หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 64-2 ค่ำคืนอันงดงาม พบหน้าลูกเขยเวิง (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 64-2 ค่ำคืนอันงดงาม พบหน้าลูกเขยเวิง (2)
ตอนพิเศษ 64-2 ค่ำคืนอันงดงาม พบหน้าลูกเขยเวิง (2)
ราชาปีศาจคล้ายสังเกตเห็นความเคลือบแคลงของเขาจึงเอ่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรว่า “เจินเหรินอาจจะไม่รู้ ข้ากับเจ้าตำหนักชิงเฉิงคบหากันเป็นการส่วนตัวอยู่บ้าง เขาเคยไหว้วานให้ข้าช่วยตามหาดินเทพธิดาหนี่ว์วา เมื่อไม่นานมานี้ข้าก็เพิ่งได้ยินว่าในมือกุ่ยเชอมีดินวิเศษอยู่ในครอบครอง ข้าจึงนำคนไปดูมา ไม่คิดว่าจะเป็นดินเทพธิดาหนี่ว์วานี้เอง”
คำอธิบายนี้เกรงว่าไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่นึกเชื่อ เร็วกว่านี้ไม่หาไม่พบ ช้ากว่านี้ไม่หาไม่พบ ดันมาหาพบเอาวันที่เขามาที่นี่พอดี ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนตั้งใจรอเขาอยู่ที่นี่ รอให้ตนมุดเข้ามาที่นี่กระนั้น
ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่ได้ยื่นมือไปรับ
ราชาปีศาจอธิบายต่อไปอย่างใจเย็น “อันที่จริงข้า… ไม่ได้จะให้ท่านเจินเหรินเปล่าๆ หากท่านเจินเหรินอยากได้ดินเทพธิดาหนี่ว์วานี้จะต้องตอบรับเงื่อนไขของข้าข้อหนึ่งเสียก่อน”
เขาก็ว่าอยู่ว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องดีที่มาอย่างไร้เหตุผล ชิงสุ่ยเจินเหรินได้ฟังเช่นนี้สีหน้ากลับสงบนิ่งขึ้น “เงื่อนไขอะไร”
ราชาปีศาจมองหน้าชิงสุ่ยเจินเหริน “ข้ารู้ว่าท่านเจินเหรินตามหาดินเทพธิดาหนี่ว์วาไปทำอะไร ข้าหวังว่าในวันที่งานใหญ่สำเร็จ ท่านเจินเหรินจะไม่ลอยสู่แดนบนไปคนเดียว”
ชิงสุ่ยเจินเหรินนิ่งอึ้งไป “เจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าไปด้วย?”
ราชาปีศาจส่ายหน้า “ไม่ใช่ข้าแต่เป็นจอมปีศาจ”
ชิงสุ่ยเจินเหรินมองประเมินอีกฝ่ายขึ้นลงรอบหนึ่ง
บนใบหน้าขี้เล่นของราชาปีศาจฉายแววนิ่งขรึมให้เห็น “ท่านเจินเหริน…คงรู้ถึงสถานการณ์ของจอมปีศาจดีกว่าข้ากระมัง เมื่อครั้งจอมปีศาจจุติไปเกิดนั้น เขาไปเกิดอยู่ในร่างเด็กคนหนึ่ง เด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเผ่ามนุษย์กับเผ่ามาร เกิดมาก็มีไอมารติดตัว แต่ไอมารกับไอปีศาจของจอมปีศาจไม่อาจกลมกลืนเข้าด้วยกันได้ นางเกิดมาจึงคร่าชีวิตมารดาตนไป แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ นางแค่ไม่อาจควบคุมไอปีศาจกับไอมารในร่างกายตนได้เท่านั้น บิดาของนางทอดทิ้งนางไว้ที่วัดร้างแห่งหนึ่ง โชคดีที่ได้พบกับท่านเจินเหริน ท่านเจินเหรินช่วยปลูกรากปราณสวรรค์ไว้ให้ในตัวนาง หลังจากนี้ขอเพียงนางมีใจที่จะฝึกตน ก็จะสามารถควบคุมไอมารและไอปีศาจในตัวนางได้ แต่ครานี้นางดูดซับไอปีศาจจากชนเผ่าปีศาจไปมากเกินไป หลังจากนี้นางจะเริ่มกลายเป็นปีศาจ ครั้งนี้น่ากลัวว่ากระทั่งท่านเจินเหรินก็คงไม่อาจรักษานางได้”
