หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 58-2 เวยเวยบันดาลโทสะ พี่ซิวผู้ชอบตามใจ
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 58-2 เวยเวยบันดาลโทสะ พี่ซิวผู้ชอบตามใจ
ตอนพิเศษ 58-2 เวยเวยบันดาลโทสะ พี่ซิวผู้ชอบตามใจ
ตามธรรมเนียมแล้วต้องรอให้พี่ใหญ่กลับมาก่อน แต่เจ้าสามก็อดทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน บนร่างของดอกบัวน้ำแข็งน้อยดอกนี้มีกลิ่นดอกบัวหอมรวยริน กลิ่นนั่นยั่วยวนนางจนแทบคลั่ง
นางกลืนน้ำลาย “ถ้าเช่นนั้นพวกเรากินกันก่อนสักนิด แล้วค่อยเหลือไว้ให้พวกท่านพี่”
เจ้าสี่พยักหน้า
เจ้าสามยื่นมือออกมาอย่างตื่นเต้น มันจับกลีบดอกของดอกบัวน้ำแข็งน้อยกลีบหนึ่งแล้วกระชากอย่างแรง!
“โอ้ย!”
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยถูกกระชากจนรู้สึกเจ็บ!
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยโมโหมาก!
ชั่วอึดใจต่อมา เรื่องน่าเหลือเชื่อพลันบังเกิด
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยที่เดิมทีตัวเล็กกระจิ๋วหลิวส่งเสียงดัง ปุ้ง! แล้วขยายร่างใหญ่ขึ้น มันตัวใหญ่จนดันอ่างน้ำของพวกภูตพรายปริแตก แต่มันก็ยังไม่หยุด มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นอย่างเต็มกำลัง!
สองฉื่อ สามฉื่อ สี่ฉื่อ ห้าฉื่อ…
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยพองขยายจนตัวใหญ่เท่าถ้ำ!
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยกางกลีบดอกของตนเองอย่างดุร้าย ตอนนี้มันดูเหมือนดอกไม้กินคนระดับจักรพรรรดิ มันอ้าปากฮุบคำเดียวก็กลืนนางพรายที่บังอาจทำให้มันเจ็บตัวเข้า ‘ปาก’ ไปทันที
นางพรายอีกตนตกใจกลัวจนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น “พี่รองงงง”
พรายหนุ่มที่กำลังคึกคักปึ๋งปั๋งได้ยินเสียงกรีดร้องของน้องสี่ก็รีบวางเด็กสาวรากปราณสวรรค์ในอ้อมแขนลงแล้ววิ่งออกมา เขามาทันเห็นดอกบัวน้ำแข็งน้อ…เอ่อ ไม่ ไม่น้อยแล้ว ดอกบัวน้ำแข็งยักษ์ดอกนั้นกลืนน้องสามลงไปเสร็จแล้วก็กลืนน้องสี่ของเขาลงไปต่อ!
ภูตผีไม่มีกายเนื้อ พวกเขามีเพียงจิตตั้งต้น เมื่อจิตตั้งต้นถูกทำลายย่อมหมายความว่าไม่มีโอกาสกลับชาติมาเกิดใหม่อีกแล้ว
พรายหนุ่มคำรามพุ่งเข้ามา “คายน้องสามกับน้องสี่ของข้าออกมานะ! มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”
ไม่เกรงใจก็ไม่เกรงใจสิ!
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยมองพรายหนุ่มอย่างดุร้าย
“เหอะ ดื้อด้านไม่รู้จักฟัง คิดว่าข้าทำอันใดเจ้าไม่ได้จริงหรือ รอข้าจับเจ้าได้ ข้าจะไม่กินเจ้า แต่ข้าจะเลี้ยงเจ้าไว้ เลี้ยงให้เชื่องเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวของข้า!” พรายหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชาจบก็คว้าแส้ลงทัณฑ์เทพเส้นหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า แล้วฟาดใส่ดอกบัวน้ำแข็งน้อยเต็มแรง
แส้ลงทัณฑ์เทพเป็นอาวุธเทพ ไม่ต้องพูดถึงดอกบัวน้ำแข็งน้อยที่ตอนนี้ยังไม่เติบใหญ่ ต่อให้มันเติบใหญ่แล้วก็ไม่แน่ว่าจะทนรับคมศาสตราของมันได้
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยรู้ว่าตนเองตกอยู่ในอันตรายแล้ว มันตั้งใจจะแปลงกายหดตัวเล็งลงแล้วรีบหนีอย่างว่องไว ทว่ามันกลับติดแหงก ทำให้เปลี่ยนร่างกลับไม่ได้
ดอกบัวน้ำแข็งน้อย “ฮือ!”
