หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 70-1 ความจริงของตำหนักเมฆา ร่องรอยของน้องชาย (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 70-1 ความจริงของตำหนักเมฆา ร่องรอยของน้องชาย (1)
ตัวจีหมิงซิวแข็งค้าง รูปลักษณ์นี้ถึงแม้จะไม่เหมือนกับในความทรงจำนัก แต่กลิ่นอายนี้เขาคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าอะไร
เขาประคองใบหน้าของอีกฝ่าย ยกใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นแล้วนิ่งมองเข้าไปในดวงตานาง “…รั่วเอ๋อร์?”
แม่นางน้อยขอบตาแดงขึ้นมา “พี่ชาย ข้าเอง!”
นางเพิ่งเอ่ยจบ เฉียวเวยเวยก็เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าดุดัน คว้าคอเสื้อแม่นางน้อยยกขึ้นมาแล้วจัดการโยนลงกับพื้น!
“โอ๊ย!” แม่นางน้อยล้มก้นกระแทก ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง ปัดก้นตนไปพลางถลึงตาใส่เฉียวเวยเวยด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้าทำกับข้าเช่นนี้! คอยดูเถิดว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร!”
แม่นางน้อยพูดพลางใช้พลังปราณเทพเสกเอากระบี่น้ำแข็งออกมา
เฉียวเวยเวยตอนนี้สู้นางไม่ได้ ทำได้เพียงใช้เสียงคำรามขู่ นางคิดอยากคำรามเสียงมังกรเพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเป็น… “โฮ่ง! โฮ่งๆๆ! โฮ่งๆๆๆๆ!”
เสียง คำราม หมา น้อย!
หมิงซิว “…”
แม่นางน้อย “…”
ทุกคน “…”
หมิงซิวเดินเข้ามาขวางตรงกลางทั้งสอง ตอนนี้เขาสงบอารมณ์ตื่นเต้นในใจไว้ได้แล้ว เขาหันมองแม่นางน้อยด้วยสายตาอบอุ่น จับหัวไหล่นาง “รั่วเอ๋อร์ นางคือเวยเวย เป็นสหายที่พี่รู้จักเมื่อยามอยู่แดนล่าง”
“ที่แท้ก็เป็นสหายของพี่ชายเองหรือ” อวิ๋นเชียนรั่วเก็บกระบี่น้ำแข็งของตนกลับไป มองประเมินเฉียวเวยเวยขึ้นลงรอบหนึ่ง เฉียวเวยเวยสวมใส่อาภรณ์ของผู้ฝึกตนหญิง เนื้อผ้าเป็นแบบที่ราคาถูกที่สุด รูปแบบก็ล้าสมัยไปนานแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจบดบังเรือนร่างที่เพรียวบาง รูปโฉมที่เลอเลิศ ผิวพรรณขาวผ่องไม่ต่างกับหยกงาม เครื่องหน้าทั้งห้าหมดจดประหนึ่งรูปปั้น ดวงตาก็เป็นประกายวาวใสราวกับน้ำพุ งดงามจนไม่อาจเอื้อนเอ่ย
อวิ๋นเชียนรั่วส่งเสียงหึ “เจ้างดงามเพียงนี้ ข้าจะฝืนใจยอมชื่นชอบเจ้าก็ได้!”
หมิงซิวหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปเอ่ยกับเฉียวเวยเวยว่า “เวยเวย นี่คือน้องสาวของข้า อวิ๋นเชียนรั่ว”
เฉียวเวยเวยเอาอย่างหมิงซิว จับหัวไหล่อวิ๋นเชียนรั่วประหนึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ คล้ายจับประคองบุตรตัวน้อยของตนกระนั้น
อวิ๋นเชียนรั่วที่อายุปาเข้าไปสองหมื่นปีแล้ว “…”
ที่นี่ไม่เหมาะแก่การพูดคุย เทพทางการสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถึงแม้ในใจหมิงซิวจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ต้องพยายามข่มเอาไว้ก่อน
อวิ๋นเชียนรั่วคล้ายเข้าใจว่าพี่ชายกำลังคิดอะไรอยู่ นางจูงพี่ชายขึ้นไปนั่งบนราชรถ “พี่ชาย พวกเราคุยกันระหว่างทางนะ!”
