หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 104-2 ค้นหาความจริง
ตอนที่ 104-2 ค้นหาความจริง
หลังออกจากทรงจี้ จี้หมิงซิวก็ให้หมิงอันรออยู่ที่เมืองหลวง แล้วพาเยี่ยนเฟยเบี้ยกับสือเดินทางไปยังเจียง
ทันทีที หมิงชิวจากไป เฉียวเวยก็กลับมาจมอยู่กับการทํางานอย่างรวดเร็ว นางเริ่มจากการจัดการทําบัญชีของ เดือนนี้ จากนั้นไปที่ครัวเล็กของตนเอง นําโถของเยี่ยนเฟยเวียมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สุดท้ายก็ไปช่วยงานที่ ร้านแผงลอยอยู่พักหนึ่ง พอฟ้ามืดนางก็เดินเท้ากลับหมู่บ้าน
เด็กน้อยน่ารักสองคนที่อาบนํ้าจนตัวหอมฟุ้ง ต่างกาลังนอนคว่ําาแบ่งกันชมคลังสมบัติน้อยของตน
วิ่งซูพูดเสียงนุ่มนิ่ม “ท่านพี่ ท่านดูนี่สิ อันนี้ลูกกวาดกุ้ยฮวา อันนี้น้ําตาลปั้น อันนี้ลูกอมเนยแข็ง ลูกอมเนยแข็ง เป็นของที่ท่านอาจารย์มอบให้ข้า เขาบอกว่าซื้อมาจากทุ่งหญ้าที่ไกลมากๆ ถ้าท่านมอบไข่มุกของท่านให้ข้า ข้าจะ ให้ท่านก้อหนึ่งค่า”
จิ้งอวิ๋นมองไข่มุกเม็ดกระจ้อยที่เขาได้รับมาจากคุณชายน้อยบางคน แล้วกล่าวว่า “ก็ได้”
วิ่งซูหยิบไข่มุกมา จากนั้นให้จิ้งอวิ๋นกัดลูกอมเนยแข็งของตนเองหนึ่งคําอย่างใจกว้าง “น้องสาว นั่นอะไรน่ะ” จึงอวิ่นชี้นิ้วออกไป
วิ่งชูมองตามอย่างซื่อ ๆ “อะไรหรือ”
จิ้งอวิ่นฉวยโอกาสตอนนางเผลอ แอบหยิบไข่มุกของตัวเองกลับคืนมา
เมื่อเฉียวเวยเข้ามาในบ้าน สองพี่น้องต่างก็น่าสมบัติส่วนตัวชิ้นอื่นออกมาอวดก้น ครั้นเห็นเจ้าก้อนชาลาเปาน้อย ที่น่ารักทั้งคู่ หัวใจของเฉียวเวยก็อ่อนยวบเพราะความเอ็นดู หากไม่มีลูกสองคนนี้ นางก็นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่า ตนเองที่ถูก “ทิ้ง” ไว้เพียงลําพังที่ต่างโลกจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร สําหรับนางแล้ว พวกเขาไม่ใช่แค่เด็กสองคน แต่คือ กาลังใจทั้งหมดของนาง นางจะไม่มีวันยอมให้ผู้ใดมาพรากพวกเขาไปจากนางเด็ดขาด
“ท่านแม่!” พอวิ่งซูเห็นเฉียวเวย นางก็ทิ้งคลังสมบัติน้อยของตนแล้วผุดลุกขึ้น ก้าวขาสั้นๆ โผเข้ามาในอ้อมแขน
ของเฉียวเวย
เฉียวเวยอุ้มนางขึ้นมาแล้วกอดร่างเล็กๆ อันนุ่มนิ่มของนางไว้แน่น นางสูดกลิ่นหอมนมจางๆ บนตัวลูกสาว
หัวใจอันโดดเดียวอ้างว้างฉับพลันได้รับการเติมเต็ม
“ท่านแม่ ท่านกอดข้าจนเจ็บหมดแล้ว” วิ่ง บิดร่างเล็กจ้อยของนาง
