หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 57-2 พลังอันน่ากลัว ภูตพรายในหุบเขา
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 57-2 พลังอันน่ากลัว ภูตพรายในหุบเขา
ตอนพิเศษ 57-2 พลังอันน่ากลัว ภูตพรายในหุบเขา
ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่ชิงสุ่ยเจินเหรินจะมาพูดอะไรตามมารยาท สิ่งที่แม้กระทั่งจิตสัมผัสของผู้พิทักษ์ใหญ่ยังตรวจสอบไม่ได้ย่อมไม่ใช่ปีศาจธรรมดาอย่างแน่นอน บางทีผู้พิทักษ์ทั้งสองอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
ผู้พิทักษ์ทั้งสองแยกย้ายกันเฝ้าหน้ารถม้าสองคัน ขณะที่ชิงสุ่ยเจินเหรินรีดเค้นพลังปราณเหินฟ้าไปยังหุบเขาแคบ ทว่าสิ่งที่ทำให้คนแปลกใจก็คือหลังจากเหินเข้าไปในหุบเขาเงาร่างของเขากลับหายวับไปอย่างน่าประหลาด
ผู้พิทักษ์ใหญ่ตกตะลึง นางคิดว่าตนเองมองพลาดจึงถามขึ้นมาว่า “ข้าตาลายหรือเมื่อครู่ชิงสุ่ยเจินเหรินจู่ๆ ก็…หายวับไป”
ผู้พิทักษ์รองตอบว่า “บางที…วิชาท่าร่างของท่านเซียนอาจว่องไวเกินไป หรือไม่ท่านเซียนก็อาจมีวิชาอำพรางตัว”
ผู้พิทักษ์ใหญ่รู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่เรียบง่ายเช่นนั้น นางตั้งสมาธิแล้วส่งกระแสจิตเรียก “ชิงสุ่ยเจินเหริน! ชิงสุ่ยเจินเหริน!”
ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่ตอบรับ
หากเขาอำพรางกายอยู่จริง เมื่อได้ยินเสียงกระแสจิตของผู้พิทักษ์ใหญ่ย่อมตอบนางทันที แต่เขากลับไม่ส่งเสียง หากมิใช่ว่าไม่ได้ยินก็ต้องเป็นเพราะตอบกลับมาไม่ได้ ไม่ว่าจะประการใดก็ผิดปกติอย่างยิ่ง
ผู้พิทักษ์ใหญ่สีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยว่า “ศิษย์น้อง ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย เจ้าเฝ้าพวกเสี่ยวซิวเอาไว้”
ผู้พิทักษ์รองท้วงว่า “ศิษย์พี่ ให้ข้าไปดีกว่า หากข้าหายตัวไปด้วย ท่านจงรีบพาพวกเสี่ยวซิวหนีไป”
ผู้พิทักษ์ใหญ่แย้งว่า “พลังอาคมของเจ้าสู้ข้าไม่ได้”
ผู้พิทักษ์รองอธิบาย “ก็เพราะว่าสู้ท่านไม่ได้ ข้าจึงเป็นคนที่ควรไป หากด้านในมีสิ่งที่รับมือไม่ได้อะไรอยู่จริง ท่านเป็นคนพาพวกเสี่ยวซิวหนีไปย่อมมีโอกาสรอดมากกว่า”
ผู้พิทักษ์ใหญ่ย่อมไม่ยินยอมให้ศิษย์น้องของตนไปเสี่ยงอันตราย ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงตกลงกันไม่ได้นั่นเอง เด็กสาวรากปราณสวรรค์ก็เดินมาด้านนี้ “อาจารย์ อาจารย์ป้า พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลย ที่แห่งนี้คือแดนปีศาจ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะเข้าไปยิ่งกว่าข้าแล้ว”
ผู้พิทักษ์ใหญ่มองนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หลิงเอ๋อร์เจ้า…”
แม้นกระดาษบุหน้าต่างบางจนแทบจะโปร่งใส แต่ไม่มีผู้ใดอยากจะจิ้มมันให้ทะลุ เด็กสาวรากปราณสวรรค์ยิ้มบาง “ให้ข้าไปเถิด”
นับตั้งแต่ชิงสุ่ยเจนเหรินเล่าให้ฝั่งสำนักเชียนหลันฟังว่าเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนรากปราณของฉินหลิงเอ๋อร์ พวกเขาก็ทราบตัวตนที่แท้จริงของฉินหลิงเอ๋อร์แล้ว สาเหตุที่ปิดบังมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้ฉินหลิงเอ๋อร์ก้าวซ้ำรอยชาติก่อน ไม่ว่าชาติก่อนนางจะเป็นผู้ใด วันนี้นางก็คือฉินหลิงเอ๋อร์ ลูกศิษย์ของสำนักเชียนหลัน เป็นคนที่พวกนางปรารถนาจะปกป้องตราบชั่วชีวิต
เด็กสาวรากปราณสวรรค์เอ่ยต่อว่า “ข้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ยามอยู่ในแดนปีศาจ พลังอาคมของข้าแก่กล้ากว่าอาจารย์กับอาจารย์ป้าเสียอีก”
ผู้พิทักษ์ใหญ่ถอนหายใจเบาๆ “ก็เพราะเหตุนั้น เจ้าจึงเข้าไปไม่ได้”
ผู้พิทักษ์รองเข้าใจเจตนาของผู้พิทักษ์ใหญ่ “ศิษย์พี่ พวกเราเข้าไปด้วยกันเถิด”
ผู้พิทักษ์ใหญ่มองเด็กสาวรากปราณสวรรค์แล้วพยักหน้า “ก็ดี หลิงเอ๋อร์ ขอฝากพวกเสี่ยวซิวไว้กับเจ้าด้วย หากข้ากับอาจารย์ของเจ้าเข้าไปหนึ่งเค่อแล้วยังไม่กลับมา เจ้าจงพาพวกเขาจากไปทันที”
ผู้พิทักษ์ทั้งสองคนเข้าไปในหุบเขาแคบ เป็นดังที่พวกนางคาดคิด ฟ้าแจ้งกลางวันแสกๆ แต่พวกนางกลับหายวับไป
เด็กสาวรากปราณสวรรค์รอจนครบหนึ่งเค่อก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวออกมา นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดลากหลิงจือไปขึ้นรถม้าของจีเสี่ยวซิวแล้วกำชับว่า “นั่งดีๆ!”
