หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนพิเศษ 91-2 ครอบครัวพร้อมหน้า คลั่งรักลูกสาว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนพิเศษ 91-2 ครอบครัวพร้อมหน้า คลั่งรักลูกสาว
ตอนพิเศษ 91-2 ครอบครัวพร้อมหน้า คลั่งรักลูกสาว
กลิ่นอายนี้ แม้ร่างสลายเป็นเถ้าธุลีเขาก็จดจำได้
“เจ้าตำหนักชิงเฉิงหรือ” เขาหันไปมองหมิงซิวอย่างเหลือเชื่อ กระดิ่งเตือนภัยกรีดร้องลั่นในใจ
หมิงซิวเคยใช้ใบหน้าของเจ้าตำหนักชิงเฉิงไปพบหน้ากับชิงสุ่ยเจินเหริน ยามนี้เปลี่ยนร่างกลับมาใช้ใบหน้าของตนเองแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่ากลับถูกจำได้ แล้วยังถูกเปิดโปงรวดเร็วถึงเพียงนี้!
ชั่วขณะนั้นหมิงซิวจะยอมรับก็ไม่เหมาะ จะไม่ยอมรับก็ไม่ถูก
แต่ไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ ชิงสุ่ยเจินเหรินก็แน่ใจแล้ว เรื่องนี้เดิมทีไม่สลักสำคัญอะไร ชิงสุ่ยเจินเหรินกับอีกฝ่ายไม่รู้จักมักคุ้นกัน เขาย่อมไม่ตำหนิอีกฝ่ายที่ปิดบังตัวตน หากเขาอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็คงจะทำสิ่งใดอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกัน
ทว่าไม่นานชิงสุ่ยเจินเหรินก็นึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หนที่สองที่ตนเข้าไปแดนยมโลกเพื่อตามหา ‘เจ้าตำหนักชิงเฉิง’ เขาเห็นอีกฝ่ายลอบพบกับหญิงสาวคนหนึ่งบนเรือเหนือทะเลสาบของแม่น้ำลืมเลือน…
ยามนั้นระหว่างที่เขามองดู เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่เลือนราง
คงไม่ใช่ว่า…
แววตาอันตรายของชิงสุ่ยเจินเหรินจับจ้องดอกบัวน้ำแข็งน้อยที่กำลังถือกระจกปี้คงพลางกิน ‘ขนมหวานชิ้นน้อย’ ในอ้อมแขนท่านจอมมาร
หมิงซิวเห็นท่าทางของเขาก็รู้แล้วว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่ เขาพร่ำภาวนาในใจ อย่าเดินเข้ามา อย่าเดินเข้ามา อย่าเดินเข้ามา…
แต่แล้วดอกบัวน้ำแข็งน้อยก็เดินเข้ามาหา นางกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหมิงซิว จากนั้นก็ใช้กลีบดอกที่เปื้อน ‘ขนมหวานชิ้นน้อย’ จุ๊บบนใบหน้าของหมิงซิวหนึ่งฟอด!
เปรี้ยงงง!
หมิงซิวรู้สึกว่าอสนีบาตเส้นหนึ่งผ่าลงมากลางกระหม่อมของตนเอง
ชิงสุ่ยเจินเหรินโกรธแล้ว หญิงสาวคนนั้นคือเวยเวยจริงๆ ด้วย! เขาก็ว่าแล้วทำไมตอนนั้นถึงรู้สึกอยากลากเจ้าตำหนักชิงเฉิงมาซ้อมให้น่วมสักรอบ!
เจ้าหนุ่มนี่ ตอนนั้นทำมาเป็นวางท่าดุจนายท่านต่อหน้าเขา ทำตัวสูงส่งเหมือนรังเกียจไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว แต่ลับหลังกลับมาหลอกหัวผักกาดขาวน้อยของเขาไป!
หนนี้ในที่สุดหมิงซิวก็รู้จักนึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เขาไม่ควรวางท่า ไม่ควรทำตัววางมาด ไม่ควรปิดบังพ่อตาเลย!
เขาขยับเข้าไปยืนเบื้องหน้าว่าที่พ่อตาอย่างจริงจังและนอบน้อม จากนั้นยืนตัวตรงแน่วด้วยท่าทางเคารพนบนอบ “ข้าอธิบายได้”
“อธิบายบ้าบออะไร!” ชิงสุ่ยเจินเหรินสบถคำหยาบออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาโกรธจนขนพองไปหมดแล้ว ลูกหมูน้อยตัวขาวผ่องแสนน่ารักน่าชังของเขา เขายังไม่ทันได้เลี้ยงสักกี่วันก็เอาตัวไปประเคนให้เจ้าผักหัวนี้แล้ว!
เอ๊ะ เหมือนจะมีตรงไหนไม่ถูกต้องสักอย่าง
ช่างหัวมันสิ!
ชิงสุ่ยเจินเหรินโกรธมาก!
ผลลัพธ์ที่ตามมาร้ายแรงยิ่งนัก!
ชิงสุ่ยเจินเหรินหยิบกระบี่บัวน้ำแข็งที่เป็นอาวุธประจำกายออกมา “เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าเด็กหน้าเหม็น เจ้าหลอกลวงผู้อื่นมากเกินไปแล้ว คอยดูเถิดวันนี้ข้าจะเลาะเนื้อเจ้าอย่างไร!”
