หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 157-2 ปลากินคน ไล่ตามภรรยา
ตอนที่ 157-2 ปลากินคน ไล่ตามภรรยา
จีหมิงซิวกอดนางไว้แน่น ต่อให้นางมีกำลังช้างสาร แต่กลับไม่อาจดึงมือใหญ่ข้างนี้ออกไปได้ จีหมิงซิวเอาโสมซานชีที่ไม่รู้เด็ดมาตั้งแต่เมื่อไร มาขยำแล้วโปะลงบนแผลของนาง โสมซานชีมีสรรพคุณในการห้ามเลือด โดยมากกระจายอยู่ในเขตอวิ๋นหนาน สภาพอากาศในเมืองหลวงเดิมทีไม่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของมัน แต่มันกลับสามารถเติบโตได้บนเกาะโดดเดี่ยวของจวนไท่ซือ
หากไม่ใช่เพราะโสมซานชีอันนี้ดูเพิ่งเด็ดมาใหม่ๆ เฉียวเวยยังเกือบสงสัยว่าเขาพกติดตัวมาด้วยแต่แรก แต่จะพูดเช่นนี้ก็อธิบายไม่ได้ หากเด็ดมาจากอวิ๋นหนาน คงแห้งเหี่ยวไปนานแล้ว ไฉนเลยจะยังสดใหม่เช่นนี้
ปลายนิ้วของจีหมิงซิวกดเบาๆ ลงบนปากแผล เพื่อให้น้ำจากสมุนไพรซึมลงไปให้หมด
เจ็บเล็กน้อย
แต่พอคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดตอนอยู่บนเรือ ส่วนที่เจ็บยิ่งกว่ากลับเป็นอีกที่หนึ่ง
เฉียวเวยดึงมืออีกฝ่ายออก ปิดเสื้อที่ถูกฉีกขาด พยายามมัดเป็นปมเสร็จก็หมุนตัวจะเดินไป
จีหมิงซิวคว้ามือนางไว้
เฉียวเวยหันไปมองคนที่คว้าตัวนางไว้ด้วยสายตาเรียบเฉย “เวลานี้ท่านรู้แล้วว่าข้าไม่ได้ดีเลิศเหมือนที่ท่านคิดเอาไว้ ข้าก็เป็นแค่แม่หม้ายบ้านนอกที่เป็นหน้าเป็นตาไม่ได้ ข้าไม่มีความอดกลั้น ไร้ซึ่งเหตุผล ข้ามีเรื่องกับคนได้ ฆ่าคนก็ได้ ไม่อบอุ่น ไม่เอาใจใส่ ท่าทางอย่างสตรีสาวเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเพียงสิ่งที่ข้าเสแสร้งออกมาเท่านั้น”
สายตาของจีหมิงซิวดูไม่ประหลาดใจสักนิด แค่เพียงเพ่งมองนางนิ่งๆ แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “ยังจะโกรธไปถึงเมื่อไร”
“ใครโกรธท่านกัน” เฉียวเวยดึงมืออีกฝ่ายออก “ไม่ต้องมายุ่งกับข้าแล้ว ข้าไม่มีเวลามาโกรธท่านหรอกนะ! เวลานี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน วินาทีเดียวก็ไม่อยาก! ข้าขอเตือน…อื้อ…”
ยังไม่ทันพูดจบ นางก็ถูกจีหมิงซิวเอามือปิดปากไว้
จีหมิงซิวปิดปากนางไว้ แล้วดันตัวนางไปหลบหลังต้นไม้ เฉียวเวยจึงกัดเข้าที่มือจีหมิงซิวทันที ตอนอยู่ในน้ำจีหมิงซิวไม่ได้ถูกปลากินคนทำอะไรสักนิด แต่กลับถูกเฉียวเวยกัดจนเห็นเป็นรอยฟันสองแถว
จนมีเลือดสดๆ ไหลออกมาเลยทีเดียว
แต่เขากลับไม่คลายมือออก
“ศิษย์พี่ ใช่เกาะแห่งนี้หรือไม่ คงไม่ได้มาผิดเกาะกระมัง”
บนทางเดินเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม จู่ๆ ก็มีเสียงบุรุษไม่คุ้นหูดังขึ้น มือของเฉียวเวยที่ยกขึ้นจะตีแขนอีกฝ่ายพลันชะงัก
“ไม่มีทาง ข้าเริ่มหาทางมาตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้ว ไม่มีทางผิดแน่ รีบถอดเสื้อเกาะออกเสีย หนักชะมัด!”
