หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 81-1 ขนาดน่าตกใจ อาเยี่ยได้รับการช่วยเหลือ
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 81-1 ขนาดน่าตกใจ อาเยี่ยได้รับการช่วยเหลือ
ตอนพิเศษ 81-1 ขนาดน่าตกใจ อาเยี่ยได้รับการช่วยเหลือ
หมิงซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ เหลือบมองภาพที่พาให้หน้าหูแดงทีหนึ่งแล้วใช้แขนเสื้อบังไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเคร่งขรึมแต่ในความเป็นจริงเจือแววหอบเล็กน้อย “ห้ามดูอะไรพวกนี้อีก”
“ทำไมกัน” เฉียวเวยเวยถาม
หมิงซิวถึงจะรู้แต่แรกว่านางเป็นมังกรแต่กลับเห็นว่านางเป็นเผ่ามนุษย์โดยเนื้อแท้มาตลอดจนลืมไปแล้วว่าตัวจริงนางคือมังกร แน่นอนว่าความคิดของมังกรกับเผ่ามนุษย์นั้นไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นเรื่องนี้ ในสายตานางเรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องเขินอาย
เมื่อเข้าใจในประเด็นสำคัญนี้แล้ว หมิงซิวก็ไม่ใช้วิธีการสั่งสอนของเผ่ามนุษย์มาใช้กับนางอีก หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วเขาก็เอ่ยกับนางว่า “เรื่องเช่นนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าดู ไม่มีอะไรน่าศึกษาหรอก ไว้รอเจ้าโตขึ้นเรื่องที่ควรเกิดเดี๋ยวก็เกิดเอง”
เฉียวเวยเวยเอียงศีรษะเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้โตแล้วหรอกหรือ”
หมิงซิวทำท่าจะเอ่ยแต่ชะงักไป แล้วถึงพยักหน้า “โตแล้วก็จริง แต่ว่า…”
“แต่ว่าเจ้าไม่ได้ชอบข้า ข้ารู้แล้ว!” เฉียวเวยเวยลุกขึ้นนั่งตัวตรง ผลักเขาออกแล้วขยับลงจากตักเขาไปนั่งตรงขอบเตียง
หมิงซิวถอนหายใจด้วยความจนใจ ตอบไปโดยไม่คิดอะไรว่า “ไม่ได้ไม่ชอบเจ้า…”
“งั้นเจ้าชอบข้า?” เฉียวเวยเวยหันขวับมาทันที กะพริบตาวาวใสมองอีกฝ่าย
หมิงซิวอึ้งไป แล้วถึงได้นึกได้ว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรออกไป เขากระแอมเบาๆ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “…ไม่ใช่ความชอบแบบที่เจ้าคิด”
กระจกปี้คงที่นิ่งสนิทอยู่นาน จู่ๆ ก็สั่นขึ้น ตัวอักษรเล็กๆ แถวหนึ่งปรากฏขึ้นมา: เป็นความชอบที่คุกรุ่นยิ่งกว่าที่เจ้าคิด ภาพประกอบ หัวใจ หัวใจ หัวใจ
หมิงซิวเหลือบไปเห็นก็ถึงกับตัวโงนเงนจนเกือบตกลงจากเตียง!
“เอ๋ มันพูดว่าอะไรน่ะ” เฉียวเวยเวยอ่านไม่ออก
ลูกกระเดือกของหมิงซิวขยับขึ้นลง เอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “มันบอกว่ามันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน”
เฉียวเวยเวยร้องอ้อคำหนึ่ง “เช่นนั้นเหตุใดถึงมีหัวใจหลายดวงเพียงนี้”
ในกระจกปี้คงมีตัวอักษรอีกแถวหนึ่งปรากฏขึ้น : ก็เพราะว่าข้าชอบเจ้า ภาพประกอบ: หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ หัวใจ…
เฉียวเวยเวยเบิกตาโต “ว้าว หัวใจเยอะจังเลย!”
กระจกปี้คงยังคงรนหาที่ตายต่อไป: นั่นเป็นความรักที่ข้ามีต่อเจ้าอย่างไร!
หมิงซิวเดือดจัดจนแทบอยากฟาดสายฟ้าใส่กระจกให้รู้แล้วรู้รอด!
