หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 68-2 เวยเวยได้สติ
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 68-2 เวยเวยได้สติ
เมื่อครู่เป็นการโจมตีถึงแก่ชีวิต แทบจะใช้พลังเวทย์ของหมิงซิวไปทั้งหมด หากไม่สำเร็จ วันนี้เขาคงได้กลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบของแม่ทัพเทพไปแล้ว โชคดียิ่งนักที่เขาเดิมพันชนะ เขาได้รับการฝึกตนของแม่ทัพเทพมาแล้ว!
แม่ทัพเทพได้เข้าใจว่าตนประมาทเกินไป คิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งสร้างร่างจริงขึ้นได้ไม่นาน ซ้ำยังถูกธนูเทพเข้าไปอีกคงต้องบาดเจ็บหนักแน่ ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายยังสามารถปล่อยพลังโจมตีเช่นนั้นได้
หมิงซิวบีบคอแม่ทัพเทพเอาไว้ “สิ่งที่ข้าให้เจ้าไปแล้ว ข้าสามารถเอามันกลับมาได้ทุกเมื่อ”
พูดจบเขาก็ควักดวงจิตตั้งต้นของแม่ทัพเทพออกมาอย่างไม่มีลังเล
ไม่เพียงช่วงชิงเอาพลังฝึกตนของแม่ทัพเทพไป แต่ยังควักเอาดวงจิตตั้งต้นของแม่ทัพเทพไปด้วย การกระทำเช่นนี้ไม่อาจยอมทนได้!
องครักษ์เทพนับร้อยชีวิตพุ่งเข้าโจมตีหมิงซิวอย่างบ้าคลั่ง
หมิงซิวดูดเอาพลังฝึกตนของแม่ทัพเทพไปแล้ว พลังเวทย์ฟื้นกลับมาไม่น้อย เขาอยู่ที่แดนยมโลกตั้งนานเพียงนั้น เรื่องอื่นไม่ได้เรียนรู้มาสักเท่าไร แต่เรื่องควักจิตตั้งต้นนั้นแม่นยำนัก แค่เพียงไม่นานภายในหุบเขาซือกั้วก็เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของดวงวิญญาณ
หมิงซิวเดินเข้าไปในบ้าน เอาถุงเฉียนคุนที่ใส่จิตตั้งต้นเอาไว้จนแน่นโยนใส่ไห่คงจื่อ “ดวงจิตตั้งต้นชั้นดีหนึ่งร้อยดวง รวมกับหนึ่งดวงจิตของแม่ทัพเทพ คงเพียงพอให้เจ้าทำยารวมวิญญาณขึ้นแล้วกระมัง”
ไห่คงจื่อตื่นเต้นจนตัวสั่น “พอๆๆ! เกินพอทีเดียว!”
เขามีชีวิตมานานเพียงนี้ ยังไม่เคยพบดวงจิตชั้นเลิศที่มากเช่นนี้มาก่อน นี่แทบจะ…แทบจะยารวมวิญญาณชั้นเลิศได้แล้ว!
…
ตกดึก หมิงซิวปลูกรากปราณให้ไห่คงจื่อใหม่ ทั้งยังแบ่งพลังฝึกตนที่ได้มาจากแม่ทัพเทพให้เขาครึ่งหนึ่งด้วย ซึ่งช่วยให้เขาทะลุทะลวงจนกลายเป็นผู้ฝึกตนเทพขั้นสูงได้ ซึ่งนี่เป็นระดับที่สูงกว่าก่อนที่เขาจะมาอยู่ในหุบเขาซือกั้วเสียอีก
ไห่คงจื่อแม้แต่ฝันก็ไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่ตนได้รับพลังฝึกตนกลับมาอีกครั้ง เขาถึงกับน้ำตาไหล
หมิงซิวเอ่ยเสียงเรียบว่า “อย่าดีใจเร็วเกินไป หากเจ้ากลั่นเอายารวมวิญญาณออกมาไม่ได้ ข้าก็จะดึงพลังฝึกตนที่ให้ไปกลับคืนมา”
พลังฝึกตนที่อุตส่าห์ได้กลับมา ไห่คงจื่อคงเสียดายแย่หากถูกท่านเทพริบกลับไป จึงรีบคว้าถุงเฉียนคุนเข้าไปในห้องทำยาของตนทันที
ไห่งคงจื่อจำไม่ได้แล้วว่าตนไม่แตะต้องเตาหลอมยามานานเท่าไร และเคยคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาใช้มันอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าชะตาชีวิตของตนจะพลิกผันเอาในยามชรา เขาสามารถเป็นเทพโอสถแห่งยุคได้อีกครั้งแล้ว!