ในชั่วพริบตาที่แส้เส้นนั้นกำลังจะฟาดลงบนร่างของดอกบัวน้ำแข็งน้อย มือเรียวดุจหยกสลักข้างหนึ่งก็ยื่นมาคว้าแส้ลงทัณฑ์เทพเอาไว้อย่างง่ายดาย
พรายหนุ่มตกตะลึง เมื่อเบิ่งตามองให้ชัดอีกหน คนผู้นั้นก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มือเย็นเฉียบดุจน้ำแข็งอีกข้างคว้าหมับเข้าที่ลำคอของเขา
เขามองบุรุษที่ปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าของเขาถูกอำพรางด้วยอาคมมายา แต่ไม่ว่าจะเรือนกายสูงใหญ่ พลังอันแข็งแกร่งรอบกายไปจนถึงแววตาคมกริบดุจคมมีดเฉือนหัวใจของเขาทีละนิดล้วนทำให้เขาตัวสั่นเทาทั้งที่ไร้ลมหนาว
คนผู้นี้คือใครกัน เขามาที่นี่ได้อย่างไร เหตุใดตนจึงไม่รู้ตัวสักนิด
ใต้เท้าเจ้าตำหนักไม่คิดจะตอบความสงสัยของเขา แววตาเย็นยะเยือกจับจ้องเขา “เจ้าคิดจะเอาใครมาเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้านะ”
แม้พรายหนุ่มจะยังไม่บรรลุเป็นเซียน แต่พลังของเขาก็ไม่เป็นรองเซียนตนหนึ่ง ทว่ายามอยู่ต่อหน้าบุรุษผู้นี้…หรือจะพูดให้ถูกก็คือเศษเสี้ยววิญญาณดวงนี้ เขากลับไม่มีแรงตอบโต้กลับแม้แต่น้อย
เขาแข้งขาอ่อนในพริบตา “ท่าน…ท่านเป็นผู้ใด”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักตอบเสียงเย็นชา “เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะรู้ว่าข้าคือผู้ใด”
“ท่าน…”
ภูตพรายอยากพูดถ่วงเวลา แต่ใต้เท้าเจ้าตำหนักไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขา ฝ่ามือใหญ่กำหมับ จิตตั้งต้นของเขาพลันแตกสลายกลายเป็นดวงแสงวิญญาณ
ใต้เท้าเจ้าตำหนักเก็บดวงแสงวิญญาณดวงนั้นไป จากนั้นจึงหันไปมองดอกบัวน้ำแข็งน้อยที่อยู่ด้านข้าง
หากไม่ใช่เพราะสีของกลีบดอกยังแทบจะไม่เปลี่ยนจากเดิม ใต้เท้าเจ้าตำหนักคงคิดว่านางเติบใหญ่แล้ว ทว่าเมื่อดูให้ชัดก็ทราบว่านางเพียงขยายร่างชั่วคราวเท่านั้น
ก็แค่เปลี่ยนร่างได้…ใหญ่เกินไปหน่อยเท่านั้น…
ใต้เท้าเจ้าตำหนักมองสิ่งมหึมาที่อยู่ด้านในถ้ำด้วยสีหน้าพูดไม่ออก
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยรีบใช้ใบบัวยักษ์ปิดศีรษะใหญ่โตกับร่างมหึมาของตนเอง
นางเปล่าตัวใหญ่นะ นางตัวเล็กตัวน้อยน่ารักน่าชัง!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักมองท่าทางเขินอายของนางแล้วหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เขาดึงกลีบดอกที่ติดอยู่ในซอกหินของนางออกมา
ในที่สุดก็เป็นอิสระ ดอกบัวน้ำแข็งน้อยส่ายใบอย่างเบิกบาน ลืมเลือนอย่างรวดเร็วว่าเมื่อครู่ตนเองก่อเรื่องน่าขายหน้าอันใดไว้ นางหดร่างลงมาจนเหลือดอกเล็กจิ๋วแล้วร่วงลงมากลางฝ่ามือของใต้เท้าเจ้าตำหนัก
ใต้เท้าเจ้าตำหนักประคองนางในอุ้งมือพลางสำรวจกลีบและใบของนาง เมื่อแน่ใจแล้วว่านางไม่บาดเจ็บจึงวางใจ
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยมองดวงแสงวิญญาณดวงนั้นตาไม่กะพริบ