ใจเขาคิดเช่นนั้นก็ทำเช่นนั้นจริงๆ เขามองกระจกด้วยสายตาดุดัน กลางฝ่ามือมีสายฟ้ากลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น
กระจกปี้คงเลยยอมอยู่อย่างสงบ
เมื่อเห็นว่าภาพในกระจกหายไป เฉียวเวยเวยก็ถึงกับจ้องไม่วางตา “เอ๋ หายไปแล้ว”
“อาจจะพังแล้วมั้ง” หมิงซิวคว้ากระจกมาโยนเข้าไปตรงมุมเตียง
เฉียวเวยเวยโน้มตัวจะไปคว้าเอามา “ได้ยังไงกัน ข้ายังทำไม่เป็นเลย”
สตรีนางหนึ่งเอ่ยกับบุรุษผู้หนึ่งว่าตนอยากเรียนรู้สาระบันเทิงในทางโลกนั้น จะมีบุรุษผู้ใดทนได้บ้าง
ท่านเทพรู้สึกลึกๆ ว่าตนเดินเร่ร่อนอยู่แถวชายขอบความเป็นเดรัจฉานเต็มทีแล้ว แต่เขาก็ฝืนข่มเอาไว้ได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ดึงตัวน้อยๆ ของนางกลับมา “ไม่ต้องศึกษาหรอก เรื่องพวกนี้เป็นสัญชาตญาณ”
เฉียวเวยเวยเลิกคิ้ว “อ้อ เช่นนั้นเมื่อไรข้าถึงจะทำได้เล่า”
หมิงซิวคว้าหมอนที่เปียกชุ่มมาบังท้องน้อยของตนเอาไว้ เอ่ยด้วยท่าทางจริงจังกว่าปกติว่า “ในเผ่ามนุษย์ เรื่องเช่นนี้ต้องแต่งงานกันตามประเพณีแล้วถึงจะจุดเทียนเข้าห้องหอร่วมกันได้”
“อ้อ” เฉียวเวยเวยเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ สายตาหยุดมองที่ตัวเขา “เจ้าเอาหมอนมาทำอะไรน่ะ ซ่อนอะไรไว้อีกหรือ”
นางพูดพลางดึงหมอนหนี
หมิงซิวแทบจะดีดตัวขึ้น รีบหันหลังเดินออกไปราวกับกำลังหนีอะไรทันที
เฉียวเวยเวยทำปากมุ่ย สองมือทำท่ากะขนาดที่น่าตกใจ “ยังจะบอกว่าไม่ได้แอบอีก ข้าเห็นหมดแล้ว ใหญ่เท่านี่”
…
กลับมาเอ่ยถึงอีกด้านหนึ่ง พวกไห่คงจื่อลักลอบเข้าไปในหอคอยผนึกปีศาจได้สำเร็จ เดิมทีไม่ควรจะราบรื่นเช่นนี้แต่คืนนี้ในแดนเทพเกิดเหตุวุ่นวาย ธิดาเทพเสวี่ยซานกับท่านเทพเป่ยไห่เกิดต่อสู้กันขึ้น พื้นที่กว่าครึ่งแดนเซียนได้รับผลกระทบไปด้วย องครักษ์เทพที่ประจำอยู่ตรงหอคอยผนึกปีศาจจึงถูกสั่งให้เคลื่อนย้ายไปกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ถูกลูกน้องของไห่คงจื่อล่อไปอีกทางหนึ่งแล้ว
ไห่คงจื่อกับหูซื่อไห่และชายร่างกำยำหลบหลีกสายตาองครักษ์เทพที่เดินลาดตระเวนไปได้ พวกเขาลอบเข้าไปในห้องที่คุณชายรองตำหนักเมฆาถูกขังอยู่ จุดนี้ยังต้องขอบคุณเทพธิดาเสวี่ยซาน หากไม่ได้นางช่วยบอกตำแหน่งแน่ชัดที่คุณชายรองถูกขังอยู่ น่ากลัวว่าพวกเขาคงตามหาพบไม่รวดเร็วเพียงนี้
พอพวกเขาเข้าไปในห้องก็เห็นว่าบนเตียงเหล็กขึ้นสนิม มีบุรุษตัวเป็นคนหางเป็นงูคนหนึ่งตอนตะแคงหันหลังให้ประตูอยู่