เฉียวเวยยิ้มละไม คลายอ้อมกอดให้หลวมขึ้นหน่อยก่อนจะวางนางกลับบนเตียง แล้วหันมากอดลูกชายอีกคน
นางมองลูกน้อยที่น่ารักและน่าเอ็นดูทั้งสองคน แล้วตระหนักว่าชีวิตที่สวยงามที่สุดเป็นเช่นนี้เอง
ตกกลางคืน หลังจากอาบน้ําเสร็จเฉียวเวยก็นอนข้าง ๆ เด็กทั้งสอง นับตั้งแต่คืนที่เฉียวเลยนอนกอดจิ้งอวิ๋น จึงอ วันก็เรียนรู้ที่จะ “เล่นโกง” ตอนเข้านอนน้องสาวจะนอนตรงกลาง แต่เมื่อน้องสาวผล็อยหลับไปแล้ว เขาก็จะปืน
มานอนตรงกลางแทน
เฉียวเวยลูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาของเขา
เขานอนหลับตาอย่างสบายอกสบายใจ ศีรษะคลอเคลียกับฝ่ามือของเฉียวเวย หัวใจของเฉียวเวยอ่อนยวบ
เฉียวเวยก้มศีรษะลงจูบใบหน้าเล็กๆ ของเขา “จิ้งอวิ๋น
“ขอรับท่านแม่” จิ่งอวีนตอบรับ
ทั้งสองกระซิบแผ่วเบา เพราะกลัวว่าหากพูดเสียงดังจะปลุกวิ่งซูตื่น เสมือนเป็นข้อตกลงที่รู้กันทั้งสองฝ่ายโดยมิต้
องเอ่ย
เฉียวเลยลังเลอยู่นานก่อนจะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวขึ้นว่า “แม่อยากถามอะไรเจ้าหน่อย”
“อะไรขอรับ” จึงอวิ่นถูกลูบศีรษะจนเคลิ้ม เขาซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวเวย
“เมื่อก่อนแม่…เคยพูดถึงพ่อของพวกเจ้าหรือไม่”
จึงอวิ๋นส่ายศีรษะ
เฉียวเวยพูดเบาๆ “แล้วพวกเจ้าเคยถามข้าหรือไม่”
จิ้งอวิ่นพยักหน้า
“ข้า…ข้าตอบว่าอย่างไร”
งอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านมิได้พูดอันใด ท่านเอาแต่ร้องไห้”
“พวกเจ้าเสียใจหรือไม่” เฉียวเวยถาม
F
เห็นคนอื่นต่างก็มีพ่อ แต่พวกเขากลับไม่มี หากบอกว่าไม่เสียใจก็เป็นการโกหก แต่สิ่งที่เสียใจมากกว่าคือท่านแม่ ต้องหลั่งนํ้าตา พวกเขาไม่ต้องการให้ท่านแม่เสียใจ ดังนั้นต่อให้เสียใจเพียงไรก็ต้องอดทน เมื่ออดทนนานเข้าก็ กลายเป็นความเคยชินจึงไม่เคยถามอีกว่าตนเองมีพ่อหรือไม่
เฉียวเวยปวดใจเหลือเกิน ลูกทั้งสองยังเล็กเช่นนี้ก็ต้องเผชิญสิ่งต่างๆ มากมายเพียงนั้นแล้ว “ถ้า…พ่อของพวก เจ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วกลับมาหาพวกเจ้า พวกเจ้าอยากกลับไปกับเขาหรือไม่”
จิ้งอวิ๋นเงียบงัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ งกะพริบตาปริบๆ ถามว่า “ท่านแม่จะกลับไปหรือไม่ เฉียวเวยส่ายศีรษะ “ที่นั่นไม่ใช่บ้านของแม่”
“เช่นนั้นก็ไม่ใช่บ้านของจิ้งอวิ๋นเช่นกัน” จึงอวิ๋นหันไปกอดเฉียวเวยด้วยแขนเล็ก ๆ ของเขา “จิ้งอวิ๋นจะอยู่กับท่าน
