมดตัว จะเติบใหญ่แล้ว
หลิงจือตื่นหลังจากเฉียวเวยเวยเดินออกไปไม่นาน นางลืมตาขึ้นมาก็ผวาทันที “เวยเวย!”
“ชู่!”
มือเรียวข้างหนึ่งปิดปากของนางแล้วแล้วทำท่าบอกให้เงียบเสียง
เดิมทีกริ่งเตือนภัยในใจหลิงจือร้องดังลั่น นางคว้ากริชเกล็ดมังกรมากำไว้ในมือแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู นางก็เลิกขัดขืนทันที
นางเหลือบมองเด็กสาวรากปราณสวรรค์ที่อยู่ข้างกาย แล้วแกะมือของนางออก ก่อนจะถามเสียงเย็นชา “เมื่อวานเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าจึงลงมือกับข้า”
นางมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยต่อ “แล้วที่นี่คือที่ใด เหตุใดเจ้าจึงพาข้ามาที่นี่”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์สังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้านอย่างระแวดระวัง พลางอธิบายเสียงเบา “ข้าไม่ได้พาเจ้ามา เมื่อวาน…เมื่อวานข้าเพิ่งเลื่อนขั้นก็พบผู้ฝึกตนปีศาจตนหนึ่ง นางหมายตาปีศาจกระต่ายหยก ข้ากับนางจึงประมือกันแต่นางหนีไปก่อน จากนั้นเจ้าก็เดินเข้ามา ข้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกตนปีศาจจึงไม่ทันระวังลงมือกับเจ้า”
คำพูดนี้กึ่งจริงกึ่งลวง ฟังดูแล้วเหมือนจะเข้าเค้า
หลิงจือจึงถามต่อว่า “หลังจากนั้นเล่า”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เล่าต่อ “หลังจากนั้นเจ้าก็สลบไป ข้าอุ้มเจ้ากลับมาที่ห้อง ส่วนข้าก็กลับห้องของตนเอง แต่ผ่านไปไม่นานก็มีผู้ฝึกตนปีศาจอีกตนหนึ่งมาเยือนอีก”
“ตนเดียวกันหรือ” หลิงจือถาม
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ พลังของปีศาจตนนั้นเหนือกว่าข้า เขาฉีกข่ายอาคมที่ชิงสุ่ยเจินเหรินกางไว้ แล้วพาเจ้ากับเวยเวยจากไป ข้าขัดขวางเขาไม่ได้จึงทำได้แต่ลอบติดตามมาแทน”
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความจริง ยามนั้นนางร้อนรนนัก คิดแต่ว่าจะอธิบายเรื่องที่ตนเองไปโผล่อยู่ที่ภูเขาด้านหลังกับหลิงจืออย่างไรดีจึงนอนไม่หลับทั้งคืน ด้วยเหตุนี้นางจึงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากข้างห้อง
แต่เดิมระดับการฝึกตนเท่านางคงไล่ตามผู้ฝึกตนปีศาจที่ร้ายกาจเช่นนั้นไม่ทัน แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามนางอยู่ในเผ่าปีศาจ นางจึงว่องไวประหนึ่งมัจฉาในสายธาร เหมือนกับว่า…เหมือนกับว่ากลับมาถึงบ้านของตนเอง
ความรู้สึกนี้ หลังจากลอบเข้ามาในพระราชวังหลังนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นอีก
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้นางไม่บอกกล่าวหลิงจือ ส่วนหลิงจือเองก็ไม่นึกสงสัย
หลิงจือมองภายในห้อง “นี่คือสถานที่ใดกัน”
“ข้าก็ไม่รู้” นางไม่รู้จริงๆ นางรู้สึกเหมือนเคยรู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่นางนึกสิ่งใดไม่ออกทั้งสิ้น แล้วยังมีเรื่องที่นางไม่สารภาพตามตรงกับหลิงจืออีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือระหว่างทางนางพบข่ายอาคมของเผ่าปีศาจไม่น้อย แต่ข่ายอาคมเหล่านั้นกลับใช้กับนางไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้ามข่ายอาคมที่ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ทิ้งเอาไว้กลับขวางนางได้อยู่พักหนึ่ง
การค้นพบสิ่งเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่น
ทว่าไม่มีผู้ใดแบ่งเบาความหวั่นกลัวนี้ของนางได้
ไม่ใช่ว่าหลิงจือไม่ทันสังเกตเห็นความไม่สบายใจของนาง แต่หลิงจือก็กำลังไม่สบายใจอยู่เช่นกัน หลิงจือจึงคิดว่านางกำลังกังวลกับสถานการณ์ตรงหน้าเช่นเดียวกับตนเอง
หลิงจือถามเสียงเบา “เวยเวยกับอาจารย์อาน้อยเล่า”
ระดับการฝึกตนของเด็กสาวรากปราณสวรรค์ยังไม่สูงพอที่นางจะจับได้ว่าจิตตั้งต้นของจีเสี่ยวซิวไม่อยู่ในร่าง นางจึงบอกกล่าวเหตุการณ์จริงที่ตนมองเห็น “อาจารย์อาน้อยอยู่ในห้อง เขาไม่ถูกผู้ฝึกตนปีศาจพามาด้วย น่าจะเป็นเพราะ…เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีประโยชน์กับผู้ฝึกตนปีศาจกระมัง”
หลิงจือกระโดดลงจากเตียง “พวกเราต้องไปตามหาเวยเวย!”
