หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 66-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 66-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (1)
ตอนพิเศษ 66-2 เปิดเส้นทาง ลอยขึ้นสู่แดนเทพ (1)
ภายในตำหนักใหญ่ที่ถูกกลุ่มควันปกคลุมจนภาพพร่าเลือนนั้น ไม้พันหงสา น้ำพุหมื่นราตรี เพลิงปีศาจหมื่นพิภพ ศิลาตัดวิญญาณและดินเทพธิดาหนี่ว์วาล้วนถูกใช้ไปหมดแล้ว พลังงานจำนวนมหาศาลห้าประเภทผสมรวมเข้าด้วยกัน เมื่ออยู่ภายใต้พลังวิชาของท่านเทพ พลังมหาศาลห้าประเภทนี้ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นแสงห้าสี
จิตตั้งต้นของท่านเทพพุ่งเข้าไปกลางแสงห้าสีนั้นโดยไม่มีลังเล
เปรี๊ยงปร๊าง!
ท้องฟ้าของแดนยมโลกพังครืนไปครึ่งหนึ่ง!
เงาร่างขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้าของยมโลก เจ้าของเงานั้นเสกมือสองข้างขึ้นปิดท้องฟ้า คล้ายกำลังกอบกุมลูกฝ้ายที่กลิ้งกลอก พยายามกอบกุมแดนยมโลกที่ใกล้จะพังครืนเอาไว้
พลังจำนวนมหาศาลคล้ายแผ่กระจายซ้อนทับเป็นชั้นๆ ไปในแดนยมโลกราวกับคลื่นมหาสมุทร
ผู้พิพากษาทั้งสี่รีบหยุดการต่อสู้กับยอดเซียนแล้วค้อมกายลงด้วยความเคารพ “ท่านพญายมราช!”
ผู้พิพากษาชุยก็รีบทำความเคารพเช่นกัน
ยอดเซียนขยับขนที่ทั้งหรูหราและงดงามของตนพลางส่งเสียงหึอย่างดูแคลน “ในที่สุดพญายมราชก็ยอมปรากฏกายเสียทีนะ!”
พญายมราชไม่ได้พูดอะไร แค่เพียงแผ่ปราณวิญญาณของตนออกมาไม่หยุดเพื่อประคองแดนยมโลกที่ถูกพลังของท่านเทพสั่นสะเทือนจนใกล้จะพังครืน
เวลานี้ความนิ่งเงียบสยบทุกสิ่งได้
ผู้พิพากษาทั้งหลายทยอยกันนั่งขัดสมาธิ มือผสานอินแผ่ปราณวิญญาณในร่างกายออกมา
ยอดเซียนเห็นพวกเขาเลิกคิดที่จะสังหารท่านเทพ จึงกระพือปีกพร้อมเอ่ยว่า “ข้าไปก่อนล่ะ!”
พูดจบก็บินกลับไปแดนเซียนอย่างรวดเร็ว
แดนยมโลกพังครืนจนเป็นเช่นนั้นแล้ว คิดดูแล้วแดนเซียนก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร “ศิษย์ตำหนักเซียนทุกคนจงฟัง! ตั้งปราการ! พยุงแดนเซียนเอาไว้!”
ฉางหลีเป็นคนแรกที่เหาะเข้ามาแล้วกางข่ายอาคมขึ้นเหนือศีรษะ!
ศิษย์ตำหนักเซียนนับหมื่นคนทยอยกันแผ่ปราณเซียนของตนเข้าเสริมข่ายอาคมของฉางหลีซั่งเซียน
ยอดเซียนยังไม่มั่นใจว่าทางเข้าแดนเทพอยู่ที่ใด อีกเดี๋ยวข่ายอาคมคงได้ถูกฉีกขาดเป็นรูแน่ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือป้องกันไม่ให้รูนั้นทำลายข่ายอาคมทั้งหมดลง
หลังจากเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ร่างจริงของท่านเทพก่อขึ้นสำเร็จแล้ว
ไม่มีใครเห็นชัดว่าท่านเทพหน้าตาเป็นอย่างไร แค่คลับคล้ายคลับคลาว่าในแสงสีทองอร่ามนั้น บุรุษในอาภรณ์ขาวปลิวไสวพร้อมกับปราณเทพศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่และรุนแรง พุ่งทะลุท้องฟ้าแดนยมโลกขึ้นไปยังแดนเซียน ชนทะลุข่ายอาคมที่ลูกศิษย์ตำหนักเซียนกางเอาไว้!
จังหวะที่ข่ายอาคมถูกชนทะลุนั้น ทั่วทั้งแดนเซียนพลันสั่นสะเทือน!
เทพธิดาปี้สยากำลังหมักสุราอยู่ ตัวนางรวมถึงไหสุราพากันกลิ้งตกลงพื้น!