แม่เท่านั่น”
หัวใจของเฉียวเวยรู้สึกอบอุ่น ก้มไปจูบใบหน้าเล็กๆ ของลูกชาย “แม่ก็อยากอยู่กับพวกเจ้าเช่นกัน”
หอเทียนเซียงเป็นหอคณิกาที่เลื่องชื่อที่สุดในเจียงหนาน หญิงงามมากมายดั่งมวลเมฆ ผู้คนคลาคล่ําส่งเสียง จอแจวุ่นวาย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือมันถูกสร้างติดทะเลสาบ ห้องทุกห้องล้วนเป็นห้องที่มองเห็นทิวทัศน์ของทะเล สาบ พอเปิดหน้าต่างออกก็เห็นทิวเขาเขียวล้อมรอบตัดกับนํ้าสีครามที่กระเพื่อมเป็นลอนคลื่น แลเห็นเรือเริงรมย์
หรูหราแปลกตาลอยเอื่อยๆ อยู่ริมทะเลสาบ
ห้องที่แพงที่สุดในหอเทียนเซียงมีนามว่าห้องเทียนเชียง ทว่ามันกลับมิได้สร้างอยู่เหนือน้ํา หากแต่อยู่ลึกลงไป
ใต้ก้นทะเลสาบประหนึ่งนําหนักใต้ดิน
ข่าวว่าถึงจะมีเงินหนึ่งพันตําลึงก็ซื้อหนึ่งค่ําคืนมิได้ ไม่เคยมีแขกคนใดโชคดีได้ยลโฉมของมัน แต่วันนี้ มันได้
ต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง
“นายหญิง มีคนมาห้องเทียนเซียงเจ้าค่ะ!” สาวใช้เข้าไปให้ห้องแห่งหนึ่งด้วยอาการรีบร้อน
ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องคือสตรีเอวบางอ้อนแอ้น ทรวดทรงเว้าโค้งสวมชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนนางหนึ่ง นางนั่งอยู่หน้า โต๊ะเครื่องแป้ง กําลังเขียนคิ้วเบาๆ นางเห็นสาวใช้ของตนจากในกระจกจึงเผยอเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย “มาแล้วก็มาส เจ้าตกใจอะไรปานนั้น
สาวใช้พูดอีกครั้ง “เขาบอกให้ท่านรีบไปเจ้าค่ะ”
“รีบไป? เขาบอกให้รีบก็ต้องรีบอย่างนั้นหรือ เหอะ” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็รีบวางดินสอเขียนคิ้ว ลุกขึ้นยืน จากนั้นกดกลไกที่ซ่อนอยู่ด้านหลังชั้นตํารา เมื่อนั้นชั้นตําราก็เลื่อนไปทางขวา เผยให้เห็นห้องลับอันมืดสนิทห้อง
หน
นางถือตะเกียงเดินผ่านห้องลับไปยังห้องเทียนเชียง
ภายในห้อง บุรุษอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ไม้พนักสูง เขาดื่มชาโดยไม่อนาทรต่อสิ่งใด เยี่ยนเฟย เจวียยืนข้างกายบุรุษผู้นั้นพร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ
ดวงตาของนางวูบไหวเล็กน้อย นางเดินข้ามธรณีประตูแล้วพูดเสียงเย้ายวนว่า “โอ๊ะ ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่หรือ