ทั้งสองถอดเสื้อเกาะสีเขียวเทาบนตัวออก หมวกเกราะก็ถอดออกด้วย สองคนนี้เป็นคนหนุ่มที่สวมใส่อาภรณ์สีเขียว รูปร่างกำยำ เครื่องหน้าทั้งห้าคมเข้ม เทียบกับจีหมิงซิวและหลี่อวี้ไม่ได้เลยสักนิด แต่เมื่อไปอยู่ในหมู่ชาวบ้าน กลับดูว่าโดดเด่นมากทีเดียว
ศิษย์พี่ที่รูปร่างสูงใหญ่ผู้นั้น อายุน่าจะประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีเห็นจะได้ ศิษย์น้องน่าจะยี่สิบต้นๆ ในมือทั้งสองถือดาบกันอยู่คนละเล่ม ดาบยังอยู่ในฝัก แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกของดาบที่อยู่ภายใน
หลังมือทั้งสองมีลายหน้าตาประหลาดอยู่รูปหนึ่ง มองดูคุ้นตา คล้ายว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
จีหมิงซิวดูเหมือนจะมองความสงสัยของนางออก จึงเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหูนางว่า “ศิษย์สมาคมกระบี่”
คนของสมาคมกระบี่นี่เอง มิน่าเล่าถึงได้ดูคุ้นตานัก
เฉียวเวยเคยประมือกับยอดฝีมือของสมาคมกระบี่มาสองครั้ง ครั้งแรกคือครั้งที่นางถูกลิ่วเหยียหลอก นางทำร้ายลิ่วเหยียจนบาดเจ็บ ถูกศิษย์ของสมาคมกระบี่ไล่สังหาร ยิ่นอ๋อง “ช่วย” นางไว้ ครั้งที่สองเป็นครั้งที่นางถูกยิ่นอ๋องไล่สังหาร แล้วศิษย์ของสมาคมกระบี่ช่วยนางไว้
บนหลังมือของศิษย์สมาคมกระบี่ทุกคน มีลายสักประจำสมาคมกระบี่สลักอยู่
ที่น่าประหลาดก็คือ ศิษย์สมาคมกระบี่มาทำอะไรที่จวนไท่ซือ ท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ดูไม่เหมือนมาร่วมงานเลี้ยง แต่หากจะบอกว่ามาลอบสังหารใครสักคน เช่นนั้นก็ควรล่องไปทางฝั่งตรงข้ามถึงจะถูก ที่นั่นต่างหากถึงเป็นจวนไท่ซือโดยแท้จริง
อีกอย่างในเมื่อพวกเขาจะว่ายน้ำมา เหตุใดถึงต้องสวมเสื้อเกราะมาด้วย
ไม่รู้สึกหนักหรือไร!
“ซี๊ด ให้ตายเถอะ!” ศิษย์สมาคมกระบี่มองมือที่ถูกกัดจนเนื้อหายไป แล้วฉีกผ้ามาพันไว้ “ศิษย์น้อง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ศิษย์น้องสมาคมกระบี่ตอบว่า “ข้ายังดี ไม่บาดเจ็บ ศิษย์พี่ ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง”
ศิษย์พี่บอกว่า “ไม่เป็นไร รีบไปเถิด ข้าได้ยินว่าศิษย์สำนักซู่ซินจงก็จะมาที่นี่เหมือนกัน น่าจะมาเพื่อผลต้นสองภพนั่น”
ศิษย์น้องถ่มน้ำลายทีหนึ่ง “ซู่ซินจงช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน! ของดีๆ เช่นนี้ควรประกาศให้ทั้งยุทธภพได้รู้โดยทั่วกัน ให้ทุกคนอาศัยความสามารถมาแย่งชิงถึงจะถูก แต่นี่ดันอาศัยการแต่งงานกับคุณหนูจวนไท่ซือเพื่อให้ตนเองได้ผลประโยชน์ก่อน ซ้ำยังปิดข่าวเสียแน่นหนา ครั้งนี้อย่างไรก็จะไม่ให้พวกมันได้สมหวัง!”
ศิษย์พี่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ไว้รอให้เด็ดผลสองภพได้ก่อน พวกเราจะไปจากจวนไท่ซือทันที อย่าให้เกิดการต่อสู้เด็ดขาด!”
