หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 53-2 ความจริงเกี่ยวกับเวยเวย
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 53-2 ความจริงเกี่ยวกับเวยเวย
ตอนพิเศษ 53-2 ความจริงเกี่ยวกับเวยเวย
ตกกลางคืนเทพธิดาปี้สยาแวะมาหาเฉียวเวยเวยกับจีเสี่ยวซิวจริงๆ นางไม่ได้มามือเปล่า แต่ยังหยิบสุราดอกกุ้ยฮวาที่เพิ่งบ่มเสร็จใหม่ๆ มาไหหนึ่งด้วย
ผลปรากฏว่าคนทั้งโต๊ะดื่มเข้าไปล้วนอาเจียนออกมา…
เทพธิดาปี้สยาชมชอบเด็กน้อยสองคนนี้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉียวเวยเวย นางมองเฉียวเวยเวยตีลังกากลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้วคลี่ยิ้มไม่หุบ
“อยากให้กำเนิดบุตรสาวที่น่ารักเช่นนี้สักคนเสียจริง”
ยอดเซียน เช่นนั้นข้ากับเจ้ามาทำลูกด้วยกันเถิด
“ข้าจะซื้อเสื้อผ้าให้นาง แต่งตัวนางให้สวยงามน่ารัก”
ยอดเซียน ข้าจะซื้อให้เจ้าเอง
“ทุกปีถึงเวลาชุมนุมชิมท้อสวรรค์ก็จะพานางไปด้วยกัน”
ยอดเซียน ข้าจะพาพวกเจ้าสองแม่ลูกไปเอง
“ทุกสามปี ข้าจะพานางกลับบ้านมารดาสักหน”
ยอดเซียน ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปเอง
เทพธิดาปี้สยาอมยิ้ม ผินหน้ามามองยอดเซียนที่อยู่ด้านข้าง “ท่านว่าชีวิตเช่นนี้ยังอยู่ห่างไกลจากข้าหรือไม่ ยอดเซียน? ยอดเซียน ยอดเซียน ยอดเซียน! ยอดเซียนท่านเป็นอันใดไป ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ”
ยอดเซียนสะดุ้งได้สติกลับมา ร่างกายเขาเกร็งเครียด พูดออกมารัวเร็วเหมือนเสียงประทัด “ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น! ไม่ได้คิดสักนิดว่าจะให้กำเนิดลูกสาวกับเจ้า จะซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้นาง จะพาเจ้ากับนางไปงานชุมนุมท้อสวรรค์ ทุกสามปีกลับไปเยี่ยมบ้านมารดาด้วยกันสักหน!”
เทพธิดาปี้สยา “เอ่อ…”
…
ยามยอดเซียนหลับใหล เขาจะหนุนไม้พันหงสาไว้ใต้ศีรษะ คืนแรกในแดนเซียนจีเสี่ยวซิวจึงไม่แย่งชิงมาไม่สำเร็จ
วันต่อมาเมื่อฟ้าสางยอดเซียนก็เริ่มจัดการเรื่องที่เฉียวเวยเวยไม่ยอมโต
ยอดเซียนพาเฉียวเวยเวยไปที่ตำหนักปี้สยา นี่ไม่ใช่การอ้างเรื่องส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่เพราะเรื่องนี้ต้องพึ่งอาณาเขตของเทพธิดาปี้สยาจริงๆ
เทพธิดาปี้สยาครอบครองสระเซียนที่ใหญ่ที่สุดในแดนเซียน สุราดอกกุ้ยฮวาก็ใช้น้ำในสระน้ำเซียนบ่มออกมา แม้สุราดอกกุ้ยฮวาของนางจะรสชาติไม่อร่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะฝีมือ ตัวน้ำในสระน้ำเซียนเองมีรสหวานอ่อนๆ อร่อยอย่างยิ่ง ทั้งยังมีปราณเซียนเต็มเปี่ยม
ในสระน้ำปลูกดอกบัวเซียนไว้ไม่น้อย หนึ่งในพวกมันมีบางดอกถือกำเนิดจิตวิญญาณแล้ว เมื่อเห็นเทพธิดาปี้สยามาเยือน พวกมันจึงพากันคลี่ใบบัวสีเขียวหยก แย้มกลีบบุปผาส่งกลิ่นหอมรวยริน ทำตัวเองให้สวยสดงดงาม
เทพธิดาปี้สยา จีเสี่ยวซิว ชิงสุ่ยเจินเหรินและยอดเซียนยืนอยู่ริมฝั่ง เฉียวเวยเวยกลายร่างเป็นมังกรมารน้อยลอยวนอยู่เหนือสระน้ำเซียน
มังกรมารดูดซับปราณเซียนไม่ได้ แม้แต่ท่านจอมมารก็ทำไม่ได้ แต่มังกรมารน้อยตัวนี้เป็นกึ่งเซียนกึ่งมาร ยามปราณเซียนถูกดูดซับเข้าไปในร่างกลับช่วยบำรุงให้ทั้งร่างของนางเบาสบาย
ยอดเซียนตั้งข่ายอาคมให้เหล่าดอกบัวเซียนในสระน้ำเซียนดอกละอัน หลังจากนั้นจึงเงยหน้ามองมังกรมารน้อยที่ตีลังกาอยู่กลางอากาศ แล้วหรี่ตาจ้องเขม็ง สั่งว่า “เพลิงมังกร!”