หลังจากท่านเทพทะลุผ่านข่ายอาคมไปแล้ว ก็ส่งพลังจากมือเปล่ากระแทกใส่หลังจากโดมไร้สรรพสิ่งที่ลอยอยู่เหนือแดนเซียน
ครั้งนี้อย่าว่าแต่ข่ายอาคมที่กางกั้นไว้โดยเซียนนับหมื่นชีวิตต้องพังทลายไม่เป็นท่าเลย กระทั่งแดนเซียนก็ยังปริแตกจากตรงกลางจนพังลงกลายเป็นสองส่วน
ท่านเทพตกใจจนหน้าถอดสี “ตำหนักปี้สยา…ตำหนักปี้สยา!”
ตำหนักปี้สยาอยู่อีกซีกหนึ่ง!
หัวหลุดได้ เลือดไหลได้ แต่ตำหนักปี้สยาจะเสียไปไม่ได้!
ยอดเซียนตัดสินใจแปลงร่างเป็นนกเฟิ่งหวง กรงเล็บข้างหนึ่งจับอีกครึ่งหนึ่งไว้ พยายามดึงกลับเข้าหากันเต็มที่
ศิษย์ตำหนักเซียนต่างตะลึงค้าง
ฉางหลีซั่งเซียนมองแผ่นหลังของท่านเทพแล้วไม่รู้อย่างไรเกิดคุ้นตาขึ้นมา
ยอดเซียนใกล้จะรั้งไว้ไมไหวแล้ว เส้นเอ็นตรงขมับเต้นตุบๆ “พวกเจ้า… พวกเจ้ายืนบื้อกันอยู่ไย มา…ช่วยกันสิ…”
ฉางหลีซั่งเซียนตั้งสติได้ ส่งผ้าไหมปี้เซียวออกไป แล้วจัดการเย็บรอยแยกของแผ่นดินเซียนสองข้างจนแน่นสนิทเช่นเดียวกับการเย็บผ้า
อีกด้านหนึ่งท่านเทพเริ่มเปิดเส้นทางแล้ว
ผู้พิพากษาชุยเหาะขึ้นมา ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากได้เห็นเถิงเสอบาดเจ็บ เขาก็ตะหงิดใจว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เวลานี้เมื่อได้เห็นร่างจริงของท่านเทพ ต่อให้แค่เพียงแผ่นหลังเขาก็มั่นใจในการคาดเดาของตน
“แย่แล้ว” เขาพึมพำ
ยอดเซียนเหาะเข้ามาหา “แย่แล้วอะไร”
ผู้พิพากษุชยจ้องท่านเซียนเขม็ง “ท่านเทพไม่ได้ใช้โลหิตมารมังกร ร่างจริงของเขากำลังหลอมละลาย”
“โลหิตมารมังกรอะไรนะ” สิ่งแรกที่ยอดเซียนคิดคือสงสัยว่าตนฟังผิดไป แต่เขาไม่ได้เอ่ยปากถามในทันที แต่หันไปมองตามสายตาของผู้พิพากษาชุย แล้วเขาก็ได้เห็นว่าท่านเทพที่กำลังแหวกเปิดเส้นทาง ตัวเขาค่อยๆ เริ่มโปร่งแสงจากปลายเท้าขึ้นไป
ในตอนนั้นเขาก็ได้เข้าใจว่าที่ผู้พิพากษาชุยบอกว่า “ร่างกายของเขากำลังหลอมละลาย” นั้นหมายความเช่นไร
อยู่ๆ สีหน้าของยอดเซียนก็เปลี่ยนเป็นกังวลอย่างหนัก “เขาไม่ได้ก่อร่างจริงของตนใหม่ แต่เขากำลังเผาจิตตั้งต้นของตนเอง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะ…”
ผู้พิพากษาชุยเอ่ยอย่างอึ้งงัน “จะกลายเป็นหมอกควันไปตลอดกาล”
กายหยาบของมนุษย์เมื่อสูญสิ้นไปยังสามารถไปเกิดใหม่ได้ แต่หากจิตตั้งต้นดับลง ก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ
ผู้พิพากษาชุยเอ่ยด้วยความเสียใจ “เลือดที่เขาใช้คือเลือดของเถิงเสอ”
เปลือกนอกของเถิงเสอมาจากแดนเซียน โดยหลักการแล้วโลหิตแห่งชีวิตของมันก็ให้ฤทธิ์ประมาณหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็สู้โลหิตมารมังกรไม่ได้ ดังนั้นถึงแม้มันจะสามารถหล่อเปลือกนอกของท่านเทพขึ้นมาได้ชั่วคราว แต่กระนั้นก็ยังไม่นับว่าเป็นร่างที่แท้จริง และไม่อาจรักษาให้ยืนยาวได้เลย
ยอดเซียนมองผู้พิพากษาชุยด้วยสายตาประหลาด “เจ้าจะบอกว่า…เขาต้องการเลือดของเวยเวย?”