คำพูดหนึ่งประหนึ่งว่ามีที่หมายในใจแล้วกระนั้น
หมิงซิวให้เฉียวเวยเวยขึ้นราชรถมาด้วย
ไห่คงจื่อกลัวว่าพวกเขาจะทิ้งพวกตนไว้ที่นี่ จึงรีบเอ่ยเรียกไว้ “ท่านเทพ! ท่านองค์เทพ!”
หมิงซิวไม่ได้สนใจพวกเขา ลดผ้าม่านลงแล้วให้สัตว์เทพลากราชรถจากไป
ไห่คงจื่อไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น รีบเรียกทุกคนให้ตามไป
หมิงซิวนั่งอยู่กลางราชรถ ข้างซ้ายเป็นเฉียวเวยเวย ข้างขวาเป็นน้องสาวของตน
เมื่อครั้งหมิงซิวไปจากแดนเทพนั้น รูปลักษณ์ภายนอกของอวิ๋นเชียนรั่วเพิ่งเหมือนเด็กเจ็ดแปดขวบเท่านั้น เวลานี้ถึงแม้จะผ่านไปสองหมื่นปีแล้ว แต่นอกจากรูปร่างกับรูปลักษณ์ของนางแล้ว นิสัยใจคอดูจะไม่เปลี่ยนไปสักนิด ยังคงติดเขาแจเหมือนเดิม
โชคดีที่บนราชรถมีของกินมาก เฉียวเวยเวยจึงก้มหน้าก้มตากินขนมเปี๊ยะไส้เนื้อของนางไป ไม่ได้สนใจว่าเสี่ยวซิวถูกแม่นางน้อยคนอื่น “แย่ง” ไปแล้ว
หมิงซิวหันไปเอ่ยกับน้องสาว “รั่วเอ๋อร์ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่”
อวิ๋นเชียนรั่ว “ข้ารับรู้ได้ถึงไอปราณของเจ้าอย่างไรเล่า”
หมิงซิวพยักหน้า “หลังจากข้าไปแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไป่ชวนบอกว่าตำหนักเมฆาไม่อยู่แล้ว เจ้ากับอาเยี่ยก็ตายกันไปแล้ว”
อวิ๋นเชียนรั่วได้ยินชื่อของแม่ทัพเทพผู้นั้นก็พลันหัวร้อนขึ้นมาทันที นางขยับนั่งตัวตรง เอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าชั่วไป่ชวนนั่น! ที่ตำหนักเมฆาต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะเขานั่นแหละ! ตอนนั้นหากไม่ใช่เขากล่าวโทษพี่ชายว่าขโมยเอาตราพญาเทพไป ศาลเทพสวรรค์ก็คงไม่ส่งคนมาจับพวกเรา!”
“ตราพญาเทพ?” หมิงซิวอึ้งไป ความทรงจำที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้วออกจะพร่าเลือน เมื่ออยู่ๆ ได้ยินคำนี้จึงคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ เขาไม่เคยขโมยของสิ่งนี้
อวิ๋นเชียนรั่วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “พวกเขาบอกว่าเจ้าขโมยตราพญาเทพไป แล้วนำเอาตราพญาเทพหนีไปด้วย พวกเขาให้ตำหนักเมฆาหาตราพญาเทพมาคืน แต่ตำหนักเมฆาไม่มีให้ พวกเขาเลยคิดว่าตำหนักเมฆาตั้งใจ จากนั้นจึงเนรเทศคนทั้งตำหนักเมฆาออกไป”
ตามตัวของหมิงซิวมีไอเย็นยะเยือกแผ่ออกมา เขาจำได้แล้วว่าตราพญาเทพคืออะไร เป็นของที่ตระกูลอวิ๋นปกป้องคุ้มครองมารุ่นสู่รุ่น เจ้าของสิ่งนี้มีไว้ทำอะไรเขาเองก็ไม่แน่ใจ เขารู้เพียงว่าตั้งแต่เขาจำความได้ก็ได้รับการบอกเล่าว่าต้องรักษาตราพญาเทพชิ้นนี้
จะเก็บเอาไว้เขายังไม่อยาก แล้วจะขโมยไปได้อย่างไร