หลังจากสามวันสามคืนผ่านไป ไห่คงจื่อหลอมเอายารวมวิญญาณชั้นเลิศออกมาได้หนึ่งเม็ด เขาถือยาเข้าไปในห้องของท่านเทพ ยื่นส่งยาให้เขาอย่างนอบน้อม
หมิงซิวรับยานั้นไป “เจ้าออกไปเถิด”
“ขอรับ!” ไห่คงจื่อกลับออกไปด้วยความยินดี
หมิงซิวมองยาเม็ดในมือที่มีขนาดประมาณไข่นกกระทา กังวลเล็กน้อยว่าเฉียวเวยเวยจะกลืนลงไปได้หรือไม่
เขาเดินไปนั่งลงข้างเตียง มือเรียวยาวจับริมฝีปากของเฉียวเวยเวยแยกออกจากกันอย่างเบามือ ริมฝีปากนางดูเหมือนเล็ก แต่เมื่อได้จับกลับอ่อนนุ่มและอวบอิ่ม
ปลายนิ้วของเขากดลงเบาๆ ในใจมีความรู้สึกประหลาดแวบขึ้นมา
เขาเอายาสีน้ำตาลในมือใส่ลงไปในปากนาง แล้วก็เป็นเช่นที่เขาคิด นางสลบไสลไม่ได้สติ ไม่รู้เลยว่าจะกลืนยาลงไปได้อย่างไร
ปลายนิ้วที่อยู่บนหน้าขาขยับเล็กน้อย ใจนึกลังเล
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาโน้มตัวลงไป หลับตาลงเล็กน้อยแล้วประกบเข้ากับ…
ปลายลิ้นขยับเบาๆ ยาเม็ดไหลเข้าไปในท้องของนาง
“เอ่อคือ…” ไห่คงจื่อเปิดผ้าม่านเข้ามาด้านใน
หมิงซิวขยับยืดตัวขึ้น นั่งตัวตรงแล้วหันไปมองไห่คงจื่อที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญก่อนจะถามเสียงเข้มว่า “มีเรื่องอะไร”
เอ่อ… เขารู้สึกไปเองหรือไร เหตุใดถึงรู้สึกว่าใบหูของท่านเทพแดงขึ้นมาได้
ไห่คงจื่อบอกว่า “ข้าลืมเตือนท่านเทพไปว่ายาเม็ดนั้น รสชาติของมัน…”
หมิงซิวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อืม หวานมาก”
ไห่คงจื่อตาเบิกโต “ใส่แกนเม็ดบัวลงไป ขมปร่ายิ่งนัก… เอ่อ… ไม่มีอะไร”
ไห่คงจื่อพึมพำเสียงเบาเสร็จก็ถูกท่านเทพตัดบท จากนั้นเขาเอาผลไม้เชื่อมแก้ขมเข้ามาอย่างไรก็ยกกลับออกไปอย่างนั้น
…
ยารวมวิญยาณรักษาแผลได้ไม่เลว เมื่อใช้ร่วมกับยานอนหลับสูตรเฉพาะของไห่คงจื่อ ปากแผลของเฉียวเวยเวยเลยสมานได้อย่างรวดเร็ว
ที่น่าเอ่ยถึงก็คือ ในช่วงหลายวันที่เฉียวเวยเวยรักษาตัวนี้ คนในหุบเขาซือกั้วเป็นกังวลว่าการมีองครักษ์เทพจำนวนมากกับแม่ทัพเทพหนึ่งคนตายเพราะที่นี่นั่น จะมีเทพทางการมาสืบสวนเรื่องนี้หรือไม่ แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดมากกันไปเอง เทพทางการคล้ายจะไม่รู้ว่ามีคนมาที่หุบเขาซือกั้วแห่งนี้ จึงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย
ทุกคนไม่เพียงแค่เป็นกังวล เวลานี้คล้ายกับว่ามีมีดเล่มใหญ่แขวนอยู่เหนือศีรษะ แต่กลับไม่รู้ว่าจะตกลงมาเมื่อไร
เรื่องนี้ช้าเร็วก็ต้องมีคนล่วงรู้ พวกเขาต้องไปจากหุบเขาซือกั้วก่อนที่เรื่องนี้จะแดงออกมา แต่แม่นางน้อยผู้นั้นไม่ฟื้น ท่านเทพก็จะไม่พาพวกเขาออกไป
ทุกคนจึงได้แต่วิงวอน แล้วในที่สุดช่วงบ่ายของวันที่สาม เฉียวเวยเวยก็ได้สติ
หมิงซิวคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา พอเห็นว่านางฟื้นก็รีบยื่นมือไปจับหน้าผากนาง “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”