“ช้าก่อน” เด็กสาวรากปราณสวรรค์คว้ามือของนางไว้ แล้วหลับตาจับสัมผัสอยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงบอกว่า “ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ใด”
หลิงจือมองนางอย่างเคลือบแคลง “เจ้า…รู้ได้อย่างไร”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ลืมตาขึ้น “เมื่อครู่ข้าเหมือน…” เหมือนจะแผ่จิตสัมผัสออกไปด้านนอกได้
ทว่ามีแต่ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นอมตะเท่านั้นจึงจะแผ่จิตสัมผัสออกไปได้ เห็นชัดว่านางยังอยู่ห่างจากขอบขั้นนั้นอีกแสนไกล นางก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกเหมือนตัวนางเชื่อมต่อกับพระราชวังหลังนี้ ในชั่วพริบตานั้นนางเหมือนผสานกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
“เหมือนว่าระหว่างขามาข้าจะเห็นเวยเวย!” เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตอบหน้าตาย
หลิงจือไม่สงสัยนาง นางเดินไปทางถ้ำศิลาที่เฉียวเวยเวยอยู่พร้อมกับเด็กสาวรากปราณสวรรค์
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เดินผ่านข่ายอาคมของเผ่าปีศาจอันใดก็ได้ มีเพียงข่ายอาคมตรงหน้าเท่านั้นที่เข้าไปไม่ได้ นางไม่เข้าใจว่าเฉียวเวยเวยเข้าไปได้เช่นไร โชคยังดีที่ตอนนี้เฉียวเวยเวยมองเห็นหลิงจือแล้ว
“หลิงจือ” เฉียวเวยเวยเดินออกมา
นางกินจนอิ่มมากเกินไป พุงน้อยๆ หนักอึ้งจนใกล้จะขยับตัวไม่ไหวแล้ว
หลิงจือเอื้อมมือมาอุ้มนางก็เกือบจะอุ้มไม่ไหวเหมือนกัน
ใบหูสองข้างของเด็กสาวรากปราณสวรรค์กระดิก “มีคนมา รีบหนีเร็ว!”
หลิงจืออุ้มเฉียวเวยเวยออกไปจากที่แห่งนั้นพร้อมกับนางอย่างว่องไว
ผู้ที่มาเยือนมิใช่ผู้อื่น เขาก็คือท่านราชาปีศาจผู้สูงส่งนั่นเอง เหล่านางสนมทั้งหลายโน้มน้าวแล้วโน้มน้าวอีก สุดท้ายก็โน้มน้าวราชาปีศาจให้ประทานผลปีศาจให้พวกนางได้คนละผล
ราชาปีศาจมาเพื่อเด็ดผลไม้ แต่เมื่อเขามาถึงสวนผลไม้ เขาก็พบว่าต้นไม้ที่มีผลงอกงามเหลือเพียงแต่กิ่งว่างเปล่ากับแกนผลไม้เต็มพื้น!
ในตอนนี้เอง ผู้ฝึกตนปีศาจตนหนึ่งก็ตะโกนเสียงหลง “ท่านราชา นะ นะ นะ น้ำ…”
“น้ำอะไรเล่า”
ราชาปีศาจโบกมืออย่างรำคาญ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ปลายเท้าหันเปลี่ยนทิศวิ่งไปที่ถ้ำศิลา เมื่อมองไปยังจุดที่น้ำนมศิลาเคยลอยอยู่ ผลปรากฏว่ามันกลับเหลือเพียงเศษเปลือกหอยมือเสือแตกๆ
ราชาปีศาจ “…”
ราชาปีศาจกระอักเลือดออกมาเป็นกระบวย!