ใต้เท้าเจ้าตำหนักส่งดวงแสงวิญญาณมาตรงหน้านาง “ชอบกินเจ้านี่หรือ”
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยคลี่กลีบดอกไม้น้อยออกแล้วสูดฟึบ ดูดดวงแสงวิญญาณเข้าไปใน ‘ปาก’
ใต้เท้าเจ้าตำหนักเห็นสีโลหิตในกลีบดอกของนางจางลงเล็กน้อย ดูเหมือนจิตตั้งต้นของภูตพรายจะช่วยนางดูดซับโลหิตเทพได้ไม่น้อย ใต้เท้าเจ้าตำหนักเลิกคิ้วแล้วตัดสินใจพานางเข้าไปในแดนยมโลก
…
ผู้พิพากษาชุยสัมผัสกลิ่นอายของใต้เท้าเจ้าตำหนักได้ในทันที เขาเหาะมาอย่างไวว่อง “ใต้เท้า เหตุไฉนท่านมาอีกแล้วเล่า ท่านจะไปที่ใด”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักเข้าไปนั่งบนราชรถเทียมกิเลน “แม่น้ำลืมเลือน”
ผู้พิพากษาชุยเห็นดอกบัวน้ำแข็งน้อยกลางฝ่ามือของใต้เท้าเจ้าตำหนักก็ขนพองถามว่า “เหตุใดจึงไปแม่น้ำลืมเลือนอีกแล้วเล่า มังกรน้อยตัวนี้ก่อเรื่องอันใดอีกแล้วหรือ”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักไม่ตอบเขา เขาเอาแต่ลูบใบของดอกบัวน้ำแข็งน้อยอย่างอ่อนโยน “เตรียมเรือให้ข้าด้วย”
“เอ่อ…เรือหรือขอรับ”
ผู้พิพากษาชุยไม่มีเรือเป็นของตนเอง เขาจึงไปยืมเรือท้องแบนลำหนึ่งมาจากยายเมิ่ง ใต้เท้าเจ้าตำหนักอุ้มดอกบัวน้ำแข็งน้อยขึ้นไปนั่งบนเรือ จากนั้นใช้พลังอาคมผลักเรือให้แล่นลึกเข้าไปในแม่น้ำลืมเลือน
ทิวทัศน์ริมสองฝั่งแม่น้ำลืมเลือนหาความงดงามไม่ได้ แต่หลังจากเรือท้องแบนแล่นมาได้ระยะหนึ่ง เหนือผิวน้ำที่เต็มไปด้วยไอแห่งความตายข้นคลั่กก็เริ่มปรากฏแสงสีเงินสายแล้วสายเล่าทอประกายระยิบระยับ
แสงเหล่านี้บางส่วนลอยอยู่เหนือผิวน้ำ บางส่วนลอยอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำลงไป ทั่วทั้งแม่น้ำต้องแสงเป็นประกายระยิบระยับ ประหนึ่งเต็มไปด้วยไข่มุกล้ำค่า
แน่นอนว่านี่มิใช่แสงสว่างจริงๆ แต่เป็นอสรพิษวิญญาณที่หน้าตาคล้ายงูพิษประเภทหนึ่ง
อสรพิษวิญญาณถือกำเนิดมาจากปราณวิญญาณของแม่น้ำลืมเลือน มันเป็นทั้งดวงวิญญาณ และเป็นทั้งดวงจิต
อสรพิษวิญญาณกินดวงวิญญาณคนตายในแม่น้ำลืมเลือนเป็นอาหาร ดังนั้นมันจึงเป็นของบำรุงชั้นยอดสำหรับจิตตั้งต้น เพียงแต่ว่าอสรพิษวิญญาณมีปราณหยินมากเกินไป กินอสรพิษวิญญาณหนึ่งตัวมีผลไม่แพ้ดื่มน้ำจากแม่น้ำลืมเลือนหนึ่งกระบวย ด้วยเหตุนี้แม้มันจะเป็นของบำรุงชั้นดี แต่กลับไม่มียอดฝีมือคนใดเอามันไปบำรุงตนเอง
ใต้เท้าเจ้าตำหนักจับอสรพิษวิญญาณตัวน้อยที่เปล่งแสงสว่างมาตัวหนึ่ง
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยออกแรงสูดหนึ่งที!
หง่ำ!
อร่อยมาก!
ใต้เท้าเจ้าตำหนักจับตัวที่ใหญ่กว่าหน่อยขึ้นมาอีกตัว
หง่ำ!
เอาอีก!
มุมปากของใต้เท้าเจ้าตำหนักยกโค้งเป็นรอยยิ้ม เขาก้มลงไปหมายจะวางดอกบัวน้ำแข็งน้อยบนผิวน้ำอย่างนุ่มนวล แต่เพิ่งจะชะโงกลงไปได้ครึ่งเดียว ดอกบัวน้ำแข็งน้อยก็ทนรอไม่ไหว
ดอกบัวน้ำแข็งน้อยกระโดดต๋อมลงไปในน้ำ นางวาดใบบัวเล็กๆ แหวกว่ายไปหาอสรพิษวิญญาณที่จับกลุ่มกันอยู่