หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 84-1 เวยเวยระเบิดตำหนักเทพ ความจริงในอดีต (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 84-1 เวยเวยระเบิดตำหนักเทพ ความจริงในอดีต (1)
ตอนพิเศษ 84-1 เวยเวยระเบิดตำหนักเทพ ความจริงในอดีต (1)
เฉียวเวยเวยตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่าง แสงยามอรุณเบิกฟ้าที่ดึงดูดสายตาลอดผ่านซอกหน้าต่างเข้ามา สาดเฉียงๆ ลงบนดวงตาของนาง
นางยกมือขึ้นบังแสง พอลึมตาขึ้นก็พลันเห็นว่าตนนอนอยู่ในอ้อมแขนใครคนหนึ่ง
นางก้มลงมองแขนที่โอบกอดนางอยู่ก่อนจะพลิกตัวช้าๆ หันไปมองดวงหน้าหล่อเหลางดงามที่นอนหลับอยู่ สายตานางขยับเล็กน้อย ยื่นหน้าเข้าไปประทับจุมพิตลงบนพระจันทร์เสี้ยวสีทองบนหน้าผากเขา ก่อนจะเอาอย่างที่อีกฝ่ายทำเมื่อวาน จุมพิตเบาๆ ลงบนกลีบปากนุ่มทีหนึ่ง
จากนั้นไม่รู้นางคิดอะไร นางยื่นมือออกไปดึงเปิดกางเกงอีกฝ่ายอย่างเบามือ
หมิงซิวที่กำลัง “หลับสนิท” ยื่นมือมาคว้ามือที่ซุกซนของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที
เฉียวเวยเวยหลับตาแกล้งหลับต่อ
หมิงซิวลืมตามองนางด้วยสายตาเคร่งขรึม
เฉียวเวยเวยนิ่งไม่ขยับ ประหนึ่งว่าหลับไปอีกครั้ง
หมิงซิวทั้งฉิวทั้งขัน “ตื่นแล้วหรือ”
เฉียวเวยเวยตอบว่า “ยัง”
มุมปากหมิงซิวพลันยกขึ้น “ตอนเช้าอยากกินอะไร”
“ซาลาเปา” เฉียวเวยเวยพูดจบก็หลับตาแกล้งหลับต่อ
หมิงซิวอมยิ้มพลางขยับลุกขึ้น หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วก็เรียกจู๋อีเข้ามา ส่วนตนไปที่ห้องครัว
อวิ๋นเยี่ยสาวเท้าเดินเข้ามา
เมื่อคืนถึงแม้หมิงซิวจะกลับออกไปด้วยอารมณ์ที่ไม่โสภานัก แต่หลังจากสงบอารมณ์ลงแล้วก็ไปที่ห้องอวิ๋นเยี่ยอีกครั้ง เขาใช้วิชาเวทย์เสกหางของอวิ๋นเยี่ยกลับไปเป็นขาสองข้าง นี่ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็เพียงพอให้อวิ๋นเยี่ยใช้ไปได้พักหนึ่ง
อวิ๋นเยี่ยใช้สองขาที่เพิ่งสร้างความคุ้นเคยเดินเข้ามา แต่ตอนเดินยังดูไม่เป็นธรรมชาตินัก
เขาค่อยๆ หยุดยืนหน้าประตูห้องครัว เอาหลังพิงกรอบประตู สองมือกอดอก เขามองหมิงซิวที่ล้างมือต้มน้ำแกงอยู่ มุมปากยกขึ้นเป็นองศาเยาะหยัน “ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงเมินเฉยต่อธิดาเทพ คงมีที่หมายใหม่จนลืมรักเก่าแล้วสินะ”
ตอนเขาเอ่ยประโยคนี้ยังทำเหมือนหันไปมองเฉียวเวยเวยที่ถือบัวรดน้ำรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวน
หมิงซิวไม่ได้สนใจเขา
อวิ๋นเยี่ยยังคงเอ่ยประชดประชันต่อไป “เจ้าตำหนักเมฆาผู้สูงส่งก็มีวันที่ลดตัวเข้าครัวทำอาหารให้สตรีนางหนึ่งกับเขาเหมือนกันหรือ”
