หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 89 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว!4
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 89 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว!4
ตอนพิเศษ 89 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว!4
“ตราพญาเทพอันใด มังกรอันใด” อวิ๋นเชียนรั่วหันไปมองจู๋อีอย่างจับต้นชนปลายมิถูก
ระหว่างที่หมิงซิวกับเจ้าตำหนักเมฆาสนทนากัน จู๋อีบังเอิญแอบได้ยิน เขาจึงรู้ว่าบุรุษที่อยู่ใต้คูเมืองสวรรค์ต่างหากคือเจ้าตำหนักเมฆาตัวจริง ส่วนบุรุษที่พาพวกเขาฝ่าออกมาจากหุบเขาซือกั้วคนนั้นความจริงแล้วคือตราพญาเทพที่หายสาบสูญไปเนิ่นนาน
ส่วนเรื่องมังกรโบราณจู๋หลง นางมองเห็นจากเงาสะท้อนในกระจกปี้คงระหว่างที่ดูแลดอกบัวน้ำแข็งน้อย
ทว่านางไม่รู้ว่าจะบอกสิ่งเหล่านี้กับอวิ๋นเชียนรั่วอย่างไร นางกลัวว่าตนเองพูดไปแล้วจะสร้างปัญหา แววตาของนางวูบไหว ก่อนจะตอบว่า “บรรพบุรุษของเวยเวยคือมังกรโบราณจู๋หลง เลือดของมังกรโบราณจู๋หลงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง แล้วก็คูเมืองสวรรค์แห่งนี้…ถูกตราพญาเทพผนึกเอาไว้ พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังดูดซับพลังของตราพญาเทพอยู่ ทว่ายามนี้พลังสายนั้นถูก…ถูกจอมเทพแย่งชิงไปแล้ว”
นางนับถือความสามารถของตนเองจริงๆ ที่ไม่เผยความลับแม้แต่เสี้ยวเดียว!
อวิ๋นเชียนรั่วถูกลบความทรงจำไปแล้ว เมื่อจู๋อีอธิบายเช่นนี้ นางจึงไม่สงสัยแต่อย่างใด แต่กลับถามอย่างเป็นกังวลว่า “ถ้าเช่นนั้นพี่ใหญ่ของข้าเขาจะเป็นอะไรหรือไม่”
ต้องเป็นอยู่แล้วสิ หากถูกสูบพลังไปหมด พวกเขาสองคนก็จะสลายเป็นธุลี
ตั้งแต่แรกพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมเทพอยู่แล้ว ยามนี้ยังถูกจิตมารของจอมเทพสูบพลังไปอีก ดูท่าทั่วทั้งหกดินแดนคงจะไม่มีผู้ใดปราบจิตมารของจอมเทพได้อีกแล้ว…
“ข้าจะไปช่วยพี่ใหญ่ของข้า!” อวิ๋นเชียนรั่วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!
จู๋อีอยากคว้านางไว้ก็คว้าไม่ทัน สาวน้อยผู้มีพลังเพียงขั้นองค์เทพคนนี้ทะเล่อทะล่าพุ่งออกไปจากน้ำอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น อวิ๋นเยี่ยล้มกองอยู่ตรงริมฝั่งที่คลื่นน้ำซัดมาถึง สายตาของเขาบังเอิญมองมาทางด้านนี้พอดี ชั่วพริบตาที่อวิ๋นเชียนรั่วพุ่งออกมา เขาพลันหน้าถอดสี
อวิ๋นเชียนรั่วเป็นวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ นางตั้งหลักกลางอากาศได้ก็แผ่พลังขั้นองค์เทพใส่ ‘จอมเทพ’ แล้วตวาดว่า “รีบปล่อยเวยเวยกับพี่ใหญ่ของข้าเสีย! มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”
มีคนกล้าข่มขู่จอมเทพว่าจะไม่เกรงใจแล้วเสียด้วย
จู๋อีทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว…
สำหรับจิตมารผู้แข็งแกร่ง สาวน้อยขั้นองค์เทพคนหนึ่งไม่แตกต่างอันใดกับมดปลวกริมทางสักตัว แม้แต่แรงกดข่มจากจิตมารก็ไม่นับรวมนางอยู่ในขอบเขตที่ต้องกดข่มเพราะอวิ๋นเชียนรั่วระดับการฝึกตนต่ำเกินไป