เฉียวเวยเวยส่ายหน้า
หมิงซิวแผ่ดวงจิตเข้าไปในร่างกายนาง บาดแผลนางหายดีแล้วก็จริง แต่ร่างกายและดวงจิตตั้งต้นยังอ่อนแรงอยู่มาก
นางต้องการการบำรุงมากกว่านี้
หมิงซิวดึงมือกลับ “หิวหรือไม่”
เฉียวเวยเวยพยักหน้า “หิว”
หมิงซิวถามเสียงเขา “อยากกินอะไร”
“ไก่ป่าย่าง เนื้อกระต่ายตุ๋นน้ำแดง ขาหมูซีอิ๊ว ปลาเปรี้ยวหวาน ซาลาเปาไส้กุ้งในน้ำแกง…” เฉียวเวยเวยบอกรายชื่ออาหารออกไปสิบกว่าอย่าง
หมิงซิวจดจำเอาไว้ทุกรายการ
ผู้ฝึกตนของแดนเทพไม่จำเป็นต้องอดอาหาร การอดอาหารของพวกเขาเป็นเช่นเดียวกับการดื่มชาของปุถุชน ถือเป็นสิ่งที่ทำเพื่อความรื่นรมย์อย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรื่นรมย์กับสิ่งนี้ ซึ่งช่างบังเอิญ นักโทษทุกคนในหุบเขาซือกั้วไม่มีใครมีความรื่นรมย์นี้เลย
พวกเขาอาศัยอาหารเพื่อทำให้อยู่ท้องหลังจากถูกลงโทษให้มาอยู่ในหุบเขาซือกั้วแล้ว แต่สิ่งที่พวกเขาทำเป็นก็มีแต่บะหมี่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ส่วนรายการอาหารที่เฉียวเวยเวยบอกออกมา พวกเขาไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ
ดังนั้นพวกเขาจึงได้เห็นท่านเทพผู้สูงศักดิ์ทำตัวเหมือนภรรยาตัวน้อยที่ยอมเหนื่อยยอมทน เดินเข้าห้องครัวไปเงียบๆ
หลังจากไฟไหม้ห้องครัวไปสิบเจ็ดสิบแปดรอบ ในที่สุดอาหารที่เฉียวเวยเวยเอ่ยชื่อมาก็เสร็จได้ครึ่งหนึ่งเสียที ส่วนอาหารจานอื่นๆ ที่เหลือล้วนไม่มีวัตถุดิบ จึงไม่อาจทำได้
อาหารที่ท่านเทพทำขึ้นหน้าตานับว่าไม่เลว ขาหมูซีอิ๊วทำจากขาหมูป่า ตัวเนื้อออกจะเหนียวไปบ้าง แต่ก็ถูกตุ๋นจนเปื่อยพอประมาณ หลังจากเอาซีอิ๊วราดแล้วจัดวางบนโต๊ะ หนังของขาหมูยังสั่นไหว ทั้งนุ่มทั้งเด้งแล้วยังส่องประกายมันวาวอีกด้วย
เฉียวเวยเวยดูดหนังขาหมูเข้าปาก
ในความเค็มเจือรสหวานอ่อนๆ พอเข้าปากก็ละลาย ช่างนุ่มลื่นยิ่งนัก
คนป่วยโดยทั่วไปช่วงฟื้นตัวแรกๆ ยังกินเยอะๆ เช่นนี้ไม่ได้ แต่เฉียวเวยเวยเป็นมังกร กระเพาะนางจึงไม่อ่อนแอเช่นนั้น
“เจ้าก็กินด้วยสิ” เฉียวเวยเวยคีบเนื้อขาหมูป้อนเขา
เมื่อครั้งยังอยู่ที่สำนักเชียนหลัน นางมักป้อนจีเสี่ยวซิวเช่นนี้ อาจเพราะนานวันเข้าเลยกลายเป็นความเคยชิน มาตอนนี้เขาถึงกับอ้าปากรับโดยไม่รู้ตัว
แต่ไม่นานตัวเขาก็เกร็งไป ดึงตัวถอยหลังเล็กน้อย “ข้าไม่กิน เจ้ากินเถิด”
“อ้อ” เฉียวเวยเวยเอาเนื้อขาหมูเข้าปากตนเองทันที
หลังจากนั้นเฉียวเวยเวยก็ไม่ได้ป้อนเขาอีก นางจัดการกระต่ายป่าทั้งตัว ปลาย่างสองตัวกับน้ำแกงผักใส่เนื้อคนเดียวจนหมด