เจ้าคะ
จีหมิงซิวไม่สนใจนาง เขาใช้ฝาถ้วยชาเขียใบชาเล่น
นางมองเยี่ยนเฟยเจี้ยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เยี่ยนเฟยเจี้ยมองนางอย่างจนปัญญา
อย่าคาดหวังอะไรจากข้าเลย ตัวข้าเองขายังเอาตัวไม่รอด ไม่ต้องพูดถึงจะปกป้องใคร เจ้าพึ่งตนเองเถิด “นายท่านเดินทางรอนแรมมาตั้งไกลเพื่อมาหาข้า คงมิใช่มาเพื่อดื่มชาหรอกกระมัง” นางพูดยิ้มๆ
จีหมิงซิ่วตวัดสายตามองอย่างเย็นชา ริมฝีปากบางขยับเบาๆ “เพิ่งซิงเกอ
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ทําให้หัวใจของเพิ่งซิงเกอหวาดผวาอย่างไม่มีสาเหตุ เพิ่งซิงเกอเก็บสีหน้าเล่นสนุกกลับไป “นายน้อยจะสั่งอันใดเจ้าคะ”
“เรื่องเมื่อห้าปีก่อน เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่”
เรียกลปลาย ตายลงเสีย ป อย
·NUUUKIPU8
HERECISENNERSHI TANI
จีหมิงซิวพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น “เจ้าไม่ต้องหันไปมองเยี่ยนเฟยเวีย
เยี่ยนเฟยเจ ยลบจมูกไปมา
เฟิงชิงเกอถลึงตามองเยี่ยนเฟยเฉลี่ยแวบหนึ่ง แล้วยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม “เกิดอันใดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนหรือเจ้าคะ นาย
น้อยต้องการทราบสิ่งใด ช่วยเตือนความจําชิงเกอได้หรือไม่”
“เฟิงชิงเกอ ความอดทนของข้า จํากัด” จีหมิงชิวพูดอย่างเฉยเมย
เพิ่งชิงเกออ้าปากตอบ แต่ทั้งลังเลและลนลานอยู่บ้าง “หากนายน้อยหมายถึงเรื่องนั้น ซิงเกอไม่มีสิ่งใดจะพูด ตอนชิงเกอพบนายน้อย นายน้อยก็หมดสติอยู่แล้ว ชิงเกอไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนายน้อย”
สายตาเยือกยะเย็นของจีทมิงชิวจับจ้องใบหน้าของเฟิงชิงเกอ เฟิงชิงเกอ
หัวใจของเพิ่งชิงเกอสั่นระรัว “ข้าไม่ทราบจริงๆ เจ้าค่ะ!”
จีหมิงซิวถามเสียงเย็น “แล้วทําไมผู้หญิงคนนั้นถึงพาเด็กมาหาข้า”
“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก! ผู้หญิงจะตั้งท้องง่ายๆ ขนาดนี้ได้อย่างไร คงไม่ใช่ว่านา งมาหลอกนายน้อยนะเจ้าคะ!” ทันทีที่นางพูดจบ เพิ่งชิงเกอก็ตระหนักว่าตัวเองหลุดปากพูดออกไปแล้ว ครั้นเห็น สีหน้าท่าทางดุดันราวกับคลื่นใต้น้ําของหมิงซิว จึงเข้าใจแล้วว่าหมิงซิวกําลังใช้คําพูดเพื่อหลอกถามนาง “นาย
น้อย.. ..
จีหมิงชิววางถ้วยนําชาลงบนโต๊ะอย่างแรง เพิ่งชิงเกอ เจ้ากล้ามาก!”