“อาเจิง!” ท่านจอมมารเรียกเขาไว้ แล้วบอกอย่างปวดใจ “เหตุใดเจ้าจึงวิวาทกับผู้อื่นเป็นแล้วเล่า แล้วยังจะใช้กระบี่วิเศษประจำกายของตนอีก ห้ามใช้กระบี่นะ!”
หมิงซิวพรูลมหายใจยาว ท่านแม่ยายช่างดีนัก จริงอย่างที่คนเขาว่ากัน แม่ยายทุกคนในใต้หล้าต่างชื่นชอบบุตรเขย
ทว่าชั่วอึดใจต่อมาท่านจอมมารกลับชักดาบยักษ์ยาวถึงสี่สิบเมตรของตนเองออกมา “ให้เจ้า ใช้เจ้านี่สิ”
หมิงซิว “…”
ชิงสุ่ยเจินเหริน “…”
…
ใต้เท้าเจ้าตำหนักบางคนถูกจัดการจนสภาพอเนจอนาถ เขาไม่กล้าและสวนกลับไม่ได้จึงต้องยอมถูกชิงสุ่ยเจินเหรินซ้อมจนกลับมาอยู่ในร่างแรกเริ่ม
ค่ำคืนเย็นเฉียบ เสี่ยวซิววัยยังไม่อย่านมรู้สึกหนาวยะเยือก
เสี่ยวซิววัยยังไม่หย่านมอายุสามขวบลากร่างกายเล็กจ้อยที่มีบาดแผลฟกช้ำทั่วตัวกับเบ้าตาดำปี๋วงเบ้อเริ่มและจมูกที่มีน้ำมูกไหลย้อยดูน่าอนาถ เดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่ห้อง
พ่อตาอะไรนี่ เอาใจยากเกินไปแล้ว จริงๆ!
…
หลังจากจัดการจิตมารเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เดินทางกลับมายังฐานที่มั่นของท่านจอมมาร
ท่านจอมมารขึ้นมาที่แดนเทพได้สองร้อยปีแล้ว นางปลุกสายเลือดมังกรจู๋หลงในร่างสำเร็จก็เริ่มต้นฝึกตน ขณะเดียวกันกับที่นางฝึกตน นางก็รวบรวมเผ่ามังกรบนแดนเทพไปด้วย จากนั้นนางก็อาศัยอยู่ในเผ่ามังกร
บนเกาะของเผ่ามังกร มีมังกรมารที่บรรลุเป็นเทพมาจากเผ่ามาร แล้วก็มีมังกรเขียว มังกรเหลือง มังกรปฐพีที่บรรลุเป็นเทพขึ้นมาจากแดนเซียน พลังของมังกรแต่ละตัวมิอาจดูแคลนได้ ทว่าเผ่ามังกรไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ไม่ถามไถ่ความเป็นไปบนโลก ไม่สอดมือกับเรื่องในใต้หล้าและแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าอื่น เพราะเหตุนี้ท่านจอมมารจึงได้ฝึกตนอย่างเงียบสงบ
ท่านจอมมารเป็นมังกรตัวสุดท้ายที่อาศัยพลังของตนเองบรรลุวิชาขึ้นมาที่แดนเทพ ตามหลักแล้วนางควรจะมีพลังเป็นอันดับสุดท้ายของเผ่า ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูอะไรทำนองนั้น แต่นางดันเอาชนะมังกรที่อยู่ลำดับเหนือกว่าได้ทั้งหมด เสร็จแล้วก็ถีบราชามังกรเทพลงจากบัลลังก์แล้วขึ้นไปนั่งบนนั้นเอง
ยามนี้ทั้งเผ่ามังกรเป็นของนางแล้ว
หลังจากเข้ามาในเผ่ามังกร มังกรมารน้อยก็เห็นว่ามีมังกรน้อยอายุเท่ากันอยู่เป็นฝูง นางทิ้งจีเสี่ยวซิวที่ยังหน้าบวมจมูกเขียวอยู่เล็กน้อย แล้วกระโจนเข้าไปหาพวกเขาอย่างตื่นเต้น
มังกรเขียวหนุ่มอายุน้อยที่เดินผ่านมาตัวหนึ่งเห็นมังกรสาวหน้าตางดงามปานนี้ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย เขากระโดดมาขวางหน้ามังกรมารน้อย แล้วเหยียดหางมังกรใหญ่โตของตนเองออกสะบัดตัวร่ายระบำเป็นจังหวะบนพื้น
นี่คือสัญญาณการขอจับคู่ของเผ่ามังกร
มังกรเขียวหนุ่มตัวนี้เป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมที่สุด แข็งแกร่งที่สุด อ่อนโยนที่สุดและฉลาดที่สุดในหมู่มังกรอายุเท่ากัน ไม่เคยมีมังกรสาวตัวไหนไม่อยากแต่งงานกับเขา
แต่ไม่มีมังกรสาวตัวไหนทำให้เขาหวั่นไหวได้มาก่อน
ยามนี้เขาต้องตาต้องใจมังกรน้อยที่มาใหม่ตัวหนึ่ง พวกนางจึงอิจฉากันแทบวางวาย
มังกรน้อยจะต้องตกลงแน่ ไม่มีมังกรสาวตัวไหนปฏิเสธเสน่ห์ของเขาได้
เฉียวเวยเวยเป็นเผ่ามังกร สัญชาตญาณของนางทำให้นางหันไปมองอย่างสนอกสนใจ ทว่าไม่ทันที่มังกรเขียวจะระบำได้ครึ่งบทเพลง ดาบยักษ์ยาวสี่สิบเมตรของชิงสุ่ยเจินเหรินก็วาดเข้ามาทักทายเสียก่อน…