“ท่านพ่อเจ้ากับหลิงจือก็มาที่แดนเซียนด้วย” ตอนเฉียวเวยเวยกินอาหารคำสุดท้ายหมดและวางตะเกียบลงแล้ว หมิงซิวก็เอ่ยปากขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนพวกเราเข้ามาในแดนเซียน พวกเราถูกพลังของแดนเซียนส่งตัวไปยังสถานที่ต่างกัน เจ้ากับข้าตกลงมาในหุบเขาซือกั้ว ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าบิดาเจ้ากับหลิงจืออยู่ที่ใด ไว้ออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะติดต่อคนให้ไปตามหาพวกเขาดู เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนักนะ”
เฉียวเวยเวยกะพริบตาปริบๆ เอียงคอมองเขา “เหตุใดข้าถึงตกมายังหุบเขาซือกั้วกับเจ้าได้”
เป็นเพราะข้า…กอดเจ้าไว้ตลอดน่ะสิ…
บนหน้าหมิงซิวมีแววอึดอัดวาบผ่าน แต่ไม่นานก็กดลงไปได้ เขาลุกขึ้นเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “นี่ก็สายแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าออกจากหุบเขาซือกั้ว”
หมิงซิวตอบว่า “ข้าจะไปห้องข้างๆ”
เฉียวเวยเวยหันมองเตียงเขาทีหนึ่ง “อ้อ”
นังหนูนี่ตามองไปที่ไหนกัน
หมิงซิวทำหน้าจริงจัง “เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ก่อนหน้านี้เจ้าบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าเจ้าจะตายถึงได้อยู่ที่นี่คอยดูแลเจ้า เวลานี้เจ้าหายดีแล้ว ข้าก็ควรกลับห้องตัวเองได้แล้ว”
ไห่คงจื่อที่อยู่นอกประตู “…” ท่านเทพมีห้องของตัวเอง? ตั้งแต่เมื่อไรกัน!
หมิงซิวก้าวออกจากห้อง ตอนก้าวข้ามธรณีประตู เฉียวเวยเวยเรียกเขาไว้ “ข้าต้องนอนที่นี่ด้วยหรือ ไปนอนที่ห้องเจ้าได้หรือไม่”
หมิงซิวเลิกคิ้ว “ต้องไม่ได้สิ!”
“เมื่อก่อนยังได้เลย”
“เมื่อก่อนเจ้าเป็นเด็ก ตอนนี้เจ้าโตแล้ว”
เฉียวเวยเวย “อ้อ”
…
หลังจากหมิงซิวออกจากห้องไปแล้ว เขาไม่ได้ไปที่ห้องข้างๆ ในทันที ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อยู่ห้องข้างๆ จริงๆ อยู่แล้ว อันที่จริงเขาสามารถอยู่ต่อได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร ถึงได้เดินออกมาเช่นนี้
แต่ในเมื่อออกมาแล้วจะทำหน้าหนากลับเข้าไปก็ใช่เรื่อง
ท่านเทพพยายามสงบสติอารมณ์ เรียกทุกคนในหุบเขาซือกั้วให้ไปยังลานโล่งตรงปากหมู่บ้าน จัดการปลูกรากปราณให้ทุกคนใหม่ พร้อมทั้งดูดไอปราณเทพจากองครักษ์เทพร้อยนายแบ่งให้พวกเขาทุกคน
กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เขาใช้พลังเวทย์ไปมาก พอกลับไปถึงห้องที่ไห่คงจื่อตระเตรียมให้เขาใหม่ หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยไปทันที
ผ่านไปหนึ่งเค่อ ประตูห้องของเขาก็ถูกผลักเปิดช้าๆ
เฉียวเวยเวยเดินเข้ามาในห้อง ยื่นมือน้อยๆ ของตนไปดึงตัวเขาลงมา
“บอกแต่ว่าข้าไม่อาจไปนอนกับเจ้าได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้าจะมานอนกับข้าไม่ได้นี่ ถูกไหม”
ท่านเทพที่สิ้นสมประดีไปแล้วจึงถูกมังกรน้อยที่เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บหนักลากกลับเข้าผ้าห่มของตนไปด้วยประการฉะนี้