เพิ่งชิงเกอรับทรุดกายลง “ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบังนายน้อยนะเจ้าคะ จริงๆ แล้ว ข้าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย น้อย ข้าเองก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย ตอนที่ขาเจอนายน้อย คนผู้นั้นก็จากไปแล้ว ท่านคิดดูสิขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่า เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าเกิดเป็นผู้ชายเล่า บอกไปจะมีทําให้ท่านรู้สึกรังเกียจหรอกหรือ
จีหมิงซิวนึกภาพตัวเองกําลังคร่อมอยู่บนร่างของผู้ชาย จู่ๆ ก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมา
เฟิงชิงเกอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังจี้หมิงซิว
ต้องเล่าก่อนว่าวิชาที่จีหมิงซิวฝึกปรือทําให้เขามีจิตใจสงบนิ่ง ค่อยมี
ความปรารถนา ตอนที่นางยังไม่ได้ภักดีต่อจี้หมิงซิว นางคือเทพธิดาเมียอินผู้เลื่องชื่อแห่งทะเลสาบเจียงหู ไม่เคยมี ชายใดต้านทานวิชายั่วสวาทของนางได้ ตอนพบจีหมิงซิวครั้งแรก หมิงซิวยังเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่เต็มยี่สิบ แต่รูป โฉมของเขาเรียกได้ว่างดงามล่มเมือง นางมีใจคิดอกุศล ต้องการพาหนุ่มน้อยรูปงามผู้นี้กลับไปเลี้ยงดูที่ตําหนักของ
ตน เพื่อจะได้ใช้งานในอนาคตข้างหน้า
ไหนเลยจะรู้ว่าตนเองใช้วิชายั่วสวาทจนถึงขั้นสิบแล้ว จีหญิงชีวกลับยังคงไม่หวั่นไหว แต่ตนเองถูกกําลังภายใน
ไหลย้อนกลับจนบาดเจ็บเกือบสิ้นชีวิต
จีหมิงชิวให้อู๋ซวงช่วยนางไว้จึงช่วยชีวิตนางกลับมาได้
หลังจากนั้นก็เกิดวิกฤติขึ้นอีกหลายอย่าง แต่ได้ หมิงซิวช่วยคลี่คลายให้นาง นางจึงเอ่ยคําสัตย์สาบานเลือดกับ
หมิงชิว สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเขาตราบจนตัวตาย
นางรับใช้จีหมิงชิวมาหลายปี
กล่าวได้ว่านางคือคนที่เฝ้าดู หมิงซิวเติบใหญ่ขึ้นมาและเป็นผู้เข้าใจนิสัย
บางประการของจีหมิงซิวมากที่สุด เขาไม่เคยแตะต้องสตรี จนนางอดคิดไม่ได้ว่าเขาชมชอบบุรุษ
หลังจากนั้นนางจึงเคยลองส่งนายบ้าเรอหน้าตางดงามสองสามคนไปปรนนิบัติเขา แต่เขากลับรังเกียจจนแทบ
ทนมิได้ นางถึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเขามิได้ชมชอบบุรุษ
แต่ในสามวันนั้นเขาอยู่กับผู้ใดกันแน่ เป็นชายหรือหญิง นางไม่มีคําตอบ สิ่งเดียวที่มั่นใจก็คือต่อให้เป็นบุรุษจริง นายน้อยของนางก็เป็นฝ่ายรุกแน่นอน!
“กล่าวไปแล้ว เรื่องครานั้นเกิดขึ้นเพราะชิงเกอละเลยต่อหน้าที่ รู้อยู่แท้ๆ ว่าโรคเก่าของนายน้อยกําเริบ แต่ยัง ปล่อยให้นายน้อยออกไปซื้อของคนเดียว ถ้าชิงเกออยู่ข้างๆ ตลอดเวลา นายน้อยคงไม่หายตัวไป แล้วก็คงไม่ถูกผู้อื่น …แค่กๆ คงไม่ทํา…ทําอะไรต่อมิอะไรกับผู้อื่น” เพิ่งชิงเกอกล่าวอย่าง รู้สึกผิด
เยี่ยนเฟยเวียแทบจะกลั้นมิไหว สาเหตุที่เพิ่งซิงเกอให้พวกเขาเก็บเป็นความลับ ที่แท้ก็เพราะเหตุผลประการนี้ เอง นางกังวลว่านายน้อยจะนอนกับผู้ชาย…ก๊ากกก ฮ่าๆไม่ไหวแล้ว เขาข่าจะตายอยู่แล้ว!
ภาพที่นายน้อยนอนกับผู้ชายมันช่าง “น่าดูชม” ยิ่งนัก ฮ่าๆ!!!!
สามวันนั้นโรคเก่าของจีหมิงซิวก้าเริบจึงต้องฝืนโคจรลมปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ทว่าเขาไม่ระวังจึงเกิด
ธาตุไฟเข้าแทรก กระทั่งตัวเองทําอะไรลงไปก็ยังไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือเขาไม่มีอารมณ์กับผู้ชาย!