หมิงซิวเอาซาลาเปาที่ทำเสร็จแล้วใส่ลงในซึ้ง “ไม่ได้ทำให้กับสตรีนางหนึ่ง แต่ทำให้นาง รั่วเอ๋อร์แล้วก็เจ้าด้วย”
สีหน้าของอวิ๋นเยี่ยแข็งค้างไป
อาหารเช้านอกจากซาลาเปาแล้วยังมีเกาลัดที่จู๋อีเก็บกลับมาด้วย เฉียวเวยเวยชอบกินเกาลัด อวิ๋นเชียนรั่วจึงแกะให้นาง
อวิ๋นเยี่ยจับมือน้องสาวไว้ เหลือบมองหมิงซิวที่กำลังแกะเกาลัดอยู่เช่นกัน “ไม่เห็นหรือว่ามีคนแกะให้นางแล้วน่ะ เจ้าจะวุ่นวายทำไม”
อวิ๋นเชียนรั่วตีมือพี่ชาย “ก็ข้าชอบ!ใช่เรื่องของเจ้าหรือ!”
อวิ๋นเยี่ยเลยไม่พูดอะไร
ด้วยระดับชั้นของอวิ๋นเชียนรั่วกับหมิงซิวนั้นไม่ต้องกินอะไรนานแล้ว คนที่ต้องกินอาหารจริงๆ คือเฉียวเวยเวยกับอวิ๋นเยี่ย แต่อวิ๋นเยี่ยดื้อรั้นไม่ยอมกินอาหารที่หมิงซิวทำ จึงปล่อยให้ตัวเองหิวต่อไป
อวิ๋นเชียนรั่วแกะเกาลัดให้เฉียวเวยเวยลูกหนึ่ง “อาเยี่ยเจ้าจะไม่กินจริงๆ หรือ กับข้าวที่พี่ใหญ่ทำอร่อยมากเลยนะ! จริงหรือไม่ เวยเวย?”
เฉียวเวยเวยปากปากยุ่งมาก “อื้มๆ!”
อวิ๋นเยี่ยยิ้มเยาะ “คำก็เวยเวยสองคำก็เวยเวย เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้ชอบพี่หญิงของเจ้าที่สุดหรือ”
อวิ๋นเชียนรั่วจึงเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าก็ยังชอบนาง แต่นางไม่มาหาข้าเลย”
ตอนเสวี่ยหลันอีถูกเฉียวเวยเวยแผดเผาจนท้องไส้ไหม้เละเทะไปหมดนั้น หมิงซิวปิดตานางไว้ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเสวี่ยหลันอีกกับนาง จนถึงตอนนี้นางยังไม่เข้าใจว่าเสวี่ยหลันอีเป็นอะไร ยังคิดว่าเสวี่ยหลันอีไม่พอใจที่พี่ชายของนางมีมังกรน้อย ด้วยความหึงหวงจึงหลบอยู่ในตำหนักเทพไม่ยอมสนใจพี่ชายของนางเสียอีก
อวิ๋นเยี่ยเหลือบมองหมิงซิวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจึงเอ่ยกับอวิ๋นเชียนรั่วว่า “เจ้าถามพี่ใหญ่จะดีกว่าว่าพี่หญิงเสวี่ยของเจ้าเป็นอะไรกันแน่”
อวิ๋นเชียนรั่วกะพริบตาหันไปมองหมิงซิว “พี่ใหญ่ พี่หญิงเสวี่ยเป็นอะไรหรือ”
หมิงซิวยังไม่ทันเอ่ยปาก ด้านนอกข่ายอาคมก็มีกลิ่นไอของคนแปลกหน้าหลายกลิ่นส่งเข้ามา หมิงซิวสายตาพลันดุดัน เดินออกจากห้องแล้วเหาะออกจากข่ายอาคม ด้านนอกข่ายอาคม สตรีลักษณ์เหมือนเทพธิดาวัยกลางคนพาศิษย์สตรีนับร้อยชีวิตของตำหนักเสวี่ยซานมาที่นี่ พวกนางมุ่งหน้ามายังดินแดนลับพร้อมไอสังหารพวยพุ่ง ครั้นหมิงซิวปรากฏตัวต่อหน้าพวกนางทุกคน สตรีวัยกลางคนก็หยุดนิ่ง
พอนางหยุด ศิษย์สตรีที่เหลือก็หยุดตาม
ทุกคนลอยตัวอยู่กลางอากาศ จับจ้องไปยังหมิงซิวที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้น
สตรีวัยกลางคนกระชับแส้เก้าปมในมือ ส่งเสียงเหอะเย็นๆ ขณะเอ่ยว่า “เจ้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย! เล่นเอาข้าตามหาเสียแทบแย่!”
หมิงซิวมองหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยินดีต้อนรับเจ้าตำหนักหนี ไม่ทราบท่านมาด้วยเหตุอันใด”
เจ้าตำหนักหนีเดิมมีชื่อว่าหนีฉาง เป็นธิดาเทพรุ่นก่อน และเป็นอาจารย์ของเสวี่ยหลันอี หลังจากเสวี่ยหลันอีสืบต่อตำแหน่งจากนางแล้ว นางก็สืบต่อตำแหน่งอาจารย์ของตนอีกที และกลายเป็นเจ้าตำหนักเทพเสวี่ยหลันคนใหม่
เสวี่ยหลันอีเป็นคนที่นางเลือกเข้าตำหนักเสวี่ยซานด้วยตัวเอง นางชื่นชอบเสวี่ยหลันอีมาตลอด ทั้งสองรักใคร่กันดุจมารดาและบุตร คราแรกเสวี่ยหลันอีไม่อยากสืบทอดตำแหน่งของนาง ยินดีเหาะออกไปพร้อมกับเจ้าตำหนักเมฆา นางถึงแม้จะไม่เห็นด้วยแต่กลับไม่ได้คัดค้าน
ตอนหลังเสวี่ยหลันอีจากไปไม่สำเร็จ จึงกลับมายังตำหนักเสวี่ยซาน นางก็รับตัวนางไว้อีกครั้งโดยไม่มีอะไรติดค้าง
เวลานี้เสวี่ยหลันอีกระทำความผิดใหญ่หลวง ในใจนางมีแต่ความเจ็บปวด!
คนทั้งเผ่าเทพต่างรับรู้ถึงความผิดของเสวี่ยหลันอี ด้วยความจนใจนางจึงจำต้องใช้สายฟ้าลงทัณฑ์เสวี่ยหลันอี แต่ถึงอย่างไรนางก็ทำใจให้เสวี่ยหลันอีมอดม้วยไม่ได้ ดังนั้นจึงลอบเอาศพของเสวี่ยหลันอีไปซ่อนไว้ ไหนเลยจะคิดว่าเช้าวันนี้ตอนนางจะเอาโคมไฟรวมวิญญาณไปให้เสวี่ยหลันอี ก็ได้รู้ว่าศพของเสวี่ยหลันอีหายไปแล้ว!
ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร!