อวิ๋นเชียนรั่วพูดต่อว่า “ข้าเชื่อว่าพี่ชายไม่ได้ขโมยตราพญาเทพไป แต่กระนั้นเด็กถือหนังสือพี่ชายที่ชื่อไป่ชวนนั่นก็ดันบอกว่าคืนก่อนที่พี่ชายจะหายตัวไปได้พาเขาไปยังตำหนักพญาเทพ และตราพญาเทพก็คือสิ่งที่พี่ชายเป็นคนขโมยไป เขามีผลงานที่มาแจ้งข่าวเรื่องพี่ชาย จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ข้าได้ยินว่าเวลานี้เขาได้เป็นแม่ทัพเทพไปแล้ว เป็นความจริงหรือไม่”
หมิงซิวตอบว่า “เขาตายแล้ว”
อวิ๋นเชียนรั่วตาพลันเบิกโต “เป็นความจริงหรือ เขาตายได้อย่างไร”
“ถูกข้าฆ่าตาย” หมิงซิวบอก
อวิ๋นเชียนรั่วอึ้งงัน
ทั่วทั้งแดนเทพต่างรู้ว่าเจ้าตำหนักเมฆาเป็นเทพผู้มีพรสวรรค์สูงสุดในแดนเทพ เขาไม่เพียงมีพรสวรรค์สูงส่งแต่ยังนิสัยดี ไม่เคยฆ่าแกงผู้ใด ตามปกติกระทั่งมดสักตัวก็ยังทำใจบี้ให้ตายไม่ได้ และด้วยเหตุนี้หลังจากเกิดเรื่องที่เจ้าตำหนักเมฆาขโมยตราพญาเทพไป หลายๆ คนจึงพากันแสดงความคลางแคลงใจ คำอธิบายของทางการก็คือความใจดีมีเมตตาของเจ้าตำหนักเมฆาเป็นเพียงสิ่งที่แสดงออกมา เนื้อในของเขากลับเป็นคนชั้นต่ำที่เจ้าเล่ห์มากแผนการ
สุดท้ายแดนเทพก็ยอมรับคำอธิบายของทางการ แต่อวิ๋นเชียนรั่วรู้ว่าคำ “อธิบาย” เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวง คนที่เลวทรามไม่ใช่พี่ชายของนาง แต่เป็นคนเหล่านั้นที่ป้ายสีพี่ชายนางต่างหาก
อวิ๋นเชียนรั่วตกใจมากที่ได้รู้ว่าพี่ชายของตนฆ่าคนตาย
แต่ความตกใจนี้ก็มีอยู่เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ก่อนจะถูกความคับแค้นและสาแก่ใจฝังกลบไป
ไป่ชวนสมควรตาย พี่ชายฆ่าเขานั้นสมควรแล้ว!
พี่ชายไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นพี่ชายของตนอยู่ดี!
หมิงซิวรู้ว่าตนไม่เหมือนคนเดิมในความทรงจำของน้องสาว เดิมทีคิดจะอธิบายให้อวิ๋นเชียนรั่วเข้าใจ แต่เห็นว่าอวิ๋นเชียนรั่วดูเหมือนจะเข้าใจได้เองแล้ว จึงคิดว่าหลายปีมานี้คนที่เติบโตขึ้นคงไม่ได้มีเพียงแค่เขา
แต่เพื่อการเติบโตนี้ พวกเขาต้องแลกมากับการสูญเสียอย่างหนักหน่วง
เฉียวเวยเวยกินขนมเปี๊ยะจนติดคอ
หมิงซิวคว้าถุงน้ำบนโต๊ะขึ้นมา เปิดฝาจุกแล้วยัดใส่มือนางให้อย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเลี้ยงดูมังกรน้อยมานานมาแล้ว นี่เป็นเพียงการกระทำที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณเขาเท่านั้น ตัวหมิงซิวเองไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
อวิ๋นเชียนรั่วกลับตาโตอ้าปากค้างไปเล็กน้อย
“รั่วเอ๋อร์”
เสียงทุ้มต่ำแตกพร่าของหมิงซิวดึงความรู้สึกนึกคิดของอวิ๋นเชียนรั่วกลับมา
อวิ๋นเชียนรั่วหันไปมองหมิงซิว “พี่ชาย?”