ดังนั้น ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน
แล้วเป็นผู้ใดกันเล่า
เพิ่งชิงเกอเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “จริงสินายน้อย นางผู้นั้นน่าจะเห็นใบหน้าของท่าน ตอนข้า พบท่าน หน้ากากของท่านตกอยู่บนพื้น ป้ายประจําตัวของท่านก็ยังอยู่ ดังนั้นข้าจึงเดาว่า เมื่อนางได้สติแล้วน่าจะ
ทราบฐานะของท่านนะเจ้าคะ”
รู้ว่าเขาเป็นผู้ใดแต่ไม่มาหา ไม่ให้เขารับผิดชอบ นางเป็นสตรีเช่นไรกัน จีหมิงซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนสี่หรือ”
เพิ่งชิงเกอตอบว่า “กลางเดือนสี่เจ้าค่ะ”
ช่วงกลางเดือนสี่ บังเอิญเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เฉียวเวยกับยื่นอ๋องก่อเรื่องอื้อฉาวและถูกไล่ออกจากจวนเอ็นนิ้ว พอดี คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องทํานองเดียวกัน กับเขาด้วย
ผู้หญิงคนนั้นจะให้กําเนิดลูกของเขาหรือไม่
“มีเด็กคนหนึ่งหน้าตาเหมือนข้า”
“เช่นนั้นก็เป็นลูกของท่านสิ!” เพิ่งชิงเกอกล่าว “แต่ก็เหมือนยื่นอ๋องด้วย” จีหมิงซิวบอก
เฟิงชิงเกอตกตะลึง
เยี่ยนเฟยเงี่ยนึกอะไรบางอย่างออก “เดี๋ยวก่อน นายน้อย ที่ท่านพูดถึงคงไม่ได้หมายถึงลูกของแม่หนูคนนั้น กระมัง นั่นมันเป็นไปไม่ได้ แม่หนูมีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับยื่นอ๋อง แล้วยังถูกยื่นอ๋องแทงไปหนึ่งแผล ถ้าไม่ได้ทําอะไร จริง ไยยิ่นอ๋องจึงโกรธขนาดนั้นเล่า”
“ตามหานาง” จีหมิงซิวลังด้วยสีหน้าเฉียบขาด
เยี่ยนเฟยเวียยกหลังมือขวาตีลงบนฝ่ามือซ้าย “เรื่องนี้…เรื่องนี้จะหาอย่างไรเล่านายน้อย เพิ่งซิงเกอไม่แน่ใจ
ด้วยซ้ําว่าเป็นชายหรือหญิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาหรือฐานะ นี่ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทรหรือไร ท่านมองไหลืองานเก่งเกินไปแล้ว ต่อให้เขาจะเลี้ยงแมงเม่าอยู่ในมือนับพันตัวก็ตามหาเบาะแสในยามนั้นมีพบหรอก
ขอรับ”
“สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่เป็นผลงาน” หมิงซิวพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จบก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากห้อง เทยนเชยง
เขาเองก็คิดว่าบางทีคนผู้นั้นอาจจะเป็นสตรีแปลกหน้าสักคน แล้วนางก็อาจให้กําเนิดเด็กแปลกหน้าสักคนหรือ สองคน ถ้าเช่นนั้นเขาก็คงไม่ชอบ ไม่ชอบเลยจริงๆ แต่มีความเป็นไปได้หนึ่งในหมื่นหรือไม่ ที่สตรีนางนั้นจะเป็น เฉียวเวย และเด็กก็คือ งซูกับจิ้งอวิ๋น?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาพล้นรู้สึกเหมือนมีสิ่งใดเข้ามาพัวพัน ความรู้สึกสั่งให้เขาสืบหาความจริงให้กระ
จ่าง ต่อให้ต้องใช้กําลังทั้งแผ่นดินจนสิ้นก็มีเสียดาย
“เจ้าทํางามหน้านัก!” ภายในท้องเหลือเพิ่งชิงเกอกับเยี่ยนเฟยเวียที่ถูกทิ้งไว้ เพิ่งซิงเกอถลึงตามองเยี่ยนเฟยเจ ยอย่างไม่เกรงใจ
เยี่ยนเฟยเวียแบมือยักไหล่ “จะมาโทษข้าได้อย่างไร ฝนจะตก คนจะแต่งงาน นายน้อยต้องการจะรู้ความจริง” เฟิงชิงเกอกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าปากพล่อย!”