ผู้พิพากษาชุยไม่ได้ตอบคำถามเขา เขากำหมัดแน่น สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน “เขาคิดจะเปิดทางให้พวกเจ้าไปยังแดนเทพ”
แต่หลังจากเปิดทางแล้ว เขาจะเป็นเหมือนพลังงานที่ปิดกั้นเส้นทางนี้ไว้ จะสูญสลายไปในแดนทั้งหกตลอดกาล
ผู้พิพากษาชุยทั้งโมโหทั้งร้อนใจ ขอบตาถึงกับแดงขึ้นมา
ในขณะที่ท่านเทพปล่อยพลังเป็นครั้งที่สามนั้น หลังคาโดมที่ดูเหมือนเป็นเหล็กแผ่นหนึ่งก็ฉีกขาดเป็นรอยคดเคี้ยว และในตอนนั้นตั้งแต่ส่วนเอวลงไปของท่านเทพก็โปร่งแสงไปแล้ว
ในขณะที่แผงอกของเขาค่อยๆ เริ่มโปร่งแสงนั้น เส้นทางไปยังแดนทพก็ถูกทะลวงไปได้กว่าครึ่งแล้ว!
พลังงานประหลาดขุมหนึ่งพุ่งกรูเข้าใส่ส่วนล่างของหลังคาโดมราวกับน้ำที่ล้นทะลักออกจากเขื่อน
ตำหนักเซียนถูกพลังงานขุมนี้บดจนแหลกเป็นเถ้าถ่านในทันที!
ยอดเซียนรีบประคองข่ายอาคมไว้เพื่อปกป้องลูกศิษย์ที่อยู่ตรงนั้น
หัวใจของท่านเทพเต้นตุบตับๆ อยู่ในอก ตั้งแต่หัวใจของเขาลงไปไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาแล้ว
เขายื่นมือออกไป ส่งพลังเฮือกสุดท้ายเข้าโจมตี
ในที่สุดเส้นทางสู่แดนเทพก็เปิดออกจนสุดแล้ว!
แต่กระนั้นสิ่งที่ต้อนรับกลับไม่ใช่ไอจากปราณเทพที่คุ้นเคย แต่เป็นลูกธนูแสงที่พุ่งมาเร็วราวกับสายฟ้า!
ลูกธนูแสงนั้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ พุ่งตรงเข้าใส่หัวใจที่เต้นอยู่ของท่านเทพ!
ท่านเทพคิดจะเบี่ยงหลบ แต่กลับไม่เหลือพลังอีกแล้ว
ชั่วพริบตานั้นตรงขอบฟ้ามีเสียงคำรามของมังกรดังก้องขึ้น มารมังกรตัวดำเมี่ยมโผบินผ่านเมฆหมอกเข้ามา
มังกรตัวเขื่องเข้ามาขวางหน้าเขาไว้ ลูกธนูแสงพุ่งทะลุเกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งของนางดังสวบ ทะลุร่างที่หนาแก่งของนางเข้ากลางหัวใจ…
ชิงสุ่ยเจินเหรินที่ปลีกวิเวกจนถึงช่วงเวลาสำคัญพลันชะงักค้าง เบิกดวงตาขึ้น “เวยเวย?!”
เลือดจากขั้วหัวใจของมารมังกรสาดลงบนตัวท่านเทพราวกับสาดน้ำหมึก
ร่างกายที่หลอมละลายไปแล้วของท่านเทพค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา
ท่านเทพมองมารมังกรอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้
มารมังกรกลับไม่อาจตอบเขาได้ นางครวญครางด้วยความเจ็บปวดก่อนจะร่วงหล่นจากกลางอากาศ
ท่านเทพรีบทะยานตามไปกอดมารมังกรที่กำลังร่วงหล่นเอาไว้ รอบตัวเขาเปล่งแสงสว่างจ้า โอบกอดมารมังกรที่เลือดทะลักไม่หยุดเอาไว้แน่น
ยอดเซียนคิดจะไปช่วยเวยเวย แต่ในเวลานี้เส้นทางสู่แดนเทพที่ท่านเทพอุตส่าห์ทะลวงจนเปิดกำลังค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง
เด็กสาวรากปราณสวรรค์ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวนางถูกราชาปีศาจใช้วิชาเวทย์รัดรึงเอาไว้
ราชาปีศาจมองเส้นทางที่ใกล้จะปิดตัวเต็มที ยกมุมปากแดงฉ่ำของตนขึ้นเรียบๆ “โชคดีที่ข้ามาด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นคงไม่ทันกาล ไปอยู่ทางนั้นแล้วอย่าลืมคิดถึงข้าล่ะ”
เด็กสาวรากปราณสวรรค์จับต้นชนปลายไม่ถูก “เจ้าคิดจะทำอะไร”
ราชาปีศาจกลับไม่ตอบนาง แค่เพียงจับปลายคางนางไว้แล้วจุมพิตหน้าผากนางด้วยความเทิดทูนและบูชา
จากนั้นราชาปีศาจก็เอาพลังฝึกตนทั้งหมดถ่ายเข้าร่างเด็กสาวรากปราณสวรรค์
เส้นผมสีแดงเพลิงที่งดงามของราชาปีศาจค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว
ครั้นปราณปีศาจในตัวเขาเหือดแห้งจนยากจะรักษารูปลักษณ์ของมนุษย์เอาไว้ได้นั้น หลิงจือที่เต็มไปด้วยไอสังหารก็ตามมาถึง
นางกำลังประลองวิชาเวทย์อยู่กับฉินหลิงเอ๋อร์ อยู่ดีๆ ไม่รู้มีปีศาจบุรุษจากไหนเข้ามาจับตัวฉิงหลิงเอ๋อร์ไป!