มังกรมารน้อยอ้าปาก พ่นเพลิงมังกรสายหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เพลิงมังกรพุ่งลงไปในสระน้ำเซียน เผาข่ายอาคมของยอดเซียนไปครึ่งหนึ่ง แม้จะมีข่ายอาคมปกป้องอยู่แต่เหล่าดอกบัวเซียนในสระน้ำเซียนก็ตกใจกลัวแทบแย่ พวกมันหุบกลีบฟึบมุดลงไปใต้น้ำ
เทพธิดาปี้สยาสะบัดแขนเสื้อ น้ำในสระน้ำเซียนลอยขึ้นมาสาดดับเพลิงมังกร ต่อจากนั้นยอดเซียนก็หันไปมองมังกรมารน้อยอีกหน ปลายนิ้วดีดแสงสีทองสายหนึ่งลอยฟิ้วไปตกกลางหว่างคิ้วของมังกรมารน้อย “เพลิงน้ำแข็ง!”
ชิงสุ่ยเจินเหรินฉงน เวยเวยเป็นมังกรมารไฟ จะมีเพลิงน้ำแข็งได้อย่างไรเล่า
ทว่าความคิดเพิ่งผุดขึ้นมา มังกรมารน้อยกลับอ้าปากพ่นไอเย็นยะเยือกสายหนึ่งออกมา อากาศส่งเสียงดังเปรี๊ยะยามจับตัวเยือกแข็ง เมื่อชิงสุ่ยเจินเหรินหันกลับมาอีกหนก็เห็นผิวน้ำของสระน้ำเซียนถูกเพลิงน้ำแข็งของมังกรน้อยแช่แข็งเสียแล้ว
จีเสี่ยวซิวตกตะลึง
ชิงสุ่ยเจินเหรินตกตะลึงยิ่งกว่า “เวยเวย…เวยเวยเป็นมังกรมารไฟนี่นา ชิงหลวนก็เป็น…”
“ข้ารู้แล้ว เวยเวยไม่ใช่ลูกของเจ้า แต่เป็นลูกของจอมมารกับมังกรมาน้ำแข็งสักตัว!” เทพธิดาปี้สยาคิดว่าตนเองรู้ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เช่นนี้จะอธิบายเรื่องที่ลูกของมังกรมารไฟพ่นเพลิงน้ำแข็งออกมาได้อย่างไรเล่า!
ชิงสุ่ยเจินเหรินหน้าดำทะมึนในพริบตา
ยอดเซียนคิดในใจ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าก็ยินดีอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่!” ชิงสุ่ยเจินเหรินหันไปมองศิษย์พี่ของตนเองราวกับถูกรังแก
ยอดเซียนถอนหายใจเบาๆ “สงบใจไว้ ลูกของเจ้านั่นแหละ”
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดจึง…” ชิงสุ่ยเจินเหรินกล่าวได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้ ดวงตาเบิกโตทันที
ยอดเซียนถลึงตามองเขา “แรกเริ่มเดิมทีเจ้าถือกำเนิดมาจากปราณเซียนอันบริสุทธิ์ที่สุดบนภูเขาหิมะเซียน หลังจากถือกำเนิดจิตวิญญาณก็สิงสถิตอยู่ในดอกบัวน้ำแข็งที่ใกล้ตายดอกหนึ่ง เจ้ามีดอกบัวน้ำแข็งเป็นกระดูก บุตรของเจ้าย่อมครอบครองกายาของบัวน้ำแข็งด้วย เจ้าคิดว่านางเป็นเพียงมังกรธรรมดาตัวหนึ่งหรือไร”
กล่าวจบ ยอดเซียนพลันยกมือใช้เคล็ดวิชา แสงสีทองที่ตกลงไปกลางหว่างคิ้วของมังกรมารน้อยดวงนั้นกะพริบวาบหนหนึ่งก็เกิดเสียงดัง ปุ้ง! มังกรมารน้อยหายไปแล้ว เหลือแต่ดอกบัวน้ำแข็งน้อยใสแวววาวดอกหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า
ยอดเซียนสลายแผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ดอกบัวน้ำแข็งน้อยจึงร่วงต๋อมลงไปในน้ำ
ตอนที่รู้ว่าเวยเวยเป็นมังกรมาร เขาก็ดีใจมากแล้ว แต่พอได้รู้ว่าเวยเวยสืบทอดร่างเดิมของเขาไปด้วย ความรู้สึกในใจของเขา…ก็ยากจะพรรณนาออกมาเป็นถ้อยคำ
ความจริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีลางบอกอะไรนำมาก่อน หลิงจือเคยบอกเขาว่าทุกวันเวยเวยจะคอยรดน้ำดอกไม้ใบหญ้า ตอนอยู่ในหมู่บ้านเป็นเช่นนี้ เมื่อมาถึงสำนักเชียนหลันก็ยังทำอยู่ทุกวัน พืชพรรณต้นใดใกล้ตาย ขอเพียงมาถึงมือนางล้วนกลับมามีชีวิต เขาคิดว่านั่นเป็นนิสัยของตัวเด็กน้อยเองจึงไม่เก็บมาใส่ใจ แต่กลับมองข้ามไปว่ามังกรมารที่นิสัยดุร้ายย่อมไม่มีทางมีจิตใจสงสารดอกไม้ใบหญ้าอะไรพวกนี้ได้ นี่เป็นนิสัยจากสายเลือดดอกบัวน้ำแข็งน้อยของนาง
ชิงสุ่ยเจินเหรินดีใจจนคลี่ยิ้ม
ยอดเซียนแค่นเสียงหยันอย่างเย็นชา “รู้จักแต่หาของบำรุงร่างมังกรให้นางกิน! ร่างเดิมที่เป็นดอกบัวน้ำแข็งไม่โต แล้วนางจะโตได้อย่างไรเล่า”