ก็ได้ เขาอาจจะปากพล่อยไปสักหน่อย
เฟิงชิงเกอถามต่อว่า “แม่หนูที่เจ้าพูดถึงเป็นใคร
เยี่ยนเฟยเงี่ยเลือกผลผิงกั่วสีแดงสดลูกโตออกมาจากถาดผลไม้แล้วเช็ดฝุ่นกับเสื้อ ก่อนจะกัดคําใหญ่ “คุณหนู ใหญ่เฉียวแห่งจวนเอ็นนิ้ว บุตรีที่ถูกขับไล่ออกจากจวน”
เฟิงชิงเกอขมวดคิ้ว “หมายถึงผู้หญิงที่เกาะแกะยื่นอ๋องไม่ปล่อยใช่หรือไม่”
เยี่ยนเฟยเจวี่ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ตอนนี้ นอ๋องก้าลังเกาะแกะนางไม่ยอมปล่อย”
เพิ่งชิงเกอไม่ได้ยึดติดอดีตระหว่างเฉียวเวยกับยื่นอ๋อง ทั้งยังไม่คิดว่าเฉียวเวยเคยผ่านบุรุษมาแล้วคนหนึ่ง จะมี คนรักเป็นครั้งที่สองอีกไม่ได้ แม้สตรีเป็นผู้อ่อนแอในทุกยุคมั้ย แต่หากใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งได้ ก็นับว่าเป็นความ สามารถอย่างหนึ่ง แต่นางแปลกใจนายน้อยมากกว่า ทั้งทีเมื่อห้าปีก่อนไม่ต้องการแต่งงานกับนาง แต่เหตุใดห้าปีให้ หลังจึงเอาแต่เอ่ยถึงนาง
เยี่ยนเฟยเวียกินผลผิงกั่วพลางพูดว่า “ตอนแรกนายน้อยไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใด” หากรู้ก็คงไม่ปล่อยให้มีโอกาส พัฒนาความสัมพันธ์แล้วฮ่าๆ แม่หนูนั่นมีไหวพริบจริงๆ แต่เขากลัวว่าเพิ่งชิงเกอจะเข้าใจผิด จึงพูดเสริมอีกว่า “นาง ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงนายน้อย นางสูญเสียความทรงจํา”
เฟิงชิงเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “นายน้อยชอบนางหรือ”
เยี่ยนเฟยเจว๋ยใคร่ครวญ “ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ แต่เขาใส่ใจแม่หนูคนนี้พอสมควร
เพิ่งชิงเกอกลอกตาใส่เขา แล้วพูดอย่างขบขัน “ข้ามองไม่ออกว่านายน้อยชอบนางเท่าใด แต่ขาดูออกว่าเจ้าสนใจ นางมากทีเดียว ค่าก็แม่หนสองค่าก็แม่หน เรียกเสียสนิทสนมเชียวนะ!”
เยี่ยนเฟยเวียตอบอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนสิ! นางเรียกข้าว่าลุงเขียนแล้วนี่!”