ศิษย์น้องตบหน้าอก “ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่ ท่านวางใจเถิด! ศิษย์พี่รีบดูเร็วเข้าว่าแผนที่เปียกหรือไม่”
ศิษย์พี่หยิบกระดาษหนังแพะออกมาจากอกเสื้อ เอ่ยด้วยสีหน้ายินดีว่า “ยังแห้งดีอยู่ ไป!”
สายตาของจีหมิงซิวสั่นไหวเล็กน้อย ของที่อยากหาแทบตายทำอย่างไรก็หาไม่พบ กลับมาบังเอิญเจอเสียได้ เดิมทียังคิดว่าต้องขึ้นมาหาบนเกาะอยู่เป็นครึ่งค่อนวันถึงจะเจอผลสองภพเสียอีก แต่ศิษย์สมาคมกระบี่กลับเอาแผนที่มาส่งให้ถึงที่
ช่างไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์สมาคมกระบี่ ซู่ซินจงยังหาแผนที่มาไม่ได้ พวกเขากลับหามาไว้ในมือได้เสียแล้ว
ทั้งสองเอาชุดเกราะไปซ่อน แล้วเดินตามที่แผนที่บอกไปทางตะวันตกเฉียงใต้
ตอนเดินผ่านต้นไทรต้นใหญ่ หูของศิษย์พี่พลันขยับ “ใครกัน”
หัวใจของเฉียวเวยเต้นจนแทบกระดอนขึ้นมาบนลำคอ
สีหน้าจีหมิงเวยพลันแข็งค้าง พลิกมือกลับยิงเข็มเงินออกไปเล่มหนึ่ง กระรอกตัวหนึ่งถูกเข็มแทงเข้าที่ก้น ก่อนจะกลิ้งตกลงจากต้นไม้!
ศิษย์น้องระบายยิ้มด้วยสีหน้าเบาใจว่า “สัตว์ตัวเล็กๆ น่ะ ไปกันเถอะ ศิษย์พี่”
ศิษย์พี่หันกลับไปมองเรือในทะเลสาบ “ต้องรีบไปเอาผลสองภพมาก่อนศิษย์ซู่ซินจงให้ได้”
ทั้งสองเร่งฝีเท้า
หลังจากมั่นใจว่าทั้งสองเดินไปไกลแล้ว จีหมิงซิวถึงได้คลายมือที่ปิดอยู่ตรงปากเฉียวเวยออก ฝ่ามือมีไออุ่นจากริมฝีปากนาง เจือความอบอุ่นเล็กน้อย
เฉียวเวยกลับหอบหายใจเฮือกใหญ่ “หายใจไม่ออก! เจ้าอยากทำข้าขาดอากาศหายใจตายใช่หรือไม่”
จีหมิงซิวมองตามทางที่ทั้งสองคนหายไป แล้วมองเรือลำหนึ่งที่ค่อยๆ แล่นมาทางเกาะที่พวกเขาอยู่ เขาใช้มือข้างที่ไม่มีแผลจับมือนางไว้ “ไป”
เฉียวเวยสะบัดออก แต่กลับไม่อาจทำได้อย่างใจหวัง จึงถลึงตาใส่อีกฝ่าย “ใครจะไปกับเจ้า”
จีหมิงซิวเอ่ยเรียบๆ ว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าตัวคนเดียวสู้ศิษย์ซู่ซินจงได้ หรือว่าว่ายน้ำแซงเรือของจวนไท่ซือได้กัน”
เฉียวเวยเอ่ยเสียงเย็นว่า “ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องให้ท่านมายุ่ง! เรื่องของข้า ข้าจัดการเองได้ ท่านจัดการตัวท่านเองให้ดีก็พอแล้ว!”