ชิงสุ่ยเจินเหรินเงียบไป
สายตาของราชาปีศาจปรากฏแววขอร้องที่ยากจะสังเกตเห็น “ก่อนหน้านี้ที่ข้าเล่นสนุก ไปจับตัวบุตรีของท่านมา ก็เป็นจอมปีศาจที่เสี่ยงตายเข้ามาช่วยบุตรีท่านออกไปจากวังปีศาจ ที่บุตรีของท่านประสบกับมหาอัสนีวิบาก ก็เป็นจอมปีศาจที่ใช้เลือดเนื้อของตนเขารับสายฟ้าแทนบุตรีของท่านเอาไว้ครั้งหนึ่ง บุญคุณของเจินเหรินนางได้ตอบแทนแล้ว หลังจากนี้เป็นข้อตกลงระหว่างท่านเจินเหรินกับข้า หากท่านเจินเหรินยอมตกลงที่จะพานางไปยังแดนเทพเพื่อตามหาวิธีรักษา ดินเทพธิดาหนี่ว์วานี้ข้าก็จะขอมอบให้กับท่าน”
ชิงสุ่ยเจินเหรินเอ่ยว่า “หากข้าไม่ตกลงเล่า”
“หากไม่ตกลง ดินเทพธิดาหนี่ว์วานี้ก็จะยังเป็นของเจินเหรินอยู่ดี” ราชาปีศาจหัวเราะเสียงขื่น “ถึงอย่างไรข้าก็เอาชนะท่านเจินเหรินไม่ได้อยู่แล้วมิใช่หรือ”
เมื่อเทียบกับใช้ไม้แข็งแล้ว ไม้อ่อนใช้ง่ายกว่ามากนัก
แต่ชิงสุ่ยเจินเหรินยังคงดูจะไม่ตอบตกลงง่ายๆ “ในเมื่อเจ้ามีมิตรไมตรีกับเจ้าตำหนักชิงเฉิง เรื่องเช่นนี้เหตุใดจึงไม่เอ่ยกับเขาเล่า”
ราชาปีศาจทอนถอนใจ “ข้าเคยคุยกับเขาแล้วแต่เขาไม่ตกลง ส่วนที่ว่าเหตุใดจึงไม่ตกลงนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ ครั้งหน้าหากเจินเหรินได้พบเขา ช่วยข้าถามให้เข้าใจสักทีก็ได้”
ชิงสุ่ยเจินเหรินเพ่งมองอีกฝ่ายพักหนึ่งแล้วจึงรับดินเทพธิดาหนี่ว์วานั้นมา
…
ชิงสุ่ยเจินเหรินนำดินเทพธิดาหนี่ว์วากลับมาได้รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ครั้งนี้เจ้าตำหนักไม่ยอมประมาทอีก ให้ผู้พิพากษาชุยไปคอยเฝ้าอยู่แถวสำนักเชียนหลันก่อนแล้ว เมื่อใดที่สัมผัสได้ถึงไอปราณของชิงสุ่ยเจินเหริน ก็ให้บอกเขาให้ไปยังแดนยมโลกในทันที
ภายในเรือนที่สงบเงียบ ชิงสุ่ยเจินเหรินวางดินเทพธิดาหนี่ว์วาหนึ่งขวดกับไม้พันหงสาลงบนโต๊ะหิน
ที่ว่าได้ดินเทพธิดาหนี่ว์วานี้มาอย่างไร ชิงสุ่ยเจินเหรินไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด และไม่ได้ซักไซ้ว่าที่ราชาปีศาจพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่
ในเมื่อเขาไม่ถาม ใต้เท้าเจ้าตำหนักย่อมไม่อธิบาย เพราะถึงอย่างไรเรื่องที่เขาเป็นท่านเทพ เขาก็ยังไม่อยากเปิดเผยออกไปในตอนนี้
ส่วนเรื่องพาจอมปีศาจไปด้วยนั้น ต่อให้ราชาปีศาจไม่ขอให้ชิงสุ่ยเจินเหรินช่วย สำนักเชียนหลันก็ต้องขอให้ช่วยอยู่ดี