บุรุษผู้นี้น่าจะใช่น้องชายของเจ้าตำหนักเมฆา
บุรุษผู้นั้นน่าจะได้ยินเสียงพวกเขาเข้ามา แต่กลับไม่ขยับตัวสักนิด ประหนึ่งว่าหลับไปแล้วกระนั้น
แต่ด้วยพลังฝึกตนของแต่ละคน แน่นอนว่าย่อมแยกได้ว่าเขายังตื่นอยู่
บุรุษร่างกำยำกับหูซื่อไห่มองหน้ากัน
ไห่คงจื่อเดินเข้าไป “คุณชายรอง พวกเราได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักเมฆาให้มาช่วยท่านออกไป นี่เป็นสิ่งยืนยันที่ท่านเทพให้ข้ามา คุณชายรองเชิญดูได้”
บุรุษผู้นั้นไม่ขยับ
ไห่คงจื่อเดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ยื่นเครื่องประดับหยกไปยังจุดที่เขาเพียงยื่นมือก็สามารถรับไปดูได้
บุรุษผู้นั้นคว้าหยกไป ไม่รู้ว่าได้ดูหรือไม่ เอ่ยถามเสียงขรึมว่า “เขากลับมาแล้วหรือ”
คุณชายรองเอ่ยปากก็ไม่เรียกว่าพี่ใหญ่ แต่กลับเรียกขานว่า “เขา” ไห่คงจื่ออึ้งไปเล็กน้อย ตอบอย่างให้ความเกรงใจว่า “เรียนคุณชายรอง ท่านเทพกลับมาแล้ว”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด” บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นนั่ง หันมาเผยดวงหน้าที่มีส่วนละม้ายเจ้าตำหนักเมฆาอยู่ห้าหกส่วน
ครานี้ไห่คงจื่อมั่นใจแล้วว่าตนมาหาถูกคนแล้ว
แค่เพียงปฏิกิริยาของคุณชายรองต่างไปจากที่พวกเขาคิดไว้มากนัก ดูจะเรียบเฉยไปสักหน่อย
แต่เมื่อคิดถึงความลำบากยากเข็นที่เขาต้องพบเจอมาตลอดหลายปีนี้ ไห่คงจื่อก็คิดว่าเขาตื่นเต้นดีใจสิถึงจะแปลก
ไห่คงจื่อรู้ว่าพลังปราณเทพภายในตัวเขาถูกสูบออกไปหมดแล้ว เดิมคิดจะฟื้นคืนกลับมาให้เขาสักหน่อย แค่กลับพบว่าร่างกายเขาถูกผนึกต้องห้ามเอาไว้ “คุณชายรอง วิชาข้าต่ำต้อย ไม่อาจคลายผนึกในตัวให้ท่านได้ แต่ข้าคิดว่าท่านเทพจะต้องมีหนทางแน่นอน ข้าจะให้ต้าจ้วงแบกท่านกลับไปก่อน”
“อืม” อวิ๋นเยี่ยพยักหน้าเรียบๆ
ไห่คงจื่อส่งสัญญาณบอกชายร่างกำยำ ชายร่างกำยำเดินเข้ามาแบกอวิ๋นเยี่ยขึ้นหลัง
หูซื่อไห่ยื่นหน้าออกไปนอกประตู มองซ้ายขวาด้วยความระมัดระวังจนมั่นใจว่าไม่มีใครเดินมาแล้วถึงได้เดินออกไป
หลังจากเขาออกไปแล้ว ไห่คงจื่อกับชายร่างกำยำที่แบกอวิ๋นเยี่ยไว้บนหลังก็ตามออกมาจากห้อง
องครักษ์ในหอคอยผนึกปีศาจมีไม่มาก หนำซ้ำทั้งหมดยังถูกคนของพวกเขาล่อไปทางอื่นแล้วอีก พวกเขาจึงหนีออกจากหอคอยผนึกปึศาจได้อย่างราบรื่น หลังจากนี้เดินตรงไปทางตะวันออกอีกสิบลี้ก็จะออกจากเขตแดนของหอคอยผนึกปีศาจโดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะหลบหนีได้ง่ายขึ้นอีกมาก