“เจ้ามันรนหาที่ตาย”
“ข้าตายไปก็ไม่สมใจท่านพอดีหรอกหรือ”
จีหมิงซิวสายตามืดครึ้ม ประหนึ่งทะเลลึกที่เป็นดั่งขุมนรก เมื่อได้เหยียบลงไปแล้ว ก็คล้ายว่าสามารถแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี ในขณะที่เฉียวเวยถูกเขามองจนขนหัวลุกไปหมดนั้น จู่ๆ เขากลับเอ่ยกลั้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา “สมใจข้าจริงๆ นั่นล่ะ ข้าจะได้พาตัวจิ่งอวิ๋น วั่งซูกลับจวน หาสตรีจากครอบครัวใหญ่ที่รูปโฉมเลอเลิศมาเป็นแม่เลี้ยงให้พวกเขา วันๆ หนึ่งข้าสามารถเสพสุขได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด ทั้งยังสามารถกอดซ้ายโอบขวาได้อีกด้วย”
“ท่านกล้า?!” เฉียวเวยโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “ข้าขอเตือนท่านไว้ก่อน หากท่านกล้าแย่งลูกข้าไป ข้าจะให้ตระกูลจีของพวกท่านอยู่กันไม่สงบสุข!”
จีหมิงซิวเอ่ยเรื่อยๆ ว่า “เจ้ากลัวว่าข้าจะแย่งลูกไป หรือกลัวว่าข้าจะกอดซ้ายโอบขวากันแน่”
มุมปากเฉียวเวยขยับเล็กน้อย เอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “แน่นอนว่าต้องกลัวท่านแย่งบุตรข้าไปน่ะสิ! ใครสนใจเรื่องที่ท่านจะกอดซ้ายโอบขวากัน ท่านอยากกอดกี่คนก็กอดไป ศิษย์น้องหญิงของท่าน ศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน สาวใช้ในเรือน อี๋เหนียงฮูหยิน ต่อให้ท่านครองรักกับคนทั้งโลกก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้าสักนิด!”
“เหอะ” ริมฝีปากของจีหมิงซิวมีรอยยิ้มเย็นเผยออกมา
คนจริงไม่ยอมเสียเปรียบตรงหน้า แต่เฉียวเวยไม่พอใจเขาเสียแล้ว เป็นตายอย่างไรก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก!
เฉียวเวยหมุนตัวจะเดินไป!
จีหมิงซิวสายตาพลันสั่นไหว ดึงนางกลับมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลสองภพเอาไว้ทำอะไร”
เฉียวเวยเอ่ยอย่างดื้อรั้นว่า “ข้าไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย!”
จีหมิงซิวเอ่ยว่า “ตัวยาที่สามารถทำให้กลับมามีชีวิตใหม่ได้ สามารถรักษาได้ร้อยแปดพันประการ”
เฉียวเวยได้ยินอย่างนั้นสีหน้าพลันชะงัก “โรคอะไรก็รักษาได้หรือ”
“ใช่” จีหมิงซิวเอ่ยเรียบๆ
เฉียวเวยนิ่งคิด “โรคของพ่อข้าเล่า”
“ย่อมได้”
เฉียวเวยมองเข้าไปในดวงตาคู่ที่ลุ่มลึกของอีกฝ่ายทันที “ท่านอย่าหลอกข้านะ”
จีหมิงซิวไม่ได้พูดอะไร แค่เพียงจ้องตากับนางโดยไม่มีหลบเลี่ยงเท่านั้น
เฉียวเวยคิดอยากมองให้ออกว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่น แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากเขาไม่อยากให้ผู้อื่นอ่านใจตนเองออก ต่อให้เป็นบิดามารดาแท้ๆ ก็ยังไม่สามารถทำได้ มีความเป็นไปได้ครึ่งหนึ่งที่เขาจะพูดปด
แต่หากเกิดเขาไม่ได้พูดปด หากผลสองภพสามารถรักษาเฉียวเจิงได้จริงๆ เล่า
ผลสองภพเป็นของดีจริงๆ กระมัง หากไม่ใช่ของดี ก็คงดึงดูดศิษย์สมาคมกระบี่ให้เข้ามาลักลอบมาเอาไปถึงจวนไท่ฟูไม่ได้
ความคิดในใจแวบผ่าน ในใจเฉียวเวยพลันเชื่อขึ้นมากว่าครึ่ง “ผลสองภพมีทั้งหมดกี่ลูก”
จีหมิงซิวเอ่ยด้วยสีหน้าคงเดิมว่า “ในเมื่อเป็นผลสองภพ ก็ย่อมต้องมีสองผลสิ ต้นไม้ชนิดนี้ยี่สิบปีถึงจะออกผลครั้งหนึ่ง หลายวันนี้เป็นช่วงที่มันออกผลและสุกพอดี หากศิษย์สมาคมกระบี่มาเด็ดเอาไปได้ เจ้าจะรอให้มันออกผลอีกที ก็ต้องรอไปอีกยี่สิบปีเชียวนะ”
ยี่สิบปี ถึงเวลานั้นเฉียวเจิงคงชรามากแล้ว อายุของคนโบราณก็สั้นนัก เฉียวเจิงจะทนอยู่ได้ถึงวันนั้นหรือไม่ก็ยังไม่รู้
รอไม่ได้!
เฉียวเวยตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ก็ได้ ข้าจะไปเด็ดผลสองภพกับท่าน แต่ท่านต้องแบ่งให้ข้าผลหนึ่ง ไม่อย่างนั้นข้าจะช่วยศิษย์สมาคมกระบี่เล่นงานท่าน!”
จีหมิงซิวจึงเอ่ยว่า “คำไหนคำนั้น”
เฉียวเวยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องเตือนท่านไว้ก่อน ข้ากับท่านแค่เพียงร่วมมือกันชั่วคราวเท่านั้น ไว้รอให้เก็บผลสองภพมาได้ ท่านเชิญใช้ชีวิตอันแสนสุขของเจ้า ข้าจะเดินไปตามทางของข้า ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
จีหมิงซิวสีหน้าเรียบเฉย “ตามใจเจ้า”
ทั้งสองตามศิษย์สมาคมกระบี่ไป
เฉียวเวยยังเป็นห่วงว่าจีหมิงซิวกำลังหลอกนางอยู่ ระหว่างทางคอยถามรายละเอียดเกี่ยวกับผลสองภพไม่น้อย เขาก็ตอบได้อย่างไหลรื่นไม่มีติดขัด หากไม่ใช่เพราะเขามีพรสวรรค์ด้านการโป้ปดมาแต่กำเนิด เช่นนั้นสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับผลสองภพทั้งหมดก็คงเป็นเรื่องจริง
เดิมทีผลสองภพไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตจงหยวน มันมาจากชนเผ่าลึกลับชนเผ่าหนึ่ง ชนเผ่าลึกลับนี้เป็นสิ่งที่ผู้อื่นเรียกขานพวกเขา ในความเป็นจริงพวกเขามีชื่อว่าอะไรไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชนเผ่าลึกลับตั้งอยู่ที่ใด หรือพวกเขามีอยู่มาแล้วกี่ปี ใช้ชีวิตกันอย่างไร มีนิสัยเช่นไร เคยอ่านเพียงจากในหนังสือโบราณว่า ชนเผ่าลึกลับนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด ทั้งยังไม่ติดต่อกับผู้คนภายนอก
ชนเผ่าลึกลับมีภูเขาวิเศษอยู่ลูกหนึ่ง บนภูเขามีสมุนไพรล้ำค่าปลูกอยู่เต็มไปหมด ผลสองภพก็คือหนึ่งในนั้น
ในปีนั้นมีคนเดินหลงเข้าไปในภูเขาหลิงซานของชนเผ่าลึกลับ แล้วลักเอาผลสองภพจำนวนหนึ่งมาขายออกไปในราคาสูงลิ่ว ตอนหลังคนผู้นั้นถูกคนของชนเผ่าลึกลับไล่สังหาร ผลสองภพก็ถูกชนเผ่าลึกลับนำกลับไป แต่รูรั่วในทุกเรื่องที่รอบคอบก็คือ ในอกเสื้อของคนผู้นั้นเมล็ดที่แคะออกมาจากผลสองภพ
ไท่ซือฟูได้เมล็ดนั้นมาได้อย่างไรไม่มีผู้ใดไล่ตามหาคำตอบ แต่ผลสองภพมาขึ้นที่เกาะโดดเดี่ยวของจวนไท่ซือนั้นเป็นเรื่องจริง
คนที่รู้ความลับนี้มีไม่มากนัก ผู้เฒ่าไป๋เหมยเป็นหนึ่งในนั้น อีกคนหนึ่งก็คือไห่สือซาน
ไห่สือซานแม้แต่จีอู๋ซวงยังไม่บอกความลับนี้ ไม่ใช่เพราะไห่สือซานไม่เชื่อถือจีอู๋ซวง แต่อันที่จริงเป็นเพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นความจริงหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้เพียงว่าจวนไท่ซือมีต้นสองภพอยู่ต้นหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่ามันจะออกผลเมื่อไร
แต่สวี่หย่งชิงรู้
ดังนั้นสวี่หย่งชิงจึงมา
เฉียวเวยหัวเราะหึหึ “คนของซู่ซินจงลงจากเขามา ไม่ใช่เพราะจะหมั้นหมายให้ท่านกับศิษย์น้องหญิงหรอกหรือ”
จีหมิงซิวมองนางเรียบๆ
เฉียวเวยเอ่ยประชดประชันว่า “มองข้าทำไม ศิษย์น้องหญิงผู้นั้นของท่านเอ่ยเองกับปาก? ยามนางอยู่ต่อหน้าข้าไม่รู้อวดอ้างสักเพียงใด!”