ยามอวิ๋นเชียนรั่วชักกระบี่พุ่งเข้าใส่เขา จิตมารหนังตาไม่กระตุกสักนิด
จนกระทั่งกระบี่เทพธิดาหนี่ว์วาของอวิ๋นเชียนรั่วเสียบลงบนหัวไหล่ของเขา พลังพิเศษของเทพธิดาหนี่ว์วาสายนั้นทะลวงเข้ามาในเส้นลมปราณของเขาดั่งเข็มเล็กละเอียด เขาจึงหันมาสนใจอวิ๋นเชียนรั่วในที่สุด
ดวงตาเมล็ดซิ่งของอวิ๋นเชียนรั่วถลึงตาจนกลมโต “เจ้ามองอะไรไม่ทราบ ยังไม่รีบปล่อยเวยเวยกับพี่ใหญ่ของข้าอีก หากยังไม่ปล่อย ข้าจะแทงเจ้าอีกหนึ่ง…”
พูดยังไม่ทันจบ ปราณสีดำก้อนหนึ่งก็ทะลักออกมาจากปากแผลของจิตมาร กระบี่เทพธิดาหนี่ว์วาที่เสียบอยู่ในร่างถูกปราณสีดำก้อนนี้ผลักออกมา อวิ๋นเชียนรั่วถูกพลังซัดเข้าเต็มหน้า ร่างกายกระเด็นปลิวไปทั้งตัว
อวิ๋นเยี่ยกัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น เส้นเลือดแดงก่ำในดวงตาแทบจะปริแตก
เทพเป่ยไห่ยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนใบหน้าของอวิ๋นเยี่ย แล้วว่าอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “เป็นอย่างไรเล่า ปวดใจสินะ เบิ่งตาดูให้ดีๆ น้องสาวของเจ้า พี่ชายของเจ้า อ้อ พี่ชายปลอมๆ ของเจ้า ทุกคนจะต้องตายในมือท่านจอมเทพ!”
ร่างกายของอวิ๋นเชียนรั่วร่วงดิ่งลงมาจากท้องฟ้า จิตมารกวาดสายตามองเพียงหนึ่งหน ปราณดำก้อนหนึ่งพลันแปลงกายเป็นลูกธนูอาบปราณสีดำพลุ่งพล่านพุ่งเข้าใส่ร่างอวิ๋นเชียนรั่วอย่างรวดเร็วราวกับมีดวงตางอกติดอยู่
เสี้ยวพริบตาที่อวิ๋นเชียนรั่วกำลังจะถูกยิงทะลุร่าง น้ำแข็งใต้พิภพแท่งหนึ่งกลับพุ่งขึ้นมาบนท้องนภาขวางระหว่างอวิ๋นเชียนรั่วกับปราณดำเอาไว้ ปราณดำถูกน้ำแข็งใต้พิภพชนจนแตกสลาย เพียงชั่วพริบตาที่ปะทะกัน คลื่นน้ำก็ม้วนตัวพาอวิ๋นเชียนรั่วผู้บาดเจ็บหนักกลับไปยังตำหนักสุ่ยจิงใต้คูเมืองสวรรค์
จิตมารบาดเจ็บไม่หนักหนา เขาใช้พลังที่สูบมาจากร่างมังกรมารน้อยซ่อมแซมบาดแผลจากกระบี่เทพธิดาหนี่ว์วา หางของมังกรมารน้อยลู่ตก นางถูกสูบพลังมากเกินไปจนร่างกายใกล้จะไร้ความรู้สึกแล้ว
ระหว่างที่ดูดซับพลังจากผนึกที่คูเมืองสวรรค์กลับคืน หมิงซิวตกอยู่ในสภาวะเข้าฌาน เขาสัมผัสได้ว่าพลังของตนเองกำลังไหลรั่วหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาถูกจิตมารกดข่มอยู่ เขาจึงไม่อาจปลุกตนเองออกมาจากสภาวะเข้าฌานได้
พลังไหลทะลักเข้าไปในเส้นลมปราณของจิตมารมากขึ้นทุกที นี่ไม่ใช่พลังธรรมดา หากเป็นผู้อื่น ไม่ต้องพูดถึงการดูดซับพลังสองสายเข้าไปพร้อมกัน เพียงพลังชนิดใดชนิดหนึ่งก็มากพอจะทำให้เขาร่างระเบิดตายแล้ว
ร่างกายของจิตมารถูกสร้างมาดีอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ หลังจากผ่านการหล่อหลอมนับร้อยนับพันหนอันยากจะจินตนาการ เขาก็รับพลังอันมหาศาลนี้เข้ามาในร่างพร้อมกัน ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ในสายตาของคนนอกร่างกายของเขาไม่ขยายใหญ่แม้แต่น้อย ทว่าหากเพ่งพิจผิวน้ำให้ดี ก็จะสังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าเงาของเขาขยายจนครอบคลุมครึ่งหนึ่งของคูเมืองสวรรค์แล้ว
ทุกคนต่างตกตะลึงนิ่งอึ้ง…