นางรีดเค้นปราณปีศาจควบคุมสัตว์วิเศษให้วิ่งเร็วจี๋ไปยังทิศทางที่เดินทางมา
หลิงจือเปิดม่านรถ นางมองทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “พวกเราจะกลับไปทางเดิมหรือ แล้วพวกอาจารย์จะทำเช่นไร”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์คอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้านอย่างระแวดระวัง “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำเช่นไร”
หลิงจือร้อนใจแล้ว “เจ้าจะทิ้งพวกนางไว้เช่นนี้อย่างนั้นหรือ”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ตอบเสียงเย็น “แม้แต่ชิงสุ่ยเจินเหรินยังหายตัวไป เจ้าคิดว่าข้ายังจะมีหนทางทำอะไรได้อีก”
หลิงจือเปิดม่านรถออก “หากจะไป เจ้าก็ไปเองเถิด ข้าจะไปตามหาอาจารย์!”
ทันใดนั้นเองเด็กสาวรากปราณสวรรค์ก็โถมตัวใส่หลิงจือจนล้มลงไปกับพื้นรถม้า ชั่วอึดใจที่ล้มเด็กสาวรากปราณสวรรค์ก็กระชากแขนจีเสี่ยวซิวพร้อมกับอ่างน้ำน้อยในอ้อมแขนของเขาลงมาดังโครมด้วย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แสงสีแดงฉานหลายเส้นยิงทะลุหน้าต่างเข้ามาตกตรงตำแหน่งที่หลิงจือกับจีเสี่ยวซิวอยู่เมื่อครู่ ผนังรถถูกลำแสงยิงทะลุเป็นรูหลายตำแหน่ง หลิงจือเหงื่อกาฬแตกพลั่ก “ผู้ใดกัน”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์กวาดสายตามองอย่างเยือกเย็น นางสะบัดแขนเสื้อ ปราณปีศาจดุดันสายหนึ่งซัดออกไป ห่างออกไปไม่ไกลนักพลันมีเสียงครางเบาๆ ดังขึ้นหนึ่งหน ตัวตุ่นตัวหนึ่งร่วงลงมาบนพื้น
เสียงหัวเราะดุจกระดิ่งเงินของหญิงสาวดังขึ้นรอบด้าน
เด็กสาวรากปราณสวรรค์หัวใจกระตุกวูบหนึ่ง จู่ๆ ร่างกายก็ส่ายโอนเอน
“นี่ เจ้าเป็นอะไรไป” หลิงจือหันมามองนางอย่างแปลกใจ
เด็กสาวรากปราณสวรรค์มองไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้น ทว่าสิ่งที่นางเห็นมิใช่หญิงสาวงามเย้ายวน แต่กลับเป็นบุรุษเรือนร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์สีดำสนิทตัวใหญ่ พลังที่แผ่ออกมารอบกายเขาดูแข็งแกร่งนัก
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ก้าวลงจากรถม้าอย่างเหม่อลอย
หลิงจือตะโกน “นี่ เจ้าจะไปที่ใด”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ไม่สนใจนาง นางราวกับถูกสะกดวิญญาณ ก้าวไปหาบุรุษในพุ่มไม้อย่างเหม่อลอย
บุรุษผู้นั้นยิ้มละไมยื่นมือมาหานาง “มานี่สิ”
“นี่! ฉินหลิงเอ๋อร์! เจ้าจะไปที่ใด ฉินหลิงเอ๋อร์! ฉินหลิงเอ๋อร์เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” หลิงจือเอื้อมมือออกไปตั้งใจจะคว้าตัวคน แต่นางกลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า นางอยากจะกระโดดตามลงไปจากรถม้า ทว่าบนรถม้ายังมีคนอยู่อีกหนึ่งคน
จีเสี่ยวซิวอุ้มอ่างน้ำน้อยอยู่ นี่เป็นอ่างน้ำเซียน รอบอ่างมีข่ายอาคมกางอยู่ ต่อให้หกคว่ำก็ไม่มีน้ำกระเซ็นออกมา ทว่าดอกบัวน้ำแข็งน้อยกลับกระเด็นออกไปแล้ว
จีเสี่ยวซิวรีบเอื้อมมือไปคว้าดอกบัวน้ำแข็งน้อย แต่เขายังไม่ทันจับตัวนางได้ ประกายแสงเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโฉบเอาตัวดอกบัวน้ำแข็งน้อยจากไปเสียก่อน