…
กล่าวถึงเด็กสาวรากปราณสวรรค์ หลิงจือกับเฉียวเวยเวย หลังจากพวกนางหนีออกมาจากวังปีศาจ พวกนางก็รีบเร่งกลับมาที่โรงเตี๊ยมด้วยความเร็วสูงสุด
แม้ตอนนี้โรงเตี๊ยมจะไม่ปลอดภัยนัก แต่จีเสี่ยวซิวยังอยู่ที่นั่น พวกนางต้องพาตัวจีเสี่ยวซิวมาด้วยกันก่อนจึงจะขบคิดแผนการก้าวต่อไปได้
เวลานี้ท้องฟ้าสว่างจ้าแล้ว
พวกเขากำลังหลบหนีผ่านพงไพร แต่เฉียวเวยเวยตัวหนักเกินไปแล้ว นางตัวหนักกว่าปกติมาก หลิงจือดูดซับพลังปราณจากแดนปีศาจมาเสริมกำลังไม่ได้ นางจึงต้องพึ่งแต่ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่พกติดตัว ทว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์มากมายอีกเท่าใดก็ไม่พอกับพลังปราณที่นางใช้อยู่ตอนนี้
“ส่งมาให้ข้าเถอะ” เด็กสาวรากปราณสวรรค์ยื่นมือออกมา
แต่เฉียวเวยเวยไม่อยากให้นางอุ้มจึงเกาะคอของหลิงจือไม่ปล่อย ใบหน้าน้อยเบ้หลบ ขาน้อยๆ ก็ถีบดุ๊กดิ๊ก
“ถ้าเช่นนั้นก็พักสักครู่เถิด” เด็กสาวรากปราณสวรรค์กล่อม “ตอนนี้พวกเขาคงยังตามมาไม่ทัน”
หลิงจืออุ้มเฉียวเวยเวยไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เฉียวเวยเวยยกสองมือเกาศีรษะตนเองไม่หยุด
หลิงจือหอบหายใจถามว่า “เป็นอะไรหรือเวยเวย เจ้าคันหัวมากหรือ”
เฉียวเวยเวยทำหน้าน่าสงสาร “เจ็บ”
หลิงจือถามอย่างฉงน “เหตุใดจึงเจ็บเล่า ได้รับบาดเจ็บหรือ ข้าดูหน่อยซิ”
เฉียวเวยเวยเอามือน้อยๆ ของตนออก จากนั้นยื่นศีรษะน้อยๆ เข้าไปให้หลิงจือดูอย่างว่าง่าย
หลิงจือพินิจดูอย่างถี่ถ้วนครู่ใหญ่ “ก็ไม่มีแผลนะ แม้แต่รอยบวมแดงก็ไม่มี เมื่อครู่เจ้าชนถูกสิ่งใดหรือไม่”
เฉียวเวยเวยส่ายหน้า แล้วยกมือขึ้นมาเกาศีรษะแกรกๆ อีกหน
“ข้ามียาแก้ฟกช้ำอยู่ เจ้าทาดูก่อนนะ” หลิงจือล้วงยาที่มีฤทธิ์รักษาอาการบาดเจ็บควบลดอาการเจ็บปวดขวดหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุนของตน นางทาไปทั่วจุดที่เฉียวเวยเวยเจ็บปวด
แต่เฉียวเวยเวยก็ยังเจ็บอยู่ดี มันเป็นความเจ็บปวดผสมความคันคะเยอ
เมื่อเห็นนางเกาจนหนังศีรษะของตนแทบหลุดออกมา หลิงจือก็จับมือของนางไว้แล้วเป่าเบาๆ ให้นาง “ไม่เกานะ ไม่เกาแล้ว”
เฉียวเวยเวยเกาอย่างบ้าคลั่ง “เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ!”
หลิงจือปวดใจแทบแย่แล้ว นางเทสิ่งของในถุงเฉียนคุนออกมา “ข้าจะดูว่ายังมียาอย่างอื่นหรือไม่”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์จ้องเฉียวเวยเวยเขม็งอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก นางไม่ได้บาดเจ็บ แต่เขามังกรของนางกำลังจะงอก”