“อื้อ…อื้อ…” มังกรมารน้อยที่สูญเสียประสาทรับรู้ไปมากกว่าครึ่งแล้วจู่ๆ ก็ดิ้นรนสุดแรง
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังอายุน้อย พลังมากมายสู้หมิงซิวไม่ได้ พลังของสัตว์น้ำโบราณที่นางสู้อุตส่าห์ดูดซับอย่างยากเย็นถูกบุรุษคนนี้สูบไปจนเกลี้ยงแล้ว ตอนนี้พลังของตัวนางเองก็ไหลหายไปจนถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน
นางได้กลิ่นความตายที่กรายเข้าใกล้ ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดทำให้นางหลุดพ้นจากอาการชาหนึบของร่างมังกรแล้วดิ้นรนสุดแรงเกิด นางร้องครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน
คิ้วของหมิงซิวขมวดเป็นปม เขายังดิ้นไม่หลุดจากแรงกดข่มของจิตมาร ทว่าเขาพอจะเค้นลำแสงสีทองสายหนึ่งออกมาจากร่างกายได้ เขาส่งแสงสีทองสายนี้ไปห่อหุ้มร่างมังกรมารน้อย ปล่อยให้พลังถูกสูบกินแทนพลังของตัวมังกรมารน้อย จึงกลายเป็นว่าจิตมารสูบพลังของตราพญาเทพจากร่างหมิงซิวแล้ว ก็สูบพลังของตราพญาเทพจากร่างของมังกรมารน้อยด้วย
จิตมารอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว สูบพลังของผู้ใดหมดก่อนสำคัญตรงไหน เมื่อตราพญาเทพหมดพลัง มังกรมารน้อยก็เป็นของในกำมือเขาอยู่ดี
สีหน้าของหมิงซิวซีดเผือดลงอย่างรวดเร็วจนสังเกตได้ เส้นผมดำขลับทั่วศีรษะกลายเป็นสีขาวโพลน แม้แต่ใบหน้างามหล่อเหลาก็แก่ชราลงอย่างรวดเร็วด้วย
มังกรมารน้อยเสียใจจนร่ำไห้
ติ๋ง!
น้ำตามังกรหยดหนึ่งร่วงลงบนผิวน้ำ
ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น จู่ๆ คูเมืองสวรรค์ก็นิ่งสงบ ทุกคนที่อยู่ห่างออกมาจากริมฝั่งน้ำต่างได้ยินเสียงน้ำตามังกรร่วงลงน้ำ
ต่อจากนั้นภาพอันแปลกประหลาดก็บังเกิด ผิวน้ำราบเรียบเกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมเบาๆ เป็นวง ระลอกคลื่นยิ่งแผ่ขยายกว้างก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งขนาดใหญ่ก็ยิ่งโถมตัวสูง ยิ่งโถมสูงก็ยิ่งซัดรวดเร็ว ผืนน้ำทั้งหมดปั่นป่วน
ชั่วพริบตาต่อมา ผืนแผ่นดินใต้เท้าของทุกคนก็สั่นสะเทือน
ก้อนหินกรวดทรายกระเด้งกระดอนเหมือนกำลังฝัดข้าวเปลือก!
ร่างกายของหนีฉางโงนเงนยืนไม่มั่นคง นางล้มลงไปหมอบอยู่กับพื้น แม้นางจะบาดเจ็บหนักแต่อาการไม่ร้ายแรงถึงขั้นถูกเขย่าจนลงมากองกับพื้น นางพยายามลุกทว่ายังไม่ทันยืนมั่นคงเท้าก็ซวนเซล้มลงไปอีกหน โชคดีที่เทพเป่ยไห่ประคองนางไว้ทันเวลา ดวงหน้างามของนางถอดสีถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เทพเป่ยไห่สีหน้าเคร่งขรึมตอบว่า “มีอันตราย”
หนีฉางเงยใบหน้าที่ถูกบัวน้ำแข็งน้อยทุ่มจนกลายเป็นหัวหมูถามว่า “มีจอมเทพอยู่ ยังจะมีอันตรายใดอีกหรือ”
เทพเป่ยไห่ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”
บนท้องนภาสีเทาขมุกขมัว เมฆดำทะมึนลอยเร็วรี่มาทางด้านนี้ เมฆดำทั้งหนาทั้งใหญ่ ทว่ากลับมีแสงลอดออกมาทั่วก้อนเมฆเป็นประกายประหนึ่งหยกสีดำ ท้องนภาถูกเมฆสีดำทะมึนกลืนกินอย่างรวดเร็ว จนท้องนภามืดครึ้ม ใต้ก้อนเมฆสีหมึก ลมพายุโหมพัดรุนแรง อสนีบาตแลบแปลบปลาบ ท้องฟ้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างทำให้ท้องนภาบริเวณนี้มีสภาพแปลกประหลาดอย่างยิ่ง