กำลังอยู่ในอารามโกรธ แค่อ้าปากเป็นชวนทะเลาะ
จีหมิงซิวข่มไฟโทสะในใจไว้ ไม่สนใจนาง
ด้านหน้ามีเสียงต่อสู้ดังขึ้น ชัดเจนว่าศิษย์สมาคมกระบี่นั้นถูกสัตว์ร้ายไล่ล่า
ยามปกติเวลาเฉียวเวยขึ้นเขาไปเด็ดหาเห็ด นางมักได้พบงูพิษเสมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสมุนไพรหายากเช่นนี้ ที่ต้องมีสัตว์ดุร้ายคอยคุ้มครองอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงถูกพวกอีกาหรือแมลงเหล่านั้นกัดกินไปนานแล้ว
สัตว์ที่คอยคุ้มครองผลสองภพอยู่คืองูหลามตัวใหญ่ยาวสองตัว
งูหลามทั่วไปไม่มีพิษ พวกมันตัวใหญ่ยาว มีพละกำลังมาก มีความสามารถในการล่าสัตว์อย่างยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมีเขี้ยวพิษด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เฉียวเวยรู้สึกตกใจมากก็คือ หัวของงูหลามสองตัวที่ยาวเจ็ดแปดเมตรนี้กลับเป็นหัวแหลม!
หัวแหลมๆ ของมันทำให้เฉียวเวยคิดถึงงูพิษ
งูหลามที่มีพิษ พระเจ้า ที่นี่คือสถานที่เช่นไรกันแน่
พละกำลังของงูหลามสองตัวนี้มากล้นกว่างูทั่วไปมากนัก แค่เพียงหางโบกสะบัด ลูกศิษย์ของสมาคมกระบี่ก็กระเด็นไกลสามจั้งไปกระแทกเข้ากับต้นไม้เต็มแรง ก่อนจะล้มลงกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา
“ศิษย์น้อง!” ศิษย์พี่ร้องเสียงหลง ก่อนจะใช้กระบี่ตัดหางงูหลามตัวนั้นออกด้วยความเกรี้ยวกราด ตัวนี้เป็นงูตัวผู้ ตัวมันเล็กกว่างูตัวเมีย แต่ความน่ากลัวกลับมากมายยิ่งนัก หลังจากถูกตัดหางไปแล้ว มันส่งเสียงขู่ฟ่อเสียงดัง แล้วงับเข้าที่แขนศิษย์พี่ทันที
ศิษยพี่ขยับตามน้ำ เสียบดาบเข้าใส่ตาข้างขวาของมัน!
งูตัวนั้นร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนล้มลงกับพื้น
มือของศิษย์พี่เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว
ศิษย์พี่รีบสกัดจุดให้แขนตัวเอง งูอีกตัวหนึ่งพอเห็นว่าคู่หูของตนถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนั้น จึงพุ่งเข้ามาด้วยความบ้าคลั่ง แล้วใช้หางรัดศิษย์พี่เอาไว้ทันที
ศิษย์พี่ในมือไร้ซึ่งดาบ จึงถูกรัดเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้
ศิษย์น้องพยายามลุกขึ้นมา คว้าเอาดาบแล้วฟันไปยังจุดตายของงูทันที
งูตัวเมียเบี่ยงหลบ ศีรษะสะบัดเข้าไปหาศิษย์น้อย!
ศิษย์น้องถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลสามจั้ง
ศิษย์พี่ดึงปิ่นที่ปักอยู่บนศีรษะออกมา แล้วขว้างเข้าไปปักที่ดวงตาของงูตัวเมียทันที!
งูถูกของมีคมทิ่มตา แยกเขี้ยวอ้าปากกว้าง….
จีหมิงซิวเอามือปิดตาเฉียวเวยไว้