หลิงจือไม่รู้ว่านี่ก็คือแดนเซียน
ด้วยระดับการฝึกตนของหลิงจือ นางไม่อาจก้าวย่าวเข้ามายังแดนเซียนโดยไม่มีผู้อื่นคอยช่วยเหลือได้ แต่เวลานี้ปราการอาคมของแดนเซียนถูกท่านเทพทำลายจนพังเสียหายเกือบหมดแล้ว จนทำให้หลิงจือที่มีระดับฝึกตนอยู่ในขั้นผสานตันสามารถขึ้นมาได้อย่างไร้ซึ่งอุปสรรค
หลิงจือพิจารณารูปลักษณ์อีกฝ่ายโดยละเอียด “ราชาปีศาจ? เป็นเจ้าหรือ เจ้าคนชั่ว! ก่อนหน้านี้โดนสั่งสอนไปยังไม่พอใช่หรือไม่ ถึงได้กล้ามาหาเรื่องที่สำนักเชียนหลันอีก!”
ปราณปีศาจของราชาปีศาจมอบให้เด็กสาวรากปราณสวรรค์ไปแล้ว เวลานี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงจืออีกแล้ว เขาจับแขนเด็กสาวรากปราณสวรรค์ไว้ ใช้พลังเฮือกสุดท้ายจับตัวเด็กสาวรากปราณสวรรค์โยนเข้าไปในเส้นทางสู่แดนเทพ
“หลิงจือ…” เด็กสาวรากปราณสวรรค์หน้าซีดเผือด
หลิงจือโยนภูษาล่าวายุออกไปมัดเอวที่อ่อนนุ่มของเด็กสาวรากปราณสวรรค์ ใครจะคิดว่านางไม่อาจดึงอีกฝ่ายกลับมาได้ กลับกันนางกลับถูกดึงเข้าไปในเส้นทางนั้นแทน
ยอดเซียนเงยหน้ามองเด็กสาวสองคนที่ลอยผ่านศีรษะของตนไป คิดในใจว่าข้าใกล้จะต้านไว้ไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นไปกันแน่
ชิงสุ่ยเจินเหรินมาถึงพร้อมกับเทพธิดาปี้สยา
ชิงสุ่ยเจินเหรินหันมองไปทางกลุ่มแสงที่สว่างจ้าจนแสบตา “เวยเวย!”
เทพธิดาปี้สยาตะคอกเสียงดุ “จะมาเวยเวยอะไรเล่า เจ้าไม่ได้จะไปหาจอมมารหรือ รีบไปสิ!”
ชิงสุ่ยเจินเหริน “แต่ว่าเวย…”
“ไม่เห็นหรือว่าศิษย์พี่ของเจ้าถูกบีบจนจะเป็นเนื้อบดอยู่แล้ว! จะบังคับให้ข้าใช้ไม้ตายใช่หรือไม่!”
เทพธิดาปี้สยาเปลี่ยนไปจากภาพลักษณ์ที่เคยอ่อนหวาน นางถกกระโปรงขึ้น ยกเท้าใหญ่เบอร์สามสิบเก้าที่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อนขึ้นแล้วถีบชิงสุ่ยเจินเหรินจนกระเด็นไปทันที!
ชิงสุ่ยเจินเหรินถูกถีบเข้าไปยังแดนเทพ!
ในตอนที่เส้นทางสู่แดนเทพเหลือเพียงทางเล็กๆ นั้น กลุ่มแสงที่โอบล้อมท่านเทพกับเฉียวเวยเวยไว้ก็พลันเคลื่อนเข้าไปในแดนเทพอย่างรวดเร็ว