ไอเย็นยะเยือกชวนหวาดผวาคืบคลานมาในอากาศ องครักษ์เทพองค์หนึ่งที่เฝ้าอยู่ริมฝั่งน้ำต้านทานไอสังหารนี้ไม่ไหวจึงกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงแล้วล้มตึงลงไปกับพื้น
หนีฉางคิ้วกระเด้งขึ้นไปกลางหน้าผาก
ตึกตักๆ! ตึกตักๆ! ตึกตักๆ!…
โลกเงียบสนิทลงอีกหน มันเงียบจนทุกคนได้ยินเสียงหัวใจรัวประหนึ่งกลองของตนเอง
หนีฉางก้มลงกุมหน้าอก เทพเป่ยไห่หันมามองนางแล้วถามว่า “เจ้าตำหนักหนี เจ้าเป็นอะไรไป”
เจ็ดทวารของหนีฉางเริ่มมีโลหิตไหลริน “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกทรมานยิ่งนัก…”
เทพเป่ยไห่ลูบดวงตาของตนเองก็พบว่าตนเริ่มมีเลือดไหลออกมาแล้วเช่นกัน ความหวาดกลัวแล่นปราดเข้ามาในหัวใจของเขา ในตอนนี้เององครักษ์เทพองค์หนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า “รีบดูนั่นเร็ว! นั่นมันอะไร!”
เทพเป่ยไห่มองตามทิศทางที่องครักษ์เทพชี้นิ้วก็เห็นด้านหลังเมฆดำทะมึนที่มีอสนีบาตแลบแปลบปลาบมีเรือรบเหล็กสีดำสนิทตลอดลำ ขนาดยาวร้อยฉื่อ กว้างห้าจั้งลำหนึ่งกำลังกางใบเรือขนาดมหึมาเหาะมาทางด้านนี้
บนเรือรบ ธงมังกรปลิวสะบัด!
เทพเป่ยไห่มีชีวิตอยู่ในแดนเทพมาเนิ่นนานแต่ไม่เคยเห็นเรือรบเช่นนี้มาก่อน หากจะบอกว่าใหญ่โต มันก็ใหญ่โตพอตัว ทว่าสิ่งที่ทำให้คนหนาวสะท้านกลับไม่ใช่ความใหญ่โตของมัน แต่เป็นไอสังหารอันลึกลับและไม่คุ้นเคยนั่นต่างหาก
“ไม่…ไม่…ไม่ได้มีแค่ลำเดียว! ยัง…ยังมีอีก!” องครักษ์เทพองค์นั้นหวาดกลัวจนพูดติดอ่าง
เทพเป่ยไห่เพ่งสายตาดู ฉับพลันขนอ่อนของเขาก็ลุกซู่! หากเรือรบประหลาดขนาดมหึมาลำหนึ่งทำให้คนขวัญผวาแล้ว ถ้าเช่นนั้นเรือรบหนึ่งร้อยลำก็มากพอจะทำให้คนขวัญกระเจิง
เรือรบหนึ่งร้อยลำเข้ายึดครองน่านฟ้าเหนือคูเมืองสวรรค์อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ เทพเป่ยไห่ก็สัมผัสได้ว่าระดับการฝึกตนขององครักษ์ทุกคนบนกองเรือคือขั้น ท่าน เทพ!
แดนเทพมีกองทัพเช่นนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อใด!
พลังระดับนี้มันโกงกันเกินไปแล้ว!
ท่านเทพเป่ยไห่ทำเรื่องที่ขายหน้าที่สุดในชีวิตต่อหน้าลูกน้องเก้าพันองค์ เขาล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น!
จิตมารย่อมสัมผัสเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังของตนเองได้ เขาแผ่แรงกดข่มที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเทพออกไป ขณะเดียวกันก็ใช้กำลังทะลวงข่ายอาคมของหมิงซิวเพื่อจะสูบพลังเสี้ยวสุดท้ายจากร่างของมังกรน้อย!
ในตอนนี้เองเสียงมังกรคำรามพลันดังกังวาน ณ ขอบฟ้า!
เสียงมังกรคำรามนี้ทรงพลังประหนึ่งจะฉีกกระชากดวงวิญญาณเป็นชิ้นๆ องครักษ์เทพเกือบครึ่งล้มลงไปกุมศีรษะทันที
เรือรบที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าแหวกออก มังกรมารขนาดมหึมาตัวหนึ่งพุ่งทะลุอสนีบาตบินเข้ามาพร้อมกับไอสังหารอันท่วมท้น!