“ยังไม่รีบส่งศพของเสวี่ยหลันอีมาอีกหรือ!” หนีฉางเอ่ยด้วยความฉุนเฉียว
หมิงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ที่แท้นางก็ตายแล้วหรือ”
หนีฉางได้ฟังน้ำเสียงที่เฉยชาของอีกฝ่ายประหนึ่งกำลังเอ่ยถึงความเป็นความตายของคนแปลกหน้า หัวคิ้วของหนีฉางพลันขมวดเข้าหากัน “บุรุษไร้หัวใจเช่นเจ้า เสียดายที่เมื่อตอนนั้นหลันอียอมละทิ้งตำแหน่งธิดาเทพเพื่อเจ้า! เจ้ากลับดี เพื่อตราพญาเทพแค่อันเดียวถึงกับยอมละทิ้งไม่สนใจเสวี่ยหลันอี บุรุษที่จิตใจชั่วช้าเช่นเจ้า เวลานั้นหลันอีคงตาบอดถึงได้ไปมีใจให้เจ้า! ข้าพร่ำกรอกหูนางทุกวันว่าหากวันหนึ่งเจ้ากลับมา นางจะต้องสังหารเจ้าให้ได้! ไหนเลยจะคิดว่านางจะเหลือเยื่อใยกับเจ้า แต่เจ้าปฏิบัติต่อนางเช่นไร ตอนนางยังมีชีวิตไม่ยอมมาช่วยเหลือ นางตายไปแล้วกลับขโมยศพนางไป เจ้าตำหนักเมฆา เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“ท่านก็พูดเองว่าตอนนางมีชีวิตข้าไม่ไปช่วยนาง เช่นนั้นเหตุใดพอนางตายข้าถึงตอนไปขโมยศพนางด้วย”
“ร่างกายนางเป็นหยินบริสุทธิ์ เมื่อตายไปแล้วสามารถนำไปกลั่นเป็นเตาหลอมวิญญาณได้!”
หมิงซิวส่ายหน้า “เตาหลอมวิญญาณไม่มีประโยชน์ต่อข้า ศพนางข้าไม่ได้เป็นคนขโมย ข้าไม่เคยกระทำเรื่องใดที่ผิดต่อธิดาเทพ”
หนีฉางเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้ายังกล้าแก้ตัวอีกหรือ! หากไม่ใช่เจ้าที่สร้างมลทินให้กับความบริสุทธิ์ของนาง นางจะถูกบังคับให้ต้องรับสายฟ้าลงทัณฑ์ได้อย่างไร”
หมิงซิวเอ่ยว่า “คนผู้นั้นไม่ใช่ข้า จะเชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า”
พูดจบเขาก็หมุนตัวจะเดินไป
หนีฉางรีบทะยานไปขวางหน้าเขาไว้ “ทำให้ตำหนักเสวี่ยซานไม่พอใจแล้วจะคิดหนีหรือ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! หากวันนี้เจ้าไม่คืนศพหลันอีมา ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือข้าเอง!”
หนีฉางมีรากปราณสายฟ้าที่หาได้ยาก ระดับของนางไม่ได้เป็นรองท่านเทพเลย
นางแค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าดวงจิตตั้งต้นของเขาไม่สมบูรณ์ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางสักนิด!
แต่กระนั้นพอหมิงซิวได้ยินที่นางเอ่ยกลับไม่มีท่าทีร้อนรนสักนิด หมิงซิวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย “ฆ่าข้า? เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่”
หนีฉางไม่ใช่คนกินเจ ที่นางมาวันนี้นางไม่คิดจะกลับไปมือเหล่า หากคนผู้นี้ยอมคุกเข่าขอร้องนาง ยอมคืนศพของเสวี่ยหลันอีกลับมาให้นางดีๆ บางทีนางอาจจะคิดให้เขาได้มีศพที่สมบูรณ์ แต่ในเมื่อวันนี้เขาไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร นางก็ไม่มีความจำเป็นต้องปราณี
ทั้งสองปะทะกันอย่างดุดันกลางอากาศ
ถึงอย่างไรหนีฉางก็มีความสามารถที่ไม่เป็นรองท่านเทพ การที่หมิงซิวคิดจะสลัดนางให้หลุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่การที่นางคิดจะสังหารหมิงซิวก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงนั้นเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของหมิงซิวเกินกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้