ท้องฟ้าทอแสงรําไรเฉียวเวยกับจิ้งอวิ๋นก็ตื่นขึ้น เหมือนคําพูดเมื่อคืนจะไปกระตุ้นบางสิ่งในตัวของจิ้งอวิ๋น เขาจึง
ขยันและตื่นเช้ามากกว่าปกติ
วิ่งชูน้อยกับเสี่ยวไปนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนอน ส่วนจิ้งอวิ๋นนั่งอ่านตําราที่ซิ่วไฉเฒ่ามอบให้เขาอยู่ข้างหน้า
ต่างอย่างเงียบๆ ขณะอ่านก็จดบันทึกบนกระดาษสีขาวด้วยพู่กันเป็นครั้งคราว
ตอนนี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ใช้แผ่นไม้ไผ่อีกแต่ใช้กระดาษขาวใหม่เอี่ยมแทน
จิ้งอวิ๋นชอบความรู้สึกยามน้ําหมึกถูกขีดเขียนลงบนกระดาษสีขาว ความรู้สึกนั้นเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้ควบคุมทุก สรรพสิง
ตัวหลัวจื่ออวี้ไปเยือนทรงอีกครั้ง แต่เฉียวเวยไม่ต้องการพบนางสักนิด หลายวันมานี้จึงไม่ได้ไปทรงจี้ นาง
จดจ่ออยู่กับการทําไร่นา ทําไข่เยี่ยวม้าและดูแลลูก
เฉียวเวยคิดจะขึ้นไปเก็บเห็ดป่าชนิดต่าง ๆ บนภูเขาก่อนเป็นสิ่งแรก ครั้งก่อนหลังจากนางปรุงแกงจืดลูกชิ้นกุ้งใส่ เห็ดในวังหลวง เมื่อกลับบ้านนางก็ทําให้เด็กๆ ทานอีกหม้อหนึ่ง วิ่งกับเวนเกอร์ต่างก็ชอบมาก ส่วนจึงอวิ๋นกินกุ้ง ไม่ได้ นางจึงทําแกงจืดลูกชิ้นเนื้อใส่เห็ดอีกชามหนึ่ง จึงอวิ๋นชอบมากกินจนเกลี้ยงชามใหญ่เลยทีเดียว
ยามเห็นเจ้าชาลาเปาน้อยทั้งสองทานอาหารที่นางทาอย่างเอร็ดอร่อย นางล้วนรู้สึกอิ่มเอมใจสุดจะพรรณนา เฉียวเวยสะพายตะกร้าไว้ข้างหลัง แล้วลูบศีรษะลูกชายเบาๆ “แม่จะไปเก็บเห็ดป่า เจ้าอยู่บ้านดูแลน้องสาวด้วย” จิ้งอวิ๋นปิดตาราแล้วพูดว่า “ข้าจะไปด้วยขอรับ”
เขาชอบ นเขากับท่านแม่
ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ขึ้นเขาไปตอนนี้ยังพอทันเวลา แต่วิ่งชูคงไม่ไปด้วยแน่ แมวน้อยเกียจคร้านอย่างนาง หากไม่ ถึงเวลาก่อนเข้าเรียนหนึ่งเค่อนางไม่มีทางยอมตื่น เฉียวเวยไปทักทาย ยอวิ๋น ขอให้นางช่วยมาดูวิ่งซู จากนั้นจึงพา งอวิ๋นขึ้นไปบนภูเขา
เสี่ยวไปลืมตาตื่น สะบัดหางเดินตามพวกเขาไป
ยามเช้าตรู่อากาศในหุบเขาลึกเย็นสบายราวกับฤดูใบไม้ร่วง ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นจากทิศตะวันออกไปยังทิศ ตะวันตก แสงสีทองในยามเช้าสองผ่านใบไม้สีเขียว แลเห็นแสงสีทองเล็ดลอดผ่านใบไม้เป็นชั้น เสียงวิหคเจื้อยแจ้ว ไม่หยุดหย่อน ทําให้คนที่ได้ยินยลสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
เฉียวเวยกับลูกชายต่างสะพายตะกร้าไม้ไผ่สานใบเล็กๆ เดินขึ้นภูเขาอย่างมีความสุข
เสี่ยวไปเองก็มีตะกร้าใบกระจิ๋วหลิวปากกว้างสะพายอยู่ข้างหลังเช่นกัน เผื่อบางครั้งมันต้องการเก็บผลไม้สักสอง สามผล แต่ปกติมันมักจะแอบเอาไว้เก็บงูมากกว่า
ตอนนี้มันเห็นงูเขียวดอกหมากตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง มันวิ่งย่องเข้าไปใกล้ กรงเล็บเล็กๆ ตะปบได้ แล้วโยนงูเขียวดอก หมากใส่ในตะกร้า