ชิงสุ่ยเจินเหรินหันมองเจ้าตำหนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคืนนั้นเขาเห็นอีกฝ่ายอยู่กับสตรีนางนั้นหรือไร ทุกครั้งที่ชิงสุ่ยเจินเหรินนึกถึงภาพนั้น ในใจจะนึกโกรธขึ้นมาทุกที
พอเขาโกรธ น้ำเสียงจึงฟังดูไม่ดีเท่าไรนัก “ของมีครบแล้ว ไม่รู้ว่าท่านเทพคิดจะก่อร่างกายหยาบขึ้นมาเมื่อไรหรือ”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักได้ฟังน้ำเสียงที่อยู่ๆ ก็ฟังดูแปร่งๆ ของเขา ก็อึ้งไปเล็กน้อย “เรื่องนี้… คงต้องรอฟังจากท่านเทพเสียก่อน”
ชิงสุ่ยเจินเหรินรู้สึกได้ว่าตนเสียมารยาท อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เขาที่เป็นคนอื่นจะไม่ชอบใจไปไย นั่นก็ไม่ใช่บุตรีของเขาเสียหน่อย จริงหรือไม่
ชิงสุ่ยเจินเหรินปรับสีหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม เอ่ยอย่างมีมารยาทว่า “เช่นนั้นข้าก็รอฟังข่าวดีจากท่านเทพก็แล้วกัน”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักพยักหน้า ให้ผู้พิพากษาชุยส่งจิตตั้งต้นของชิงสุ่ยเจินเหรินออกจากแดนยมโลกไป
ผู้พิพากษาชุยส่งแขกกลับมา ก็เอ่ยกับใต้เท้าเจ้าตำหนักว่า “เหตุใดท่านจึงไม่บอกเขาว่าท่านยังจำเป็นต้องใช้โลหิตมารมังกรอีกเล่า”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ที่ข้าต้องการไม่ใช่โลหิตมารมังกรทั่วไป แต่เป็นโลหิตบริสุทธิ์แห่งชีวิตของมารมังกร การเสียโลหิตบริสุทธิ์แห่งชีวิตไปหนึ่งหยด ก็เท่ากับชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะให้ข้าหรือ”
ผู้พิพากษาชุยจึงบอกว่า “เขาไม่ได้อยากไปแดนเทพเพื่อตามหาจอมปีศาจหรือ โลหิตหยดนี้เสียไปก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้นี่ อย่างมากก็ใช้เวลาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น… มังกรน้อย …น่าจะ…น่าจะไม่ถึงตายกระมัง…”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักยกถ้วยชาขึ้นจิบเรียบๆ อึกหนึ่ง
ผู้พิพากษาชุยฟุบลงบนโต๊ะ หันไปมองใต้เท้าเจ้าตำหนักเป็นระยะๆ “ใต้เท้า ท่านคงไม่ได้ใจอ่อนเข้าแล้วกระมัง”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักชะงักไป เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ที่เลี้ยงดูนางก็เพื่อโลหิตของนางนี่เอง”
ผู้พิพากษาชุยโล่งอก “ไม่ใจอ่อนก็ดี ข้ายังคิดว่าท่านเกิดมีใจกับเรื่องทางโลกจนไม่อยากลงมือกับเจ้ามังกรน้อยแล้วเสียอีก หากท่านทำใจไม่ได้จริงๆ ให้ข้าลงมือก็เหมือนกัน ข้าจะให้ท่านยายเมิ่งมาช่วยข้า”
ใต้เท้าเจ้าตำหนักวางถ้วยชาลง “…ข